Article 107


โจรใต้-ฟัดดะยิงถล่ม6ราย

พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังอยู่ในภาวะอันตราย ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนผู้บริสุทธิ์ตกเป็นเป้ากระสุนกลุ่มโจรก่อการร้าย ไล่ล่าสังหารหวังสร้างสถานการณ์โหมไฟใต้รายวัน ล่าสุดโจรใต้ไล่ยิงเหยื่อหลายรายในวันเดียว เริ่มที่ จ.นราธิวาส มีผู้ตกเป็นเหยื่อ 3 ราย รายแรกน้าชายของภรรยานายตำรวจระดับ พ.ต.อ. ถูกยิงตาย เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 4 ต.ค. ร.ต.ต.มารุต วงษ์พูล ร้อยเวร สภ.อ.แว้ง นำกำลังไปตรวจสอบเหตุคนถูกยิงตายบนถนนสายแว้ง-สุไหงโก-ลก บ้านไม้ฝาด หมู่ 8 ต.กายูคละ ห่างจากจุดที่ พ.ต.ท.สุพิรัฐ เพียรทอง รอง ผกก.สภ.อ.แว้ง ถูกคนร้ายยิงบาดเจ็บ เมื่อวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา ประมาณ 150 เมตร พบเพียงกองเลือดและรถ จยย.ซูซูกิ สีน้ำเงิน ทะเบียน ง-9968 นราธิวาส ล้มตะแคงอยู่ ส่วนคนเจ็บถูกนำส่ง รพ.สุไหงโก-ลก เสียชีวิตในเวลาต่อมา ทราบชื่อ นายโชคศักดิ์ ศิริไพรวัน อายุ 70 ปี ถูกยิงด้วยปืน .38 ที่กลางหลัง ขมับขวา และลำคอ รวม 3 นัด

สอบสวนทราบว่า ผู้ตายเป็นน้าชายภรรยาของ พ.ต.อ.เดโช จุลแก้ว ผกก.สภ.อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี ก่อนเกิดเหตุขี่รถ จยย.ออกจากบ้านมุ่งหน้าไปสวนยางพาราที่บ้านบาโงตือบู หมู่ 8 ต.กายูคละ เมื่อถึงที่เกิดเหตุได้มีคนร้ายเป็นชายวัยรุ่น 2 คน ขี่รถ จยย.ไล่ตามประกบยิง นัดแรกเข้ากลางหลังจนรถเสียหลักล้มลง ก่อนที่จะลงไปจ่อยิงซ้ำอีก 2 นัดซ้อน แล้วพากันหลบหนีไปคาดว่าเป็นการสร้างสถานการณ์โหมไฟใต้

รายต่อมาดักยิงถล่มกำนันเมื่อเวลา 13.00 น. พ.ต.ท.อำนวย พงษ์สวัสดิ์ รอง ผกก.สส.สภ.อ.สุคิริน จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุกำนันถูกยิงที่ถนนสายสุคิริน-จะแนะ บ้านไอบือแน หมู่ 3 ต.ร่มไทร จึงนำกำลังไปตรวจสอบ พบปลอกกระสุนปืนอาก้า 3 ปลอกตกอยู่ ส่วนคนเจ็บขับรถปิกอัพอีซูซุ สีเทาดำ ทะเบียน บ-4224 ยะลาหนีไปจอดหน้ามัสยิดตัสตีกียะห์ ไปสอบสวนพบว่ารถปิกอัพถูกยิงพรุน กระจกแตกละเอียด และยางล้อหน้าแตกทั้ง 2 ข้าง โดยมี นายอิสมาแอ โต๊ะกา อายุ 40 ปี กำนัน ต.ร่มไทร อ.สุคิริน คนขับ ถูกกระจกบาดที่นิ้วชี้และนิ้วนางมือขวาบาดเจ็บเล็กน้อย นายลียาเซะ ดือราแม สารวัตรกำนัน นายมูดอ ซะอะ และนายยูนุ เจ๊ะโซ๊ะ ผช.ผญบ. รวม 4 คน อยู่ในอาการตื่นตระหนก

สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุทั้ง 4 คนกลับจากประชุมที่ อ.สุคิริน เมื่อถึงที่เกิดเหตุถูกกลุ่มคนร้ายดักซุ่มอยู่ในป่าข้างทางกราดยิง ด้วยปืนอาก้าชุดใหญ่เสียงดังหูดับตับไหม้ โชคดีที่กระสุนไม่ถูกใคร นายอิสมาแอ จึงชักปืน .38 และนายลียาเซะ ชักปืน 9 มม. ออกมาดวลสู้กับกลุ่มคนร้าย จนฝ่ายตรงข้ามเห็นท่าไม่ดีล่าถอยเผ่นหนีเข้าป่าไป คาดว่าเป็นฝีมือกลุ่มโจรก่อการร้ายในพื้นที่ต้องการสังหารนายอิสมาแอ ที่ให้ความร่วมมือชี้เบาะแสกลุ่มโจรที่บุกปล้นปืนหน่วยทักษิณพัฒนาที่ 12 ต.ร่มไทร อ.สุคิริน เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 46

อีกรายลอบยิงผู้ใหญ่บ้านบาดเจ็บ เมื่อเวลา 19.10 น. ร.ต.ต.ยศ ชาวเลา ร้อยเวร สภ.อ.ศรีสาคร ไปตรวจ สอบเหตุคนถูกยิงหน้าบ้านเลขที่ 50/13 บ้านไอแตแต หมู่ 5 ต.ศรีสาคร ผู้ได้รับบาดเจ็บถูกนำส่ง รพ.ศรีสาคร ทราบชื่อนายมะรอเซะ มะมิง อายุ 50 ปี ผู้ใหญ่บ้านไอแตแต ถูกยิงด้วยปืน .38 ที่หัวไหล่ 1 นัด อาการสาหัส สอบสวนทราบว่า ขณะที่นายมะรอเซะกำลังยกของลงจากรถปิกอัพที่จอดอยู่หน้าบ้าน ถูกคนร้ายที่ดักซุ่มอยู่ในมุมมืดยิงใส่ 3 นัดซ้อน กระสุนถูกเพียง 1 นัด ก่อนที่มือปืนจะวิ่งหลบหนีไป

ส่วนที่ จ.ปัตตานี โจรใต้ไล่ยิงเจ้าหน้าที่รัฐถึง 3 รายซ้อน แต่ไม่แม่น กระสุนพลาดเป้าทุกราย รายแรกเมื่อเวลา 07.40 น. พ.ต.ท.วิศิษฐ์ อักษรแก้ว สารวัตรเวร สภ.อ.หนองจิก รับแจ้งเหตุยิงกันบนถนนสายโคกโพธิ์-ปัตตานี หมู่ 4 ต.บางเขา จึงนำกำลังไปตรวจสอบ พบรถปิกอัพดัทสัน สีดำ ทะเบียน น-4754 ปัตตานี จอดอยู่ริมถนน มีรอยถูกยิงด้วยปืน .38 ที่ประตูฝั่งคนขับ 2 รู และกระจกหน้า 1 รู โดยมี นายสมโชค จินดามัน อายุ 39 ปี พนักงานขับรถประจำเรือนจำจังหวัดปัตตานี คนขับรถปิกอัพยืนรออยู่ด้วยความตื่นตระหนก ให้การว่า ขับรถออกจากบ้านที่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ไปทำงานที่เรือนจำตามปกติ โดยแต่งเครื่องแบบข้าราชการ สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวคลุมทับอีกชั้น เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุสังเกตเห็นชายวัยรุ่น 2 คน ขี่รถ จยย.ฮอนด้าเวฟ ตามหลังมาอย่างมีพิรุธ ก่อนเร่งเครื่องแซงประกบ คนนั่งซ้อนท้ายชักปืนกระหน่ำยิง 4 นัดซ้อน แต่ตนระวังตัวอยู่แล้วจึงเอี้ยวตัวหลบพร้อมหักพวงมาลัยรถ พุ่งตกข้างทางส่วนคนร้ายเร่งเครื่องหนีไป

ต่อมาเวลา 11.20 น. ร.ต.ต.วรศักดิ์ รอดสัมฤทธิ์ ร้อยเวร สภ.อ.สายบุรี จ.ปัตตานี รับแจ้งเหตุตำรวจ ถูกคนร้ายไล่ยิงที่ริมถนนสาย 42 หน้าแขวงการทางสายบุรี หมู่ 8 ต.เตราะบอน ไปตรวจสอบพบ ส.ต.อ.บีดีน ชูแกน อายุ 31 ปี ผบ.หมู่ป้องกันและปราบปราม สภ.อ.สายบุรี แต่งเครื่องแบบตำรวจ ยืนรอให้การว่า ขณะเดินตรวจความเรียบร้อยบริเวณที่เกิดเหตุ ได้มีคนร้าย 2 คน ขี่รถ จยย.มาตามถนนทางด้านหลัง แล้วคนนั่งซ้อนท้ายชักปืนพกสั้นออกมายิงใส่ 1 นัด โชคดีที่ระวังตัวอยู่แล้วจึงกระโดดหลบลงข้างทาง รอดพ้นคมกระสุนไปฉิวเฉียด ก่อนชักปืนประจำกายออกมายิงต่อสู้ แต่คนร้ายเร่งเครื่องเผ่นหนีไปได้

