ปีที่ 55 ฉบับที่ 17121 วันจันทร์ที่ 6 ธันวาคม 2547

จับยกแก๊ง 4 มือบึมใต้

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 20 พ.ย. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งอยู่ระหว่างเดินทาง ไปร่วมประชุมสุดยอด ผู้นำเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ครั้งที่ 12 ที่ประเทศชิลี กล่าวผ่านรายการวิทยุ "นายกฯทักษิณคุยกับประชาชน" ถึงปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า เมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา พี่น้องคนไทย คงได้รับฟังพระราชเสาวนีย์ ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงเล่าถึงพระราชกรณียกิจและทุกข์สุขของราษฎร ที่พระองค์ได้ทรงทราบด้วยพระองค์เอง ขณะเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตนมั่นใจว่าพี่น้องคนไทยทุกคนคงจะมีความภาคภูมิใจที่มีสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงรักห่วงใยพี่น้องประชาชนคนไทยทุกๆคน ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องคนไทยที่อยู่ในชายแดนภาคใต้ที่กำลังอยู่ในภาวะอันตรายอยู่ขณะนี้ ทรงเรียกร้องให้ทุกคนหันหน้าเข้าหากันช่วยกันแก้ปัญหา เพื่อนำความสงบสุขกลับคืนมาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ได้ รับสั่งถึงความมุ่งมั่น ความเสียสละของพระองค์ที่พร้อมที่จะเสียสละเพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติ บูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าพวกเรามีบุญมากที่มีสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงห่วง

พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวต่อว่า วันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็รับสั่งกับทหารตำรวจที่เข้ารับพระราชทานแตะบ่านายพล ก็ทรงห่วงใยพสกนิกร โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องชาว 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็ให้เข้าใจได้เลยว่าทุกคนห่วงใย รักท่าน ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใด ถือว่าเป็นคนไทย แต่ว่าขณะนี้มีกลุ่มคนซึ่งหวังที่จะคิดการใหญ่ หวังที่จะแยกดินแดนออกไป ไปปลุกปั่นเด็กๆผ่านกรรมวิธีที่ใช้ศาสนาในทางที่ผิด ใช้คำสอนที่ผิดๆ ทำให้คนเหล่านี้หลงผิด ซึ่งจริงๆแล้วศาสนาอิสลามคือศาสนาแห่งสันติ เพราะฉะนั้น วันนี้การหลงผิดต้องยุติได้แล้ว

นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า ขอบอกกับพี่น้องชาว 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เลยว่า พวกเราคนไทยทั้งประเทศ รักท่าน ห่วงท่าน และก็หวงแหนดินแดนของเรา จะไม่มีใครแยกเป็นอันขาด เราก็จะร่วมกันพับนกสันติภาพที่จะส่งความปรารถนาดี ความห่วงใย ความรัก ความที่อยากเห็นสันติเกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยวันที่ 1 ธ.ค. เจ้าหน้าที่จะไปตระเวนรวบรวมส่งมาที่สนามบิน กองทัพอากาศจะนำขึ้นเฮลิคอปเตอร์ รวมทั้งทหารบก ทหารเรือ ตำรวจ ก็จะโปรยไปตามหมู่บ้านต่างๆในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก่อนโปรยจะทำพิธี กองทัพอากาศจะปล่อยริ้วควันสีธงชาติไทย แดง ขาว น้ำเงิน เพื่อที่จะเป็นสัญ-ลักษณ์ธงไตรรงค์เหนือ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แล้วก็จะปล่อยนกกระดาษที่ประชาชนคนไทย 62 ล้านคนพับขึ้นมา เพื่อจะส่งเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่า พวกเรารักสันติ พวกเรารักท่าน ห่วงใยท่าน เหมือนที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชเสาวนีย์ไป ขอให้ทุกคนหันหน้าเข้าหากันได้แล้ว

พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า ตนไม่เคยพับนกมาก่อน ก็หัดพับให้เด็กนักเรียนจากโรงเรียนราชวินิตมัธยม โรงเรียนศรีอยุธยา สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล มาสอนวิธีพับนกเพิ่งจะพับเป็น และเชื่อว่าคนพับนกเป็นเยอะ โดยเฉพาะเด็กวัยรุ่นพับนกเก่ง พับนกกันคนละไม้คนละมือ 62 ล้านตัว ส่งให้พี่น้อง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประเทศไทยเป็นประเทศซึ่งมีภาพพจน์แห่งการรักสันติมาโดยตลอด ตามพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงรับสั่งได้ประทับใจมากคือ ทรงรับสั่งว่าได้เสด็จที่ภาคใต้มา 30 ปี ตั้งแต่ปี 2516 เวลา 30 ปี สิ่งที่เกิดขึ้นในภาคใต้ในตอนนี้ ทรงรับสั่งว่าไม่ใช่เป็นคนไทยมุสลิมที่ท่านรู้จัก ไม่ใช่คนไทยมุสลิมที่น่ารักเหมือนที่ทรงเคยเห็นมา 30 กว่าปี แต่เป็นคนเหมือนถูกล้างสมอง ไม่มีความเป็นคนไทยเหลืออยู่เลย ก็ขอให้พี่น้องคนไทยทั้งหลายที่มีลูกหลานวัย 20 กว่าปี ขอให้ดึงเขากลับมาเป็นคนดี แล้วทางราชการก็จะไปช่วยส่งเสริม ให้เรียนหนังสือก็จะมีอาชีพ เพื่อให้ทุกคนมีงานทำ ส่วนที่มักใหญ่ ใฝ่สูง อยากเป็นใหญ่เป็นโต คงต้องจัดการขั้นเด็ดขาดต่อไปก็ขอให้พี่น้องประชาชนเข้าใจด้วย

"เมื่อวันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา นายดำรง พุฒตาล ส.ว.กทม. ในฐานะรองประธานจัดงานเมาลิดกลางแห่งประเทศไทย ได้นำคณะกรรมการจัดงานฯเข้าพบผม งานเมาลิดก็เป็นงานที่รำลึกถึงวันคล้ายวันเกิด ของพระโมฮัม-หมัด ซึ่งเป็นปีฮิจเราะห์ศักราช 1425 คณะกรรมการก็จะจัดงานทุกปี สมัยที่ตนเป็นนักเรียนเตรียมทหาร จะจัดที่สวนลุมพินี ยังเคยไปเที่ยว ตอนนี้ย้ายมาจัดที่สวนอัมพรและ 2-3 ปีนี้ ตนไปงานทุกปี ปีนี้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯจะเสด็จฯ ทรงเป็นประธานเปิดงาน ส่วนวันปิดงานตนจะไป เป็นประธานปิด งานมีระหว่างวันที่ 20-23 พ.ย. ขอเชิญชวนพี่น้องชาวไทยมุสลิมได้ไปเที่ยวกัน มีการแข่งประกวดกอรี หรือมีการแข่งการอ่านคัมภีร์อัลกุรอาน ซึ่งคนไทยอ่านได้เก่งมาก อ่านได้ไพเราะมากน่าชื่นชม" พ.ต.ท. ทักษิณกล่าว

ส่วนความเคลื่อนไหวอื่นๆ เกี่ยวกับปัญหาไฟใต้ เมื่อเวลา 08.00 น. ที่ท่าอากาศยานทหาร กองบิน6 ดอนเมือง นายโภคิน พลกุล รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ ก่อนเดินทางไปราชการที่ จ.นครราชสีมา ถึงปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ภายหลังจากมีพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ออกมา เชื่อว่าจะทำให้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ ลดลง ทำให้คนไทยเข้าใจและอยากส่งพลังไปช่วยเหลือประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่าปัญหาในภาคใต้มาจากการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่มีความยืดหยุ่น สอดคล้องกับวัฒนธรรมในพื้นที่ นายโภคินตอบว่า อยากให้บอกชัดเจนว่า ไม่ยืดหยุ่นอย่างไร ไม่ใช่พูดมาลอยๆ หากจะมีการปกครองตัวเองก็ต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการปกครองท้องถิ่น ไม่สามารถปกครองตัวเองแบบนอกรัฐธรรมนูญได้

