Article 118
โจรใต้โหมฆ่ากระพือ
หลายฝ่ายกำลังจับตาและรอพิสูจน์มาตรการแก้ไขปัญหาความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังจากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แต่งตั้งให้ พล.อ.สิริชัย ธัญญสิริ รอง ผบ.ทหารสูงสุด เป็นประธานกองอำนวยการชุดเฉพาะกิจ แก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กอ.ฉก.จชต.) มีอำนาจสั่งการทุกฝ่ายแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เพื่อให้การทำงานเป็นเอกภาพ หวังดับไฟใต้ให้สิ้นซากโดยเร็วว่าจะสัมฤทธิผลและเป็นรูปธรรมเพียงใด
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 6 ต.ค. ที่กองการบิน กรมการขนส่งทหารบก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ผบ.ทบ. พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. พล.อ.พงษ์เทพ เทศประทีป เสธ.ทบ. พล.ท.ไวพจน์ ศรีนวล ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบกฝ่ายข่าว พร้อมด้วยนายทหารระดับสูง เดินทางไปตรวจเยี่ยมการทำงานของเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดย พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการปรับเปลี่ยนการใช้กำลังในพื้นที่ การสั่งการโดยตรงเป็นเรื่องของ พล.อ.สิริชัย ในฐานะประธานกองอำนวยการชุดเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่กำกับดูแลนโยบายและสั่งการแบบเบ็ดเสร็จ ซึ่งกองทัพบกจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพราะเป็นเรื่องที่จะต้องช่วยกัน
พล.อ.ประวิตร กล่าวอีกว่า การปรับเปลี่ยนการทำงานจะไม่เกิดปัญหาการบังคับบัญชาซ้ำซ้อน ทั้งนี้ กองทัพบกได้มอบหมายให้ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้ช่วย ผบ.ทบ. รับผิดชอบ โดยขึ้นตรงกับ พล.อ.สิริชัย ในการปฏิบัติหน้าที่ เมื่อถามว่า จำเป็นต้องสนับสนุนกำลังทางอากาศเสริมในพื้นที่ภาคใต้หรือไม่ ผบ.ทบ.กล่าวว่า โดยทั่วไปน่าจะมี กำลังทางอากาศไว้คอยสนับสนุนภาคพื้นดิน ไม่ใช่เฉพาะภาคใต้เท่านั้น เมื่อถามว่า การปรับ รมว.กลาโหมจะส่งผลกระทบต่อการทำงานในภาคใต้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ทราบ ในฐานะข้าราชการประจำก็ต้องปฏิบัติ ตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา
ด้าน พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. กล่าวว่า มอบหมายให้ พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ ผช.ผบ.ตร. ควบคุมในพื้นที่ภาคใต้ เพื่อเชื่อมโยงการทำงานกับ พล.อ.สิริชัย การปรับเปลี่ยนการทำงานในพื้นที่ รัฐบาลมีการประเมินผล ต้องการให้การทำงานมีความกระชับมากขึ้น และการลงพื้นที่ครั้งนี้เพื่อไปดูการปฏิบัติงาน ของเจ้าหน้าที่ว่ามี จุดอ่อนหรือช่องโหว่ตรงไหน เพื่อนำมาปรับแนวทางให้ เข้มแข็ง โดยเฉพาะการรักษาความปลอดภัยให้กับข้าราช-การและประชาชนที่ถูกคนร้ายลอบทำร้ายอยู่ทุกวัน จะต้องแก้ไขให้ได้
