ร้านตัดผม จากการค้นคว้าของเอนก นาวิกมูล (พ.ศ. ๒๕๓๑/ ๒๐๐-๒๐๑)
กล่าวถึงร้าน
ตัดผมอายุเก่าที่มีหลักฐานระบุ คือในช่วงต้นสมัยรัชกาลที่ ๕ จากจํานวนร้านค้าแถบ
ถนนบํารุงเมืองที่ปรากฏในหนังสือวชิรญาณวิเศษ (เล่ม
๒ แผ่น ๓ หน้า ๑๘
พ.ศ. ๒๔๒๙) แต่เรียก "ร้านช่างตัดผมช่างโกนผม" ซึ่งมีถึง ๖ ร้าน ก่อนหน้าจะม
ีการตั้งร้านตัดผม เป็นเรื่องเป็นราวเช่นนี้ เข้าใจว่า การรับจ้างตัดผมคงเป็นบริการ
ตามบ้าน
ที่ช่างจะนําเครื่องมือเร่ไปรับจ้างตัดตามบ้าน
ตามย่านชุมชนต่างๆ และ
น่าสังเกตว่า การบริการตัดผมนั้นเป็นเรื่องเฉพาะของบุรุษเพศเท่านั้น ส่วนร้าน
ตัดผมสตรี เพิ่งมีขึ้นเมื่อไม่เกิน ๕๐ ปีมานี้เอง
การเรียกชื่อร้านช่างตัดผมโดยเรียกรวมกับร้านช่างโกนผมด้วยนั้น
คงเป็นเพราะ
สมัยนั้น ชายจีนที่เข้ามาอยู่ในเมืองไทย
ยังไว้ผมเปียยาวตามธรรมเนียมแมนจูอยู่
โดยเว้นศรีษะส่วนหน้าไว้โกนเกลี้ยง ทําให้คนจีนต้องคอยโกนศรีษะส่วนนี้อยู่เสมอ
ด้วยเหตุนี้จึงคงรวมเอาร้านตัดผมและโกนผมเข้าไว้ด้วยกัน เกิดการเรียกร้านบริการ
ตัดผมโกนผมดังกล่าว
สําหรับร้านตัดผมอันจัดแสดงไว้
ณ เมืองโบราณนี้ นอกจากเก้าอี้เฉพาะสําหรับ
ผู้รับบริการที่เห็นเด่นชัดแล้ว ภายในร้านยังมี พัดชักติดไว้ส่วนบนเหนือเก้าอี้
ตรงเพดานด้วย
พัดชักนี้จะต้องมีคนคอยชักให้เคลื่อนไหวไปมา เพื่อให้เกิดกระแส
ลมหมุนเวียน
เป็นการบรรเทาอากาศร้อนอบอ้าวในร้านลงเสียบ้าง วัฒนธรรมการใช้
พัดชักนี้ไทยรับมาจากฝรั่ง โดยมีหลักฐานเก่าสุด ระบุว่า
ตั้งแต่พ.ศ. ๒๓๙๘ ช่วงต้น
แผ่นดินรัชกาลที่
๔ (เอนก, ๒๕๓๑, ๙๐)
|