ที่อาคารใหม่สวนอัมพร เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 20 พ.ย. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯพร้อมด้วย พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติ-ยาภา และหม่อมเจ้าหญิงสิริวัณวรี มหิดล เพื่อทรงเป็นประธานเปิดงานเมาลิดกลางแห่งประเทศไทย ประจำปี ฮิจเราะห์ศักราช 1425 โดยมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา รมว.เกษตรฯ นายสวาสดิ์ สุมาลยศักดิ์ จุฬาราชมนตรี พร้อมคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด ผู้นำศาสนา ผู้นำชุมชน ตลอดจนประชาชนชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลาม ราว 5 พันคน เข้าเฝ้ารอรับเสด็จ ต่อมาทรงพระดำเนินทอด พระเนตรนิทรรศการต่างๆ อาทิ นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 72 พรรษา สำหรับงานเมาลิด กลางแห่งประเทศไทยจัดให้มีขึ้นระหว่างวันที่ 20-23 พ.ย.นี้

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานจัดงานเมาลิดกลางกล่าวว่า งานเมาลิดกลางจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อรำลึกถึงประวัติพระศาสดาของศาสนาอิสลาม แต่เนื่องจากในปีนี้มีสถานการณ์รุนแรงเกิดขึ้นในภาคใต้ คำขวัญของงานจึงใช้คำว่า "งานเมาลิดกลางเพื่อสร้างสันติภาพ ภราดรภาพ และเอกภาพ" เพื่อดึงพลังจิตใจของพี่น้องมุสลิมทั้งหลาย ให้สร้างสันติสุขแก่พี่น้องประชาชนทางภาคใต้ และเนื่องจากปีนี้เป็นปีที่สำคัญของชาวไทยทุกคน เพราะเป็นปี 72 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จึงมีการจัดเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระราชินีภายในงานด้วย นอกจากนี้ ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี เพราะนับตั้งแต่วันที่มีพระราชดำรัสเกี่ยวกับปัญหาเรื่องภาคใต้ รู้สึกว่าสถานการณ์ต่างๆจะดีขึ้นมาก ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น และหวังว่าจากพระราชดำรัสของพระองค์ท่าน พร้อมด้วยความร่วมมือของทุกฝ่าย สิ่งทั้งหลายที่เคยเกิดจะสามารถที่จะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นในที่สุด

ด้านนายประสาน ศรีเจริญ โฆษกสำนักจุฬาราชมนตรี กล่าวระหว่างร่วมงานเมาลิดกลางที่สวนอัมพร ว่า สถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ดีขึ้นเป็นลำดับประชาชนตื่นตัว หลังจากที่ได้รับฟังพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ ขณะที่คนในพื้นที่มีการประสานความร่วมมือในการเฝ้าระวังกันเอง รวมทั้งมีการให้ความรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ก่อการร้าย กับหลักความจริงของศาสนาอิสลามที่ไม่ได้สอนให้คนก่อความรุนแรง อีกทั้งมีการนำคัมภีร์อัลกุรอานฉบับถูกต้องสมบูรณ์ ออกแจกจ่ายให้แก่พี่น้องชาวมุสลิม เพื่อเป็นการแบ่งแยกประชาชนผู้บริสุทธิ์ออกมาจากขบวนการก่อการร้าย ถือเป็นการแยกปลาออกจากน้ำ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังน่าเป็นห่วงเรื่องตัวเลขผู้สูญหายจากการชุมนุมที่ อ.ตากใบ จำนวน 8 คน ที่ผู้ปกครองมาแจ้งไว้ อยากจะให้รัฐบาลช่วยเหลือครอบครัวของผู้ที่สูญหาย ส่วนสภาพจิตใจของประชาชนมุสลิมดีขึ้น เช่นเดียวกับสถานการณ์ที่ดีขึ้นเรื่อยๆ

