Article 121


โจรใต้ป่วน3จว.ไล่ถล่มดะตาย5-เจ็บอีก8

หลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แต่งตั้ง พล.อ.สิริชัย ธัญญสิริ รอง ผบ.ทหารสูงสุด เป็นผู้อำนวยการกองอำนวยการ เสริมสร้างสันติสุข 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (กอ.สสส.จชต.) มีอำนาจในการตัดสินใจแก้ปัญหา ความไม่สงบ ทางภาคใต้ ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ซึ่งหลายฝ่ายกำลังเฝ้าจับตามองว่า จะสามารถ แก้ไขปัญหาภาคใต้ ที่เรื้อรังมานานกว่า 10 เดือนได้มากน้อย แค่ไหนนั้น

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 7 ต.ค. ที่ท่าอากาศยาน ทหาร กองบิน 6 ดอนเมือง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยก่อนออกเดินทางไปประชุมสุดยอดผู้นำเอเชีย-ยุโรป (อาเซม) ครั้งที่ 5 ที่กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ว่า จะเริ่มแก้ปัญหาการลอบฆ่า ผู้บริสุทธิ์รายวันก่อนเป็นอันดับแรก และคุยกับ พล.อ.สิริชัย และ พล.อ.สัมพันธ์ บุญญานันต์ รมว.กลาโหมแล้ว สำหรับมาตรการห้ามซ้อนท้ายมอเตอร์-ไซค์นั้น คงต้องศึกษาในข้อกฎหมายและผลกระทบก่อน ส่วนเรื่องมวลชนมอบหมายให้ พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประสานงานสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าไปช่วย เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญ ส่วนเรื่องที่มีกระแสข่าวว่ามีพ่อค้าน้ำมันเถื่อนอยู่เบื้องหลังพวกที่ลอบฆ่ารายวันนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า มีหลายเรื่องซ้อนกันอยู่ แต่รัฐบาลต้องทำทุกเรื่องและต้องทำอย่างต่อเนื่อง

ที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อเวลา 13.00 น. พล.อ.สิริชัย ในฐานะผู้อำนวยการเสริมสร้างสันติสุข จังหวัดชายแดนภาคใต้ (กอ.สสส.จชต.) เดินทางเข้าพบ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อหารือถึงการแก้ปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ ภายหลังการเข้าพบ พล.อ.สิริชัย กล่าวว่า พล.อ.ชวลิตแนะนำโครงการต่างๆ ที่ได้ทำไว้หลายเรื่อง โดยจะมีการปรับแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ให้ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะปัญหาการลอบฆ่ารายวันถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องแก้ไขให้เร็วที่สุด ยอมรับว่าปัญหาขณะนี้คือยังไม่ทราบตัวผู้ก่อเหตุ จึงต้องพยายามหาตัวคนเหล่านี้ให้ได้ ส่วนเรื่องที่นายสวาสดิ์ สุมาลยศักดิ์ จุฬาราชมนตรี ระบุว่าผู้ค้าน้ำมันเถื่อนอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ ก็เป็นเพียงปัจจัยหนึ่งเท่านั้น

พล.อ.สิริชัย กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมานโยบายการแก้ปัญหาความไม่สงบ ในภาคใต้มีความถูกต้องแล้ว เพียงแต่ขาดผู้ปฏิบัติในพื้นที่ที่มีอำนาจตัดสินใจอย่างแท้จริง เมื่อนายกรัฐมนตรีมอบอำนาจให้ตนก็คงทำให้การทำงาน เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ส่วนการออกระเบียบห้าม ซ้อนรถมอเตอร์ไซค์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ต้อง ดูวิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่ว่าเป็นอย่างไรและทำให้ สอดคล้องกับวิถีชีวิต เช่น ถ้าจำเป็นก็ต้องให้ซ้อนท้าย แต่อาจจะห้ามในบางพื้นที่ ส่วนการบังคับใช้กฎอัยการศึก ให้เข้มงวดขึ้นนั้นคงไม่จำเป็น เพราะเท่าที่เป็นอยู่ถือว่าเข้มงวดพอสมควรแล้ว และคงไม่มีการโยกย้ายเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติพื้นที่ แต่จะเลือกคนที่สามารถทำงานได้เต็มเวลามีความรู้ความสามารถลงไปทำงานในพื้นที่ และจะมีการประเมินผลการทำงานว่ามีประสิทธิภาพเพียงใด โดยอาศัยองค์กรอิสระเป็นผู้ประเมิน เพื่อไม่ให้เข้าข้างกัน

