ทรท.สีเทาฉะ 'ธีรยุทธ'

กรณีที่นักวิชาการชื่อดังได้ร่วมเสวนาหัวข้อ "เลือกตั้ง 2548 อนาคตประเทศไทย" โดยนายธีรยุทธ บุญมี อาจารย์คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิจารณ์ว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นการเปิดศักราชการเลือกตั้งสีเทา และการเมืองสีเทา สังคมที่เคยแยกความเหมาะสม-ไม่เหมาะสม ดี-เลว จะทับซ้อนกันหมด เพราะพรรคไทยรักไทยทำให้ทุกอย่างเป็นสีเทา เรียกได้ว่าเป็น "ไทยรักเทา" ขณะที่นายรังสรรค์ ธนะพรพันธุ์ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ฟันธงว่าหากพรรคไทยรักไทยชนะเลือกตั้ง สังคมไทยจะเปลี่ยนเป็นสังคมขี้ฉ้อและสังคมแห่งความเสี่ยงนั้น

เมื่อเวลา 11.15 น. วันที่ 20 พ.ย. ที่พรรคไทยรักไทย สาขานางเลิ้ง นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ โฆษกพรรคไทย-รักไทย แถลงว่า เมื่อพรรคไทยรักไทยเข้ามาเป็นรัฐบาล ได้แสดงท่าทีชัดเจนที่จะทำให้เศรษฐกิจและสังคมดีขึ้น โดยใช้นโยบายที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ตัดขบวนการนายหน้า เข้าถึงประชาชนโดยตรง จนได้รับการพิสูจน์แล้วว่า นโยบายตอบสนองประชาชนได้ตรงจุด กลไกของรัฐทุกส่วนมุ่งเน้นทำงานเพื่อบ้านเมือง ไม่ใช่การเมือง ถึงวันนี้พรรคไทยรักไทยพร้อมกลับไปหาประชาชน คืนอำนาจให้อีกครั้ง

นายสุรนันทน์ กล่าวว่า ส่วนที่นายธีรยุทธ ระบุว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นการเปิดศักราชการเมืองสีเทานั้น ขอชี้แจงว่าการเมืองสมัยก่อนเป็นสีดำสนิท การปฏิรูปการเมืองทำให้กลายเป็นสีเทาดำ รัฐบาลพรรคไทยรักไทยได้เทสีขาวลงไปอย่างต่อเนื่องในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา จนวันนี้กลายเป็นสีเทาขาว ไม่ใช่สีเทาดำแล้ว อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าจะทำให้เป็นสีขาวบริสุทธิ์ทั้งหมดคงเป็นไปไม่ได้ ดังนั้น ทุกฝ่ายต้องช่วยกันขจัดจุดสีดำออกไปให้มากที่สุด หากพรรคไทยรักไทย ได้รับโอกาสเข้ามาบริหารประเทศอีกครั้ง 4 ปีข้างหน้าจะทำให้ประเทศชาติขาวกว่านี้

นายสุรนันทน์ กล่าวอีกว่า ส่วนที่นายรังสรรค์ วิจารณ์ว่า อนาคตการเมืองไทยจะมีความฉ้อฉลและความเสี่ยงเพิ่มขึ้น เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ตัวเอง โดยเฉพาะรัฐบาลยุคพรรคไทยรักไทยที่ชอบเสี่ยงโดยไม่จำเป็นนั้น ถือเป็นการมองโลกในแง่ร้ายเกินไป เพราะสมัยก่อนการฉ้อฉลหนักหนากว่าสมัยนี้เยอะ จนทำให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจในช่วงปี 2540 เกิดวงจรอุบาทว์ ความคิดความอ่านถึงทางตัน ซึ่งนักวิชาการเหล่านี้และพรรคประชาธิปัตย์ก็อยู่ในเหตุการณ์นั้น แต่พรรคไทยรักไทยสามารถผ่าทางตันฝ่าวงล้อมออกมาได้ และไม่อยากกลับไปสู่วัฏจักรแบบนั้นอีก บรรดานักวิชาการต่างๆแม้จะมีความคิดก้าวหน้าขนาดไหน แต่หากยังยึดติดในรูปแบบเก่า ไม่ปรับกระบวนทัศน์ ไม่มีหัวก้าวหน้า ท้ายที่สุดต้องจมหายไปกับประวัติศาสตร์ อย่างไรก็ตาม พรรคไทยรักไทยจะรับข้อวิจารณ์เหล่านี้ไว้พิจารณา ถือเป็นมุมมองอันหนึ่งในสังคม เพื่อนำมาประกอบกับเหตุผลในการทำงาน

ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี ส.ส.นครราชสีมา พรรคไทยรักไทย กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยเดินมาถูกทางแล้ว เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล สามารถไถ่ถอนประเทศคืนจากไอเอ็มเอฟได้ รวมทั้งซ่อมแซมประเทศ และจะสร้างประเทศให้เข้มแข็งในอีก 4 ปีข้างหน้า การที่นักวิชาการมีคำวิจารณ์ต่างๆ รัฐบาลขอรับฟังด้วยความเคารพ แต่อยากถามว่า นักวิชาการเหล่านี้มีอคติหรือไม่ รับจ๊อบใครมาหรือเปล่าไม่ทราบ อย่าลืมว่าตอนนี้ประเทศชาติต้องการความเป็นเอกภาพในการแก้ไขปัญหา ถ้านักวิชาการจะพูดอะไรที่ไม่สร้างสรรค์ น่าจะต้องมีใบเสร็จที่ชัดเจน ไม่ใช่พยากรณ์ว่าอนาคตประเทศจะเป็นสีเทา สีดำหรือสีแดง

นายอดิศร เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักไทย กล่าวว่า ขอน้อมรับคำวิพากษ์วิจารณ์ของนักวิชาการทั้งหลาย เพราะเป็นสิทธิของนักวิชาการ แต่พรรคไทยรักไทยยืนยันว่า เดินตามแนวทางรัฐธรรมนูญ โดยมีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำกับดูแลการเลือกตั้งให้เกิดความบริสุทธิ์ยุติธรรม ทั้งนี้ นักวิชาการควรวิจารณ์นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ด้วย อย่ารุมวิจารณ์แต่พรรคไทยรักไทย และต้องชี้ให้ ประชาชนเห็นว่าควรจะเลือกพรรคไหนที่ทำประโยชน์ ให้ประชาชนได้จริง นอกจากนี้ ขอให้กำลังใจนักวิชาการที่ชอบวิพากษ์วิจารณ์จนตัวเองลืมไปใช้สิทธิเลือกตั้ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคมหาชนเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวหรือไม่ นายอดิศรตอบว่า พรรคการเมืองอื่นยังไม่สุกงอม โดยเฉพาะพรรคมหาชนเปรียบเหมือนไม้ยูคาลิปตัส เป็นไม้ล้มลุกที่เพิ่งปลูกใหม่ ต่างกับพรรคไทยรักไทยที่เป็นไม้สัก มีความแข็งแรงแข็งแกร่ง ยิ่งมองไปในพื้นที่ภาคอีสาน พรรคไทยรักไทยเหมือนจระเข้ หรือปลาวาฬ ส่วนพรรคมหาชนกับพรรคประชาธิปัตย์คล้ายกับปลาซิวปลาสร้อย ที่พยายามโผล่หัวมาตอดอากาศหายใจ เดี๋ยวก็หายไป ไม่ต้องพูดถึง พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคมหาชน เพราะประชาชนยังเข็ดขยาดภาพเก่าๆ เรื่องบ้าน 3 หลัง การแสดงบัญชีทรัพย์สิน 45 ล้านบาท และภาพชูแก้วไวน์ใบใหญ่ขี่คอข้าราชการข้ามลำห้วย สมัยที่เป็น รมว.มหาดไทย การเล่นการเมืองไม่ใช่จะเอามันอย่างเดียว ต้องเอาชาติบ้านเมืองเป็นหลัก.

ขณะที่นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่ากรณีที่นายธีรยุทธ บุญมี วิจารณ์ว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นการเปิดศักราชการเลือกตั้งสีเทาว่า อาจเป็นสีเทาจนกลายเป็นสีดำ เพราะมีการส่งสัญญาณมาตั้งแต่การเลือกตั้งซ่อม ส.ส.หลายครั้งที่ผ่านมา ที่มีการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง

ส่วนนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องนี้พรรคประชาธิปัตย์พูดมาหลายครั้งแล้ว ที่ผ่านมามีทั้งการใช้เงินมหาศาลในทางการเมือง การดูด ส.ส. และล่าสุดยังใช้งบประมาณของรัฐหาเสียงให้แก่พรรคการเมืองในรูปแบบต่างๆ ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งหน้าคงไม่ใช่แค่สีเทา แต่จะเป็นสีดำ จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายติดตามตรวจสอบการเลือกตั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กกต.ต้องทำให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรม ปฏิบัติกับทุกพรรคการเมืองอย่างเท่าเทียมกัน