หลายฝ่ายยังคงเดินหน้าผนึกกำลังร่วมใจกันพับ "นกสันติภาพ" ส่งไปให้กำลังใจคนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 20 พ.ย. ประชาชนใน จ.บุรีรัมย์ โดยเฉพาะเด็กนักเรียน นักศึกษาตามสถานศึกษาต่างๆ รวมถึงส่วนราชการ พร้อมใจกันจัดกิจกรรมพับรูปนกกระดาษซึ่งเป็นตัวแทนความห่วงใยสัญลักษณ์ แห่งความรักและสันติภาพให้เกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คาดว่า จ.บุรีรัมย์จะมีนกกระดาษที่พับเพื่อส่งไป 3 จังหวัดภาคใต้ มากกว่า 10 ล้านตัว ส่วนที่ จ.นครปฐม ผู้สื่อข่าวรายงานมาว่า เมื่อเวลา 17.00 น. ของวันที่ 20 พ.ย. นายประสาท พงษ์ศิวาภัย ผวจ.นครปฐม พร้อมด้วยนายพเยาว์ เนี๊ยะแก้ว นายก อบจ.นครปฐม หน.ส่วนราชการ ภาคเอกชนและประชาชน กว่า 1 หมื่นคนเศษ ได้ทำพิธีรวมพลังสร้างกำลังใจไป 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยการพับนกซึ่งเป็นสื่อสันติภาพคนละตัว ส่งใจไปเพื่อให้เกิดความสงบสุข ที่สนามหน้าองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม เพื่อเตรียมจัดส่งไปโปรยเหนือท้องฟ้าในวันที่ 5 ธ.ค.ที่จะถึงนี้

ต่อมาเวลา 20.35 น.วันเดียวกัน ตรงกับเวลา 10.35 น.ของประเทศชิลี นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รมว. การต่างประเทศ ได้หารือระดับทวิภาคีกับ พล.อ.คอลิน พาวเวลล์ รมว.ต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา ที่โรงแรมไฮแดตต์ กรุงซานติอาโก ใช้เวลาประมาณ 30 นาที จากนั้นนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว อธิบดีกรมสารนิเทศ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า การหารือครั้งนี้เป็นการทบทวนความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ เพื่อจะทำงานร่วมกันต่อไป โดยในช่วงหนึ่ง พล.อ.คอลินได้ขอให้นายสุรเกียรติ์เล่าถึงสถานการณ์การสลายการชุมนุมม็อบที่หน้า สภ.อ.ตากใบ ซึ่งนายสุรเกียรติ์กล่าวว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความพยายามสร้างสถานการณ์ และภาพความขัดแย้งระหว่างชาวไทยพุทธกับไทยมุสลิม แต่ รัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการอิสระสอบสวนข้อเท็จจริงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว พล.อ.คอลินจึงแสดงความพอใจที่ไทยดำเนินการสอบสวน พร้อมย้ำถึงความสำคัญของคณะกรรมการอิสระชุดดังกล่าว

ขณะเดียวกัน ตำรวจและทหารในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็สามารถรวบตัวผู้ต้องหาที่ลอบวางระเบิดได้ยกแก๊ง โดยเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 20 พ.ย. ที่ห้องประชุมปาหนัน บก.ภ.จ.นราธิวาส พล.ต.ท.วงกต มณีรินทร์ ผช.ผบ.ตร.ในฐานะรอง ผอ.สสส.จชต.พร้อมด้วย พล.ต.ท.มาโนช ไกรวงศ์ ผบช.ภ.9 พล.ต.ต.ธานี ทวิชศรี รอง ผบช.ภ.9 พ.ต.อ.ทนงศักดิ์ ภัทรภาณุ รอง ผบก.ภ.จ.นราธิวาส และ พ.ต.ต.สืบสกุล มณีนวล สว.สภ.ต. โล๊ะจูด อ.แว้ง จ.นราธิวาส นำตัวนายมูฮำหมัด มะนอ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 85/1 หมู่ 5 ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส นายสูไฮมิง ยะยา อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 125 หมู่ 4 ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี นายสักรี บินเจ๊ะฮะ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 90 หมู่ 5 ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี และนายมาการีมิง รอกี อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 76/1 หมู่ 4 ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี มาแถลงข่าวคดีลอบวางระเบิดก่อความไม่สงบในพื้นที่