อีกด้านหนึ่ง ที่กระทรวงศึกษาธิการ นายอดิศัย โพธารามิก รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต้อนรับนายอารีย์ วงศ์อารยะ รมช.ศึกษาฯ ระหว่างการประชุมพบปะผู้บริหารองค์กรหลักทั้ง 5 องค์กร และข้าราชการระดับสูงว่าจะทำให้การประสานงานระหว่าง ศธ.และ มท.มีประสิทธิภาพและทำงานได้ง่ายยิ่งขึ้น เกี่ยวกับสถาบันปอเนาะและแนวทางการแก้ปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ปัญหาสำคัญ คือ ความสับสนที่เกิดขึ้น เนื่องจากสถานศึกษาทั้ง 2 แห่ง ถูกเรียกเหมารวมว่าปอเนาะ ซึ่งความจริงแล้วโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามไม่ใช่สถาบันปอเนาะ และสถานศึกษาทั้งสองก็ไม่ได้ต้องการสร้างปัญหา แต่มีผู้แอบแฝงเข้ามาแอบอ้างเอาสถานศึกษาเหล่านี้ไปใช้โดยที่เจ้าของโรงเรียน ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วย ขณะที่นายอารีย์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับมอบหมาย งานจากนายอดิศัยโดยตรง แต่เรื่องหลักๆที่จะต้องดูคือเรื่องของโรงเรียนปอเนาะ

ส่วนสถานการณ์ไฟใต้ยังโหมกระพือไม่หยุดหย่อน กลุ่มโจรอาละวาดไล่ยิงคนเป็นว่าเล่น และยังวางระเบิดรถทหารเสียหายตามที่เคยออกใบปลิวข่มขู่ ให้ประชาชนและข้าราชการหยุดทำงานในวันที่ 7 ต.ค.เป็นต้นไป หากไม่เชื่อฟังจะไม่ได้รับความปลอดภัยนั้น เปิดฉากประเดิมรายแรกเมื่อเวลา 06.10 น. วันที่ 7 ต.ค. พ.ต.ท.นฤชา สุวรรณลาภา รอง ผกก.ป.สภ.อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี รับแจ้งมีตำรวจถูกยิงบาดเจ็บภายในตลาดสดเทศบาลปะนาเระ หมู่ 3 ต.ปะนาเระ จึงรุดไปตรวจสอบบริเวณหน้าร้านขายปาท่องโก๋ พบกองเลือดกองใหญ่และปลอกกระสุนปืน 9 มม. รวม 6 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

ส่วนผู้บาดเจ็บถูกนำส่ง รพ.ปะนาเระ ทราบชื่อต่อมา คือ ด.ต.ทวี วงศ์จันทร์ อายุ 50 ปี ผบ.หมู่งาน ป. ทำหน้าที่พลขับประจำตัว ผกก.สภ.อ.ปะเนาเระ ถูกยิงเข้าที่ไหล่ขวา 1 นัด กลางแผ่นหลัง 1 นัด สะโพกขวา 1 นัด และขาขวาอีก 2 นัด อาการสาหัสต้องส่งต่อไปรักษาที่ รพ.ปัตตานี จากการสอบสวนทราบว่า คนร้ายมี 2 คน สวมชุดดะวะห์สีขาวเดินเข้ามา ประกบยิงทางด้านหลัง ก่อนจะวิ่งไปขึ้นรถ จยย.ฮอนด้าเวฟ สีเขียวไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนหลบหนีไป

รายต่อมาเวลา 07.00 น. วันเดียวกัน ขณะที่ ด.ต. ทวี เรืองโรจน์ อายุ 47 ปี ผบ.หมู่งานป้องกัน และปราบปราม สภ.อ.สุคิริน จ.นราธิวาส พร้อมกำลังอีก 8 นาย ขับรถกระบะนิสสันสีเขียว ทะเบียน บง 19 นราธิวาส เดินทางเข้าไปตรวจสอบกลุ่มคนต้องสงสัยแอบลักลอบ เข้ามาฝึกการใช้อาวุธที่บ้านยาบี 2 หมู่ 2 ต.ร่มไทร อ.สุคิริน ปรากฏว่าขณะที่รถวิ่งมาถึงบ้านบาลูกายาอิง หมู่ 2 ต.ร่มไทร ถนนสายสุคิริน-จะแนะ ได้ถูกกลุ่มคนร้ายไม่ทราบจำนวน ซุ่มยิงถล่มจากป่าข้างทางด้วยปืนอาก้า กระสุนถูก ด.ต.ทวี ซึ่งทำหน้าที่เป็นคนขับที่ลำตัวและหน้าท้อง จ.ส.ต.วีระเดช ใจเย็น ถูกยิงที่มือขวา และ ส.ต.ต. ทวีรัตน์ สุวรรณโณ ที่ถูกยิงเฉี่ยวที่แก้มขวา ตำรวจที่เหลือ ได้ใช้ปืนยิงต่อสู้กับคนร้ายนาน 10 นาที คนร้ายจึงล่าถอยไป ในที่เกิดเหตุเก็บปลอกกระสุนปืนอาก้าได้ถึง 30 ปลอก ส่วนตำรวจที่บาดเจ็บทั้ง 3 นาย ถูกนำส่ง รพ.สุไหงโก-ลก โดย ด.ต.ทวีมีอาการหนักสุด เบื้องต้นคาดว่ากลุ่มคนร้ายน่าจะเป็นกลุ่มเดียวกับที่ยิงนายอิสมาแอ โต๊ะกา กำนันตำบลร่มไทร นายลียาเซ๊ะ ดือราแม สารวัตรกำนัน และพวกอีก 2 คน บาดเจ็บเมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา

ถัดมาเวลา 08.45 น. พ.ต.ท.อดินันท์ อิสมาแอล สว.หน.สภ.ต.จะกว๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา รับแจ้งมีเหตุระเบิดบริเวณบังเกอร์ปากทางเข้าหมู่บ้านปูลาสะนอ หมู่ 3 ต.จะกว๊ะ จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.นราศักดิ์ เชียงสุข รอง ผบก.ภ.จ.ยะลา พ.ต.อ.โสภณ ปานสมทรง ผกก.สภ.อ. รามัน นำกำลังรุดไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุอยู่ริมถนนสายตะโละหะลอ-บ้านจะกว๊ะ บริเวณบังเกอร์ที่ติดตั้งไว้ปากทางเข้าพบหลุมระเบิดลึกครึ่งฟุตยาว 2 ฟุต พบชิ้นส่วนวิทยุสื่อสารยี่ห้อไอคอมรุ่น 2 จี และระเบิดพาวเวอร์เจลจำนวนหนึ่ง

ห่างจากหลุมระเบิดไปประมาณ 2 ม. พบรถกระบะนิสสัน ทะเบียน บจ 6873 ปัตตานี ของทหารชุดคุ้มครองครูที่ 9543 โรงเรียนบ้านจะกว๊ะ สังกัดศูนย์สงครามพิเศษ จ.ลพบุรี ถูกสะเก็ดระเบิดที่ตัวถังรถด้านขวาเป็นรูพรุนหลายแห่ง และมีทหารได้รับบาดเจ็บ 1 นาย คือ ส.อ.ไพโรจน์ ศรีรักษา อายุ 45 ปี ทำหน้าที่พลขับถูกสะเก็ดระเบิดที่แขนทั้ง 2 ข้าง ถัดไปประมาณ 2 ม. พบรถกระบะอีซูซุทะเบียน บง 892 ยะลา ถูกสะเก็ดระเบิด ที่ด้านหน้าเสียหาย ทำให้นายหะมะ วาซา อายุ 36 ปี คนขับรถบาดเจ็บที่นิ้วมือขวา นำส่งรพ.ศูนย์ยะลา

สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุชุดคุ้มครองครูได้ขับรถออกจากฐานที่บ้านลีเซ็ง หมู่ 4 ต.จะกว๊ะ เพื่อจะมารับคณะครูไปส่งที่โรงเรียน ขณะรถวิ่งมาถึงจุดเกิดเหตุ ก็มีเสียงระเบิดดังกึกก้องขึ้น ทำให้ทหารบาดเจ็บไป 1 นาย และรถของนายหะมะที่ผ่านมาพอดีเสียหายไปอีกคัน เบื้องต้นคาดว่าคนร้ายใช้ระเบิดแสวงเครื่องมาวางดักเล่นงานชุดคุ้มครองครู โดยใช้การจุดชนวนระเบิดด้วยคลื่นวิทยุสื่อสาร เนื่องจากจุดเกิดเหตุเป็นที่อับสัญญาณโทรศัพท์มือถือ

กลุ่มโจรทิ้งห่างเว้นวรรคจนถึงช่วงเย็นก็ออกไล่ฆ่านองเลือดอีก 7 รายติดๆกัน โดยเมื่อเวลา 16.30 น. พ.ต.ท.สมพร โสะหาบ สารวัตรเวร สภ.อ.บันนังสตา จ.ยะลา รับแจ้งมีคนถูกยิงเสียชีวิตริมถนนสายยะลา-เบตง หมู่ 5 บ้านกาโสด ต.บันนังสตา รุดไปตรวจสอบพบศพนายวิโรจน์ จงศิริไพบูลย์ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 242/1 หมู่ 2 ต.บันนังสตา อาชีพพ่อค้าขายน้ำเต้าหู้ในตลาดบันนังสตา นอนเสียชีวิตอยู่ริมถนนข้างรถ จยย.ฮอนด้าเวฟไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มีบาดแผลถูกยิง ด้วยกระสุนปืนไม่ทราบขนาดบริเวณลำตัวรวม 3 นัด สอบสวนเบื้องต้นทราบว่าผู้ตายขี่รถ จยย. ออกจากบ้านจะไปหาเพื่อนก่อนจะหายตัว และมาพบเป็นศพภายหลัง ส่วนสาเหตุการถูกสังหาร ญาติๆระบุว่าผู้ตายไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับใคร

ถัดมาเพียงไม่ถึงครึ่ง ชม.ก็มีเหยื่อถูกยิงอีกราย โดยเมื่อเวลา 17.00 น. ร.ต.ต.บุญเสริม แก้ววาที ร้อยเวร สภ.อ.จะแนะ จ.นราธิวาส รับแจ้งมี อส. ถูกยิงบริเวณสามแยกบ้านบือแต หมู่ 8 ต.จะแนะ รุดไปตรวจสอบท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก พบร่างนายเจ๊ะอูเซ็ง ซาเลาะ อายุ 42 ปี อส.อำเภอจะแนะ ถูกยิงเข้าที่หัวไหล่ซ้าย บั้นเอวซ้ายและกลางหลังรวม 3 นัด นอนจมกองเลือดอยู่ข้างรถ จยย.ยามาฮ่าไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จึงรีบพาส่ง รพ.นราธิวาสราชนครินทร์ อาการสาหัสก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา สอบสวน ทราบว่า ผู้ตายขี่รถ จยย.ออกจากบ้านจะไปเข้าเวรที่อำเภอ มาตามถนนสายดุซงญอ-จะแนะ ถึงจุดเกิดเหตุมีคนร้ายเป็นชาย 2 คน ขี่รถ จยย.ฮอนด้าเวฟไล่ตามประกบยิงรวม 4 นัด ถูกนายเจ๊ะอูเซ็งเพียง 3 นัด กระเด็นตกจากรถเสียชีวิต