รายที่ 3 เวลา 14.30 น. พ.ต.ต.พิสิฎฐ์พงษ์ มังกรวงษ์ สารวัตรเวร สภ.อ.สายบุรี ไปตรวจสอบเหตุยิงกันบนถนนสายกลาพอ ห่างจากสะพานสายบุรีราว 50 เมตร พบรถปิกอัพโตโยต้า สีน้ำเงิน ทะเบียน น-8039 ปัตตานี จอดอยู่ริมถนน ถูกยิงด้วยปืนลูกซองกระจกหน้าแตกกระจาย กระสุนลูกปลายกระจายเจาะประตูฝั่งคนขับ ฝากระโปรงหน้ารถและหลังคารถอีกหลายรู แต่โชคดี คนที่นั่งมาในรถ 2 คนไม่ได้รับอันตราย ทราบชื่อนายอรัญ ศีรษะน้อย อายุ 48 ปี ปลัดอำเภอสายบุรี คนขับ และ นายชาตรี จันทร์ศรี อายุ 34 ปี อส.อำเภอสายบุรี สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุทั้งคู่ขับรถออกจากที่ว่าการอำเภอสายบุรีกลับบ้านที่หมู่ 1 ต.เตราะบอน เมื่อถึงที่เกิดเหตุ มีคนร้าย 2 คนขี่รถ จยย.ตามประกบ คนนั่งซ้อนท้ายใช้ปืนลูกซองยิงใส่ 2 นัด แต่นายอรัญระวังตัวอยู่แล้ว หักพวงมาลัยหลบ ทำให้รอดตายหวุดหวิด ก่อนที่คนร้ายจะเร่งเครื่องหนีไป คาดว่าเหตุลอบยิงเจ้าหน้าที่รัฐทั้ง 3 ราย เป็นความพยายามสร้างสถานการณ์โหมไฟใต้

ด้าน จ.ยะลา คนร้ายลอบวางระเบิดป่วนเมืองเมื่อเวลา 10.00 น. ร.ต.อ.พีรศิลป์ ฤทธาพิพัฒน์ ร้อยเวร สภ.อ.ธารโต รับแจ้งว่ามีกล่องต้องสงสัยวางอยู่หน้าร้านมินิมาร์ท ริมถนนสายยะลา-เบตง บ้านบันนังกระแจะ หมู่ 5 ต.ธารโต จึงนำกำลังไปตรวจสอบ พบกล่องกระดาษขนาดกว้าง-ยาวประมาณ 1 ฟุต สอบถามไม่ทราบว่าเป็นของใคร และวางไว้ตั้งแต่เมื่อไร ตำรวจจึงใช้ปืนเอ็ม 16 ยิงทำลาย ปรากฏว่าในกล่องกระดาษมีห่อกระดาษมัดด้วยเทปกาวพลาสติกอยู่ เมื่อตรวจสอบพบว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่อง มีส่วนผสมของปุ๋ยยูเรียกับแท่งไดนาไมต์ 1 แท่ง ต่อสายไฟเชื่อมกับแผงวงจรโทรศัพท์มือถือ จึงเก็บกู้ไว้ได้อย่างปลอดภัย คาดว่ากลุ่มผู้ก่อความไม่สงบนำระเบิดมาวาง เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีกำลังตำรวจ มารอรักษาความปลอดภัยให้ครูที่บริเวณหน้าร้านทุกวัน แต่ระเบิดเกิดขัดข้องไม่ทำงาน จนกระทั่งเจ้าของร้านเห็นผิดสังเกต รีบแจ้งเจ้าหน้าที่มาเก็บกู้ไว้ได้ ทำให้รอดพ้นโศกนาฏกรรมไปอย่างหวุดหวิด

ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เตรียมแต่งตั้ง พล.อ.สิริชัย ธัญญสิริ รอง ผบ.ทหารสูงสุด เป็นประธานคณะทำงานชุดเฉพาะกิจ แก้ไขปัญหาพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 4 ต.ค. พล.อ.สิริชัย เปิดเผยหลังเดินทางเข้าพบนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า การแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้ เวลาดำเนินการ ส่วนคณะทำงานต้องหารือกันในหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องเพื่อสรรหาบุคคลที่มีความเหมาะสม ทั้งนี้คงจะเดินทางไปปฏิบัติงาน ในพื้นที่ภาคใต้ประมาณสัปดาห์ หน้าหลังเข้ารับตำแหน่งแล้ว โดยจะใช้กองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กอ.สสส.จชต.) เป็นศูนย์บัญชาการ

จากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เรียก พล.อ.สิริชัย เข้าพบที่ตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อหารือเรื่องปรับแผน แก้ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ใช้เวลาประมาณ 20 นาที มีรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณโทรศัพท์ถึง พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี ว่าจะเดินทางไปพบ ที่ห้องทำงานตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล แต่ พล.อ.ชวลิต เกรงว่าจะไม่เหมาะสม และอาจจะถูกตีความว่ามีการตั้งเงื่อนไข จึงบอกว่าเมื่อเสร็จภารกิจแล้ว จะไปพบที่ห้องทำงานนายกรัฐมนตรี ที่ตึกไทยคู่ฟ้าเอง จนกระทั่งเวลา 09.30 น. พ.ต.ท.ทักษิณที่ต้องไปเป็นประธานงานปฏิบัติการพลังแผ่นดิน กวาดล้างยาเสพติดครั้งที่ 2 ที่สโมสรตำรวจ และมี พล.อ.ชวลิตไปร่วมงานดังกล่าวด้วย พ.ต.ท.ทักษิณจึงสั่งให้รถขับวนออกจากตึกไทยคู่ฟ้าไปยังตึกบัญชาการ รับ พล.อ.ชวลิตนั่งรถไปด้วยกัน เพื่อหารือเกี่ยวกับการตั้งคณะทำงานและแผนปฏิบัติการดับไฟใต้

ต่อมา พล.อ.ชวลิต เปิดเผยถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง คนดูแลปัญหาภาคใต้ว่า ใครจะเป็นเจ้าภาพหลักคงต้องรอวันที่ 5 ต.ค. ที่นายกรัฐมนตรีคงจะพิจารณาสั่งการ ส่วนจะกระทบถึงนโยบายต่างๆ หรือไม่ต้องรอฟังนายกรัฐมนตรีก่อน แต่รับรองว่าไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงอะไร ก็ต้องเป็นสิ่งที่ดีทั้งนั้น เมื่อถามว่า รู้สึกน้อยใจหรือไม่เพราะนายกรัฐมนตรี เพิ่งจะมอบอำนาจเต็มให้ พล.อ.ชวลิตฝืนยิ้มตอบว่า "รู้สึกดี ทุกอย่างดีหมด ไม่ต้องห่วง ดีเพื่อส่วนรวม ดีเพื่อแก้ปัญหา ไม่ไปน้อยใจอะไรหรอก อายุ 72 แล้ว"

ในช่วงบ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวถึงการทำความเข้าใจกับ พล.อ.ชวลิต ว่า ไม่มีอะไร ได้เล่าให้ พล.อ.ชวลิตฟังว่าจะแบ่งงานเป็น 3 ส่วน ดังนี้ คือ 1. ส่วนบัญชาการ ให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นศูนย์บัญชาการ โดยมีตนเป็นประธาน สมช. ฝ่ายการเมืองจะอยู่ในส่วนนี้ทั้งหมด ทั้ง รมว.กลาโหม รมว.มหาดไทย ถ้าไม่มีการประชุม สมช. ก็รายงานที่นายกรัฐมนตรีโดยตรง แต่จะมอบหมายให้ พล.อ.ชวลิตเป็นประธานในบางครั้ง 2. กองบัญชาการส่วนหน้า ที่ลงไปประจำในพื้นที่ มี พล.อ.สิริชัย เป็นประธาน มีหน้าที่บูรณาการยุทธศาสตร์ บูรณาการการสั่งการ วิเคราะห์ปัญหาและแนวทางในการแก้ไขปัญหา 3. กองบัญชาการส่วนหลัง ประกอบด้วยส่วนราชการปกติ มีหน้าที่สนับสนุนยุทธศาสตร์ของส่วนหน้าแล้วนำมาปฏิบัติการ ดังนั้น จะมีเอกภาพมากขึ้น มีทิศทางและมีการต่อภาพข่าวกรอง แผนการประทุษกรรม และกติกาต่างๆได้ชัดเจนขึ้น ทำให้การทำงานกระชับขึ้น ที่ผ่านมา การทำงานก็ไปได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ไม่กระชับเท่านั้น จึงตั้งคณะทำงานนี้ขึ้นมาเพื่อไปดำเนินการและจะนำเรื่องนี้เข้า ครม. ในวันที่ 5 ต.ค.

