สํานักโคมเขียว สํานักโคมเขียวหรือโรงโคมเขียว เป็นชื่อที่ทั้งชายหนุ่ม ชายชราสมัยเก่า
รุ่นร้อยกว่าปีที่แล้วรู้จักคุ้นเคยกันดีว่า หมายถึงสํานักโสเภณี หน้าสํานักจะแขวน
โคมสีเขียวไว้เป็นเครื่องหมายสําคัญ ตรอกโรงโคมแถบเยาวราช ก็ยังมีปรากฏให้
เห็นอยู่ทุกวันนี้ เพราะตรอกนี้มีสํานักโคมเขียวเป็นที่รู้จักมักคุ้นกันดี หญิงบริการ
หรือหญิงโสเภณี
มักเป็นสาวจีน
กวางตุ้ง ที่เรียกว่าหยําฉ่า
หรือหญิงโรงนํ้าชา เพราะ
แต่เดิม โรงโคมเขียวเปิดบริการเป็นโรงนํ้าชาก่อนบ้างก็ทําเป็นโรงนํ้าชาบังหน้า หญิง
หยําฉ่าเหล่านี้ มีความเชี่ยวชาญในการสร้างความรื่นรมย์ให้แก่แขก ด้านต่างๆ
เช่น
เล่นดนตรี ร้องเพลงด้วยสําเนียง ไพเราะ อ่อนหวาน มีมรรยาท นุ่มนวล ละมุนละไม
ดุจได้รับการอบรมมาแล้วอย่างดี
ด้วยเหตุนี้ ในสมัยก่อนจึงเรียกหญิงโสเภณีว่า
หญิงงามเมือง หรือนางคณิกาอย่างยกย่อง แต่ต่อมา เมื่อสถานภาพของหญิงงามเมือง
ตกตํ่าลง
ก็ถูกเรียกอย่างประณาม ว่า หญิงคนชั่ว
หรือผู้หญิงสําเพ็ง เป็นต้น (ในกรุงเทพฯ
ยังมีวัดคณิกาผลอันเกิดจากผลงานของนางคณิกา
วัดนี้อยู่แถวพลับพลาไชย[Map] แต่
ก่อนเรียกว่าวัดอําแดงแฟง เพราะยายแฟงเจ้าสํานักโคมเขียวเป็นผู้สร้าง และครั้งหนึ่ง
อําแดงแฟงได้นมัสการ เรียนถาม สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังษี วัดระฆังฯ)
ถึงอนิสงส์ในการสร้างวัด และสมเด็จฯได้ตอบว่า
ทํามากก็จริง แต่คงได้กุศลน้อยเพราะ
เงินที่ได้มานั้น ไม่เหมาะกับการทําบุญสุนทาน)
สํานักโคมเขียวที่เมืองโบราณจัดไว้นี้
นอกจากจะห้อยโคมเขียวอันเป็นเครื่องหมาย
การค้าสําคัญแล้ว ภายในสํานักยังจัดโต๊ะเก้าอี้รับแขก เครื่องดนตรี และเตียงไว้อย่าง
พร้อมสรรพ
|