รายที่ 3 เมื่อเวลา 17.30 น. ขณะที่นายมะลาเซ็ง ดอเลาะ อายุ 48 ปี เป็น อส.อำเภอสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ขี่รถ จยย. ออกจากที่ทำงานใน ต.มูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จะกลับบ้าน ที่บ้านปูโป๊ะ ต.มูโนะ มาตามถนนสุไหงโก-ลก -ตากใบ ถึงบ้านลูโบะลือซง หมู่ 2 ต.มูโนะ ถูกคนร้าย 2 คน ขี่รถ จยย. ไล่ยิง 3 นัด กระสุนถูกข้อศอกขวาทะลุ 1 นัด บาดเจ็บ ส่วนคนร้าย หลบหนีไป หลังเกิดเหตุทาง พ.ต.ท.องอาจ อินทรอารีย์ รอง ผกก.หน.สภ.ต.มูโนะ รุดไปตรวจสอบ ช่วยนำตัวนายมะลาเซ็งส่ง รพ.สุไหงโก-ลก คาดเป็นฝีมือโจรใต้เช่นกัน

ส่วนที่ จ.ปัตตานี เมื่อเวลา 17.20 น. ร.ต.อ.นุกูล ธานีรัตน์ ร้อยเวร สภ.อ.ทุ่งยางแดง รับแจ้งมีคนถูกยิงเสียชีวิตบนถนนสาย 4092 หมู่ 2 บ้านปาแซปูเตะ ต.ปากู อ.ทุ่งยางแดง รุดไปตรวจสอบพบเพียงรถ จยย.ฮอนด้าเวฟ ทะเบียน กบล 338 ยะลา ล้มตะแคงข้างอยู่ ส่วนผู้บาดเจ็บซึ่งเป็นผู้ขี่ถูกนำส่ง รพ.ทุ่งยางแดง แต่เสียชีวิต ระหว่างทาง ทราบชื่อนายอีซอ วาโด อายุ 43 ปี เป็นเจ้าหน้าที่ของ รพ. อยู่บ้านเลขที่ 30 หมู่ 2 บ้านปากู ถูกยิงด้วยกระสุนปืนไม่ทราบขนาดบริเวณลำตัว 2 นัด เบื้องต้นทราบว่ามีคนร้ายเป็นชาย 2 คนขี่รถ จยย.ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนตามสะกดรอยผู้ตายตั้งแต่ออกจาก รพ.ทุ่งยางแดงจะกลับบ้าน มาถึงที่เกิดเหตุคนร้ายได้เร่งเครื่องแซงประกบ ทางด้านขวากระหน่ำยิงผู้ตาย 2 นัด กระเด็นตกจากรถเสียชีวิตดังกล่าว

ถัดมาไม่ถึง 1 ชม. เมื่อเวลา 18.00 น. วันเดียวกันร.ต.ต.สมภพ หลวงวงศ์ ร้อยเวร สภ.อ.ยะรัง จ.ปัตตานี รับแจ้งมีคนถูกยิงที่หน้า รพ.ยะรัง ริมถนนสาย 410 หมู่ 2 ต.ปิตูมุดี รุดไปตรวจสอบพบเพียงรถ จยย.ซูซูกิล้มอยู่ริมถนนทางเข้า รพ. ส่วนเหยื่อกระสุนวิ่งหนีเข้าไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ใน รพ. ทราบชื่อนายสมศักดิ์ มูสามี อายุ 43 ปี ลูกจ้าง สัสดีอำเภอยะรัง ถูกยิงด้วยกระสุนปืน .38 ที่หัวไหล่ขวา 1 นัด สอบสวนทราบว่าขณะขี่รถ จยย.มาถึงหน้า รพ. มีคนร้ายเป็นชาย 2 คนเร่งเครื่องแซงประกบและเปิดฉากยิงใส่ทันที ด้วยความตกใจจึงจอดรถทิ้งไว้แล้ววิ่งหนีเข้ามาใน รพ. คนร้ายไม่กล้าตามเข้ามาจึงเร่งเครื่องรถ จยย.บึ่งหนีไป