พล.ต.ท.วงกตระบุว่า เมื่อวันที่ 13 พ.ย. ผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ได้ขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟสีบรอนซ์เงิน ทะเบียน กวต 703 นราธิวาส และรถจักรยานยนต์ยี่ห้อซูซูกิบีต สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน กรข 904 นราธิวาส นำวัตถุระเบิดชนิดแสวงเครื่อง ซึ่งประกอบขึ้นเองโดยใช้โทรศัพท์มือถือเป็นตัวจุดชนวนระเบิด ไปซุกซ่อนไว้ที่ใต้พื้นศาลาที่พักริมทางขึ้นลงท่าเรือบาโอ๊ะ แม่น้ำสุไหงโก-ลก ติดพรมแดนไทย-มาเลเซีย บ้านบูเก๊ะตา หมู่ 2 ต.โล๊ะจูด อ.แว้ง จ.นราธิวาส โดยมีจุดประสงค์จะฆ่า ตชด.และทหารซึ่งไปปฏิบัติหน้าที่ตรวจผู้คนเข้าออกไปยังประเทศมาเลเซีย หลังจากซุกซ่อนระเบิดไว้แล้ว ผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ได้สังเกตการณ์อยู่เห็นว่ามี ตชด.และทหารปฏิบัติหน้าที่อยู่ในศาลาดังกล่าว จึงได้โทรศัพท์ติดต่อไปยังเครื่อง ซึ่งประกอบติดกับระเบิด เป็นเหตุให้เกิดการระเบิดขึ้น ทำให้ ตชด.และทหารบาดเจ็บ 4 นาย ชาวบ้านบาดเจ็บอีก 3 คน ก่อนจะหลบหนีไปจนมุมถูกด่านตรวจสกัดจับได้ที่บ้านฆอเลาะทูวอ ต.แว้ง อ.แว้ง

"จากการซักถาม นายสูไฮมิง ยะยา 1 ใน 4 ผู้ต้องหา ยอมรับสารภาพว่า ได้ร่วมกับพวกรวม 4 คน นำวัตถุระเบิดไปซุกซ่อนไว้ใต้ศาลาที่เกิดเหตุ และนายมาการี-มิง รอกี ยอมรับว่าเป็นคนโทรศัพท์ไปจุดชนวนระเบิด โดยได้รับการจ้างวานจากแกนนำกลุ่มโจรก่อการร้ายคนหนึ่ง ซึ่งยังเปิดเผยชื่อไม่ได้เพื่อหวังแบ่งแยกดินแดน" พล.ต.ท.วงกต กล่าว

ในส่วนของมาตรการป้องกันและสลายการชุมนุม กลุ่มผู้ประท้วง ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ มอบหมายให้เป็นหน้าที่หลักของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น พล.ต.ท.วงกต ในฐานะรอง ผอ.สสส.จชต. กล่าวว่า ได้จัดเตรียมรถบรรทุก 6 ล้อติดลูกกรงเหล็กดัดพร้อมหลังคาไว้ถึง 50 คัน ส่งไปประจำตามโรงพักต่างๆในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หากมีการเคลื่อนย้ายกลุ่มผู้ชุมนุม ณ จุดใดจุดหนึ่ง ก็จะวิทยุให้แต่ละโรงพักส่งรถดังกล่าวมาสนับสนุน ส่วนกำลังชุดปราบจลาจล (ปจ.) นั้น ได้เตรียมกำลังพลจาก จ.สงขลา ปัตตานี นราธิวาส และยะลา จังหวัดละ 400 นาย รวมทั้งสิ้น 1,200 นาย เข้ารับการฝึกทบทวนแผนสลายการชุมนุม และการควบคุมฝูงชน เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ หากมีการชุมนุมเกิดขึ้นอีก

