โรงยาฝิ่น อบายมุขอีกชนิดหนึ่งที่สร้างความหายนะอย่างยิ่งแก่สังคมไทยคือ ยาฝิ่น ที่ชาวจีนนํา
เข้ามาเผยแพร่ เพราะชาวจีนยุคแรกๆ ที่เข้ามาเมืองไทยมักเข้ามาอย่างกุลี หรือคน
ขายแรงงาน
ซึ่งต้องใช้ความอดทนและพละกําลังในการทํางานแลกเงินตราต้อง
หาโอกาสเข้าไปสูบฝิ่นในโรงยาทุกบ่อยเพื่อบรรเทาอาการ ปวดเมื่อย จน
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ
(King Rama III) ทรงวิตกว่าพลเมืองของพระองค์
จะพลอยเสียคนเพราะสูบฝิ่นไปด้วย จึงทรงออกประกาศ ห้ามสูบฝิ่น
และให้เผาฝิ่น
เสีย จํานวนมาก ประกาศฉบับนี้ นับเป็นสิ่งพิมพ์ รุ่นแรกของเมืองไทยที่รับวัฒนธรรม
การพิมพ์ประกาศมาจากชาวยุโรปและอเมริกัน สําหรับกลักฝิ่นที่ทรงให้เจ้าพนักงาน
ยึดมาได้จํานวนมากนั้น ก็โปรดให้หลอมแล้วสร้างเป็นพระพุทธรูปสําหรับเป็น
พระประธานในศาลาการเปรียญ วัดสุทัศนเทพวราราม ภายหลังได้รับพระราชทานนาม
ว่า พระพุทธเศรษฐมุนี ซึ่งยังปรากฏให้เห็นอยู่ทุกวันนี้
โรงยาฝิ่นที่เมืองโบราณนี้ ตั้งอยู่ท้ายย่านตลาดที่จะออกไปยังบริเวณที่สมมติเป็น
จังหวัดเพชรบุรี[Map] มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบจีนอย่างแท้จริงคือสร้างให้เห็น
เครื่องหลังคาภายในอย่างชัดเจนโดยไม่ตีฝ้า ส่วนภายในมีแคร่สําหรับนอนเอกเขนก
หนุน หมอนกระเบื้องเคลือบ เสพยาฝิ่นอย่างสบายอารมณ์ ผู้ที่เคยผ่านสังคมยุคนี้เล่าว่า
คนที่นอนสูบฝิ่นนั้น นอนถูไถ เหงื่อไคลย้อยบนแคร่นี้ จนพื้นแคร่เป็นมันเงาวับ |