ต่อมาเวลา 09.00 น. พล.อ.สิริชัย พร้อมคณะทำงานของ บก.ทหารสูงสุด เดินทางไปตรวจพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติมจากพื้นที่และสถานการณ์จริง เพื่อนำมาเป็นนโยบายในการทำงานแก้ไขปัญหาภาคใต้ โดย พล.อ.สิริชัยให้สัมภาษณ์ถึงแนว ทางการทำงานว่า กองอำนวยการที่ตั้งขึ้นนี้จะทำงานลักษณะช่วยกันคิด ระหว่างตนกับรองผู้อำนวยการทั้ง 4 คน เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นคือการทำงานภาคปฏิบัติ ของแต่ละหน่วยงานในพื้นที่ไม่มีเอกภาพ ต่างคนต่างทำงานในหน้าที่ของตน แต่บางครั้งภาระงานที่ทำไม่สอดรับกับเป้าหมายของกองอำนวยการ ดังนั้น จึงต้องลงไปเพื่อช่วยประสานให้งานสำเร็จตามเป้าหมาย ซึ่งแต่ละหน่วยจะทำงานแบบช่วยเหลือกันทั้งพลเรือน ทหาร ตำรวจ และสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) โดยให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นในเจ้าหน้าที่ เพื่อให้เขาเข้ามาร่วมมือมากขึ้น
เมื่อถามว่า หนักใจในการทำงานหรือไม่ พล.อ.สิริชัย กล่าวว่า หนักใจพอสมควร เพราะไม่ใช่เรื่องเล็ก เป็นปัญหายืดเยื้อมานาน ปัญหามีทุกมิติสลับซับซ้อนทั้งเรื่องเชื้อชาติ ผลประโยชน์ และความไม่เข้าใจต่างๆ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ไม่อยากกำหนดเวลาเพราะจะเป็นการผูกมัด ทำให้เจ้าหน้าที่ และหน่วยที่ปฏิบัติอยู่ในพื้นที่เกิดความเกร็ง เพราะการระบุเวลาไม่น่าจะเกิดผลดี บางเรื่องต้องใช้เวลาและความประณีตการทำงานในเชิงปฏิบัติการจิตวิทยา หรืองานที่ไม่ใช่ทางทหารที่ต้องทำกับประชาชน บางครั้งมีขั้นตอน ถ้าทำข้ามขั้นอาจทำให้ประสิทธิภาพไม่ยั่งยืน จึงไม่ขอกำหนดเวลา
พล.อ.สิริชัย กล่าวอีกว่า กองอำนวยการที่ตั้งขึ้นนี้พยายามให้มีความสมบูรณ์ สามารถปฏิบัติงานได้ยาวนาน ส่วนงานเฉพาะหน้าอันดับแรก คือการให้ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เพื่อกำหนดเป็นแนวทางปฏิบัติ ส่วนวิธีปฏิบัติเป็นยุทธวิธีทางทหารจึงไม่ขอเปิดเผย การทำงานจะแตกต่างจากเดิม โดยเจ้าหน้าที่ทุกคนต้องทำงานตลอด 24 ชั่วโมงอย่างเต็มตัว จะทำให้การทำงานเข้มข้นมากขึ้น ทั้งนี้ จะสร้างความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ให้รู้เป้าหมาย โดยให้เขาทุ่มเท ตั้งใจ ซื่อตรง และเสียสละ เพราะกองอำนวยการนี้ต้องทำงานเต็มที่ และเจ้าหน้าที่ก็ต้องเต็มที่เช่นกัน
"นายกฯ บอกให้ทำงานอย่างเต็มที่ และยินดีให้การสนับสนุน เน้นย้ำให้แก้ปัญหาการทำงานที่ไม่มีเอกภาพให้ยุติโดยเร็ว รวมทั้งให้แต่ละหน่วยมีความจริงจังในการทำงาน ส่วนเรื่องงบประมาณจะแยกเป็น 2 ส่วน คือ โครงการในสายงานปกติจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง ส่วนโครงการงบประมาณที่เกี่ยวกับความมั่นคงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กองอำนวยการนี้จะเป็นผู้ดูแลและให้ความเห็นชอบก่อนนำเสนอต่อนายกฯ ขณะนี้กำลังเตรียมร่างนโยบายภาพรวมทั้งหมด โดยให้รองทั้ง 4 ท่านร่วมเสนอแนวคิดด้วยกัน ทั้งนี้ กองอำนวยการจะจัดเป็น 2 ส่วน คือ คณะกรรมการที่ปรึกษา ซึ่งจะเชิญมาเป็นครั้งคราวและผู้ชำนาญการพิเศษ ซึ่งจะเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญพิเศษในด้านต่างๆ เพราะบางครั้งเราต้องการความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญนี้ประมาณ 10 -15 อัตรา" ประธานกองอำนวยการชุดเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าว
ส่วนเหตุรุนแรงรายวันยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง เมื่อเวลา 16.30 น. วันเดียวกัน พ.ต.ท.สุรศักดิ์ สิงห์ไกร สารวัตรเวร สภ.อ.ตากใบ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุตำรวจถูกยิงบนถนนสายหน้าโรงเรียนตากใบ-หัวคลอง หมู่ 4 บ้านหัวคลอง ต.เจ๊ะเห ที่เกิดเหตุพบเพียงกองเลือดและรถ จยย.คาวาซากิ สีแดง ทะเบียน ก-0501 นราธิวาส ส่วนคนถูกยิงชื่อ ด.ต.อนันต์ เวชแก้ว อายุ 49 ปี ผบ.หมู่งานธุรการกำลังพล สภ.อ.ตากใบ ถูกนำส่ง รพ.ตากใบ และเสียชีวิตแล้ว โดยหลังเลิกงานผู้ตายซึ่งแต่งชุดตำรวจ ขี่รถ จยย.กลับบ้านเลขที่ 65/7 หมู่ 4 ต.เจ๊ะเห ก่อนถึงบ้าน 20 เมตร มี 2 คนร้ายซ้อนท้ายรถ จยย.ฮอนด้า ไม่ทราบทะเบียน ไล่ตามประกบใช้ปืน .357 ยิงใส่ 3 นัดซ้อน กระสุนถูกผู้ตายตกจากรถ จยย. นางเฉลา เวชแก้ว อายุ 46 ปี ภรรยาผู้ตายได้ยินเสียงปืนวิ่งออกจากบ้านมาดู พบสามีถูกยิงจึงเรียกเพื่อนบ้านให้ช่วยนำส่ง รพ.
เวลา 17.30 น. เกิดเหตุ 2 คนร้ายขี่รถ จยย.ฮอนด้าดรีม สีดำ ไม่ทราบทะเบียน ใช้ปืนพกยิงนายเอี้ยน หนูพรม อายุ 52 ปี ผช.ผญบ.หมู่ 6 ต.คอลอตันหยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เสียชีวิตคาถนน ขณะขี่รถ จยย.กลับจากซื้อกับข้าวที่ตลาด หลังเกิดเหตุนายเชิดพันธ์ ณ สงขลา ผวจ.ปัตตานี นำกำลังตำรวจ-ทหารไปตรวจสอบ คาดเป็นการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มโจร
เวลา 17.55 น. ร.ต.ต.กูมะแอน สัญญา ร้อยเวร สภ.อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีคนถูกยิงในร้านขายของชำเลขที่ 20 หมู่ 1 ถนนรือเสาะ-สนองจิต ต.รือเสาะออก ทราบชื่อนายมงคล ศาสตร์เสถียร อายุ 52 ปี เจ้าของร้าน ถูกคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้ปืน .38 ซุ่มยิงขณะยืนขายของให้ลูกค้าอยู่ในร้าน กระสุนเข้าสีข้างอาการสาหัส ญาตินำส่ง รพ.ศูนย์ยะลา คาดเป็นการสร้างสถานการณ์เช่นกัน
เวลา 18.30 น. เกิดเหตุคนร้ายอาวุธปืนสงครามยิงถล่ม เจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังสร้างฐานปฏิบัติการ ตรงข้ามโรงเรียนร่วมใจ หมู่ 5 ต.ร่วมใจ อ.สุคิริน จ.นราธิวาส กระสุนถูก ด.ต.ทวี เรืองโรจน์ อายุ 47 ปี ผบ.หมู่งานสืบสวน สภ.อ.สุคิริน เข้าที่หน้าท้องบาดเจ็บสาหัส นำส่ง รพ.สุไหงโก-ลก ส่วน จ.ส.ต.วีระเดช ใจเย็น อายุ 37 ปี ผบ.หมู่งานปราบปราม โรงพักเดียวกัน ถูกยิงบาดเจ็บเล็กน้อย หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ทหาร-ตำรวจ นำกำลังออกไล่ล่ากลุ่มโจรไปอย่างกระชั้นชิด