เมื่อเวลา 10.00 น. วันเดียวกัน พ.ต.ต.อธิปัตย์ แก้วห่อทอง สารวัตรเวร สภ.อ.เมืองยะลา รับแจ้งจาก รพ.ศูนย์ยะลาว่า ผู้บาดเจ็บที่ถูกกลุ่มคนร้ายในภาคใต้บุกยิง ถูกส่งมารักษาที่โรงพยาบาล ได้เสียชีวิตแล้ว 1 ราย จึงรุดไปสอบสวน ทราบชื่ออาสาสมัครทหารพราน ยาวาวี ยะหริ่ง อายุ 27 ปี สังกัดกรมทหารพรานที่ 41 อยู่บ้านเลขที่ 2/1 หมู่ 6 บ้านกูแบกือโระ ต.จะกว๊ะ อ.รามัน ถูกยิงด้วยปืน .45 เข้าที่ท้ายทอยและต้นคอด้านหลัง 2 นัด กระสุนทะลุสมองด้านหน้า เหตุเกิดเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ น.พ.ประชา ชยาภัม ศัลยแพทย์ประสาท แจ้งสาเหตุการเสียชีวิตว่า สมองและประสาทส่วนสำคัญถูกทำลาย มอบศพให้ญาติรับไปดำเนินการตามพิธีทางศาสนาต่อไป

ส่วนความช่วยเหลือประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มโจรก่อการร้าย เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 20 พ.ย. น.อ.ไตรขวัญ ไกรฤกษ์ ผบ.กรมทหารราบที่ 3 กองพลนาวิกโยธินภาคใต้ ค่ายจุฬาภรณ์ อ.เมืองนราธิวาส ได้นำกำลังชุดทหารช่างนาวิกโยธิน จำนวน 20 นาย พร้อมวัสดุและอุปกรณ์ในการสร้างบ้าน ซ่อมแซมร้านขายข้าวต้มชื่อ "อั้งม้อ" เลขที่ 283 สี่แยกรุ่งฟ้า กลางเมืองนราธิวาส ของนายภักดี พรมมินทร์ อายุ 42 ปี ที่ถูกคนร้ายลอบวางระเบิดแสวงเครื่องจุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ เป็นเหตุให้เกิดการระเบิดขึ้น มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 15 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาส "5 ธันวามหาราช" และเป็นโครงการนำร่องในการช่วยเหลือซ่อมแซมบ้านเรือนให้แก่ประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบ

วันเดียวกัน พล.ต.ต.ปริญญา ขวัญยืน ผบก.ภ.จ. ยะลา กล่าวเพิ่มเติมว่า ในเร็วๆนี้จะเปิดโครงการฝึกใช้อาวุธปืนให้แก่ครอบครัวข้าราชการตำรวจ ในสังกัดเพื่อเพิ่มความรู้ความชำนาญ และเป็นการป้องกันตัวเอง ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.สาคร ทองมุณี โฆษกตำรวจภูธรภาค 9 กล่าวเพิ่มเติมว่า ทางศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า (ศปก.ตร.สน.) ได้เปิดตู้ ปณ. 1340 ปณจ.ยะลา 95000 และ 1340@polico.go.th เพื่อรับแจ้งเรื่องราวร้องทุกข์และเบาะแสเกี่ยวกับสถานการณ์ ในภาคใต้ โดยข้อมูลทุกอย่างจะถูกปกปิดไว้เป็นความลับ เพื่อความปลอดภัยของผู้แจ้งเบาะแสทุกคน