ผู้สื่อข่าวถามว่า กองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กอ.สสส.จชต.) จะถูกยุบหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่า ต้องให้กองบัญชาการส่วนหน้าไปวางแผนงานก่อน เพื่อให้ทำงานได้อย่างมีเอกภาพ มอบอำนาจสั่งการของนายกรัฐมนตรี ให้กองบัญชาการส่วนหน้าไปเลย ส่วนกองทัพบกและส่วนราชการปกติถือเป็นกองบัญชาการส่วนหลัง แต่ส่วนหน้าก็จะมีตัวแทนตำรวจ ทหาร และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง กระทรวงมหาดไทย ตนเป็นคนเลือก พล.อ.สิริชัยและมอบหมายให้ พล.อ.สิริชัยไปเลือกทีมงานเอาเอง โดยได้เสนอแนะไปด้วยว่าถ้า พล.อ.สิริชัยสะดวกใจที่จะทำงานด้วยก็เอา ไม่สะดวกใจก็ไม่เอา ขึ้นอยู่กับ พล.อ.สิริชัย เป็นหลัก เพียงแต่ช่วยกันคิดและเฟ้นว่าจะเอาใครไปช่วยทำงานบ้าง ส่วนใหญ่ก็เห็นตรงกัน

เมื่อถามว่า ดูเหมือน พล.อ.ชวลิตจะถูกลดบทบาท นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า พล.อ.ชวลิตเข้าใจดี ครม.ยังต้องมีการปรับเปลี่ยน เพราะฉะนั้น การปรับเปลี่ยนหน้าที่เป็นเรื่องปกติเหมือน ครม. และการปรับเปลี่ยนครั้งนี้ไม่ทำให้การทำงานสะดุด สมมติเราเดินทางไป 20 ก้าว ไปในทิศทางเดียวกันตลอด บางทีช่วงไหนเดินช้าก็ต้องจัดทีมใหม่เพื่อให้เดินเร็วขึ้น ให้ถึงจุดหมายปลายทางเร็วกว่าเดิม แต่ยังเดินในทิศทางเดิม ไม่ได้เปลี่ยนทิศทาง ไม่ใช่ว่าจะมั่นใจในทีมงานใหม่ แต่เป็นแนวทางที่เราปรับปรุงตลอดเวลา ไม่ใช่เดิมทำงานไม่ดี แต่เราเห็นประสบการณ์ ก็เลยต้องปรับปรุงไปเรื่อยๆ แนวทางสุดท้ายคือเอกภาพในการบังคับบัญชา และบูรณาการร่วมกัน ต้องอยู่ในพื้นที่ไม่ใช่ไปๆมาๆ ต้องนั่งใจจดใจจ่อกับการแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่จึงเชื่อว่าทำได้

ต่อข้อถามว่า ได้หารือเรื่องที่ พล.อ.ชวลิตเอาตำแหน่ง เป็นประกันหากแก้ไขปัญหาไม่ได้จะรับผิดชอบ พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า ไม่หรอก อย่าไปจับประเด็น เมื่อถามต่อว่า หวังผลสำเร็จในการแก้ไขปัญหาภาคใต้เมื่อไรนายกรัฐมนตรีตอบว่า คงไม่มีการขีดเส้น เพียงแต่ต้องการให้ทำงานเข้มข้นขึ้นกว่าเดิม ต่อไปนี้ถ้าใครเป็นปัญหาก็ต้องดำเนินการทันทีไม่ปล่อยไว้นาน หลังตั้งทีมนี้ขึ้นมาใครมีปัญหาจะย้ายภายใน 24 ชั่วโมง ที่ผ่านมา ได้ไปดูในพื้นที่และพูดคุยกับหลายฝ่าย รวมทั้งมีโอกาสเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ก็พระราชทานแนวพระราชดำริหลายเรื่องที่เป็นประโยชน์ สำหรับตนเรื่องหนักใจที่สุดคือการลอบทำร้ายผู้บริสุทธิ์ เมื่อถามถึงความคืบหน้าตามล่าตัวผู้บงการใหญ่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า บางคนก็อยู่ในมาเลเซีย ทางการมาเลเซียก็ให้ความร่วมมือดี บางคนก็หลบซ่อนอยู่ในไทย มีการจับกุมไปหลายคนแล้ว ต้องทยอยจับเรื่อยๆ เราตามพวกนี้ทันแน่นอน คนไหนทำลายชีวิตผู้บริสุทธิ์ ชีวิตคนเหล่า นั้นก็ต้องไม่มีค่าเช่นกัน