แหล่งข่าวซึ่งเป็นหน่วยข่าวกรองพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เปิดเผยว่า ทางหน่วยทหารในพื้นที่เคยได้รับการแจ้งเตือนล่วงหน้า ให้เตรียมรับมือกับกลุ่มคนร้ายประมาณ 120 คน จากสำนักบายูฮิเยา (กลุ่มเสื้อคลุมเขียว) และ สำนักมายูแฮรอห์ (กลุ่มเสื้อคลุมแดง) นำโดยนายนาเซร์ บ้านเนียง กลุ่มพูโลเก่า และนายอิสมาแอ ระยะหลง ผู้นำกลุ่มลีเกาะมาตุลเลาะอาบาดัน ลักลอบข้ามพรมแดนจากรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซียเข้ามาเตรียมก่อวินาศกรรมก่อนวันที่ 15 ต.ค. นี้ ซึ่งเป็นวันเริ่มต้นถือศีลอดของชาวไทยมุสลิม

ส่วนความคืบหน้าคดีกลุ่มคนร้ายสังหารนายรพินทร์ เรือนแก้ว ผู้พิพากษาศาลจังหวัดปัตตานีจนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา เบื้องต้นจับกุมผู้ต้องหามาได้ 1 คน คือนายอับดุลเลาะ ปะสี ทำหน้าที่ชี้เป้า ส่วนอีก 3 คน คือมือปืน คนขี่รถ จยย.และผู้จ้างวานถูกออกหมายจับตามล่าตัวนั้น ต่อมาเวลา 10.00 น. วันที่ 7 ต.ค. ร.ต.อ.อันธีร์ ก่ออารี ร้อยเวร สภ.อ.เมืองปัตตานี เจ้าของคดี กล่าวถึงความคืบหน้าของสำนวนการสอบสวนว่า นายอับดุลเลาะให้การเป็นประโยชน์กับรูปคดีค่อนข้างมาก แต่ยังต้องรอผลการตรวจสอบหลักฐานตามกระบวนการวิทยาศาสตร์เสียก่อน จึงจะสรุปสำนวนเสนออัยการพิจารณาสั่งฟ้องได้ คาดว่าน่าจะไม่เกินกลางเดือน ต.ค.นี้ โดยจะพิจารณาอีกครั้งว่าจะส่งสำนวนไปที่กรุงเทพฯหรือไม่ต่อไป ส่วนการติดตามตัวคนร้ายที่เหลือทาง กก.สส.ภ.9 และฝ่ายสืบสวนของโรงพักกำลังเร่งรัดติดตามตัวอยู่อย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด เมื่อเวลา 20.00 น. คืนวันที่ 7 ต.ค. ร.ต.ต. อุรุพงษ์ แน่นอุดร ร้อยเวร สภ.อ.เมืองยะลา รับแจ้งมีคนถูกยิงเสียชีวิตในบ้านเลขที่ 115/5 หมู่ 6 บ้านบ่อเจ็ดลูก ต.ยุโป จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.เอกภพ ประสิทธิวัฒนชัย ผกก.รุดไปตรวจสอบ บริเวณห้องโถงพบศพนายอาแซ สะเตาะ อายุ 47 ปี เจ้าของบ้าน และเป็นสมาชิก อบต. ยุโป ถูกยิงถล่มด้วยปืนอาก้า และ 9 มม. บริเวณใบหน้าและลำตัวรวม 10 นัด นอนเสียชีวิตอยู่หน้าโทรทัศน์ เลือดไหลนองเต็มพื้นบ้าน เก็บปลอกกระสุนปืนทั้ง 2 ชนิดได้ 15 ปลอก สอบสวน นางพัชราภรณ์ สะเตาะ อายุ 45 ปี ภรรยา ให้การทั้งน้ำตาว่า ขณะดูทีวีอยู่กับสามี ได้มีคนร้ายเป็นชาย 2 คน สวมชุดดำมีหมวกไหมพรมคลุมหน้า บุกเข้ามาในบ้าน ใช้ปืนอาก้าและ 9 มม. รัวยิงใส่สามีจนเสียชีวิตคาที่ ส่วนสาเหตุเชื่อว่าน่าจะเป็นฝีมือโจรใต้ เนื่องจากผู้ตายเป็นตัวตั้งตัวตีในการสนับสนุนทางราชการปราบปรามกลุ่มโจร ที่ออกมาอาละวาดก่อความไม่สงบมาโดยตลอด

มีรายงานว่า เมื่อเวลา 21.30 น. คืนวันที่ 7 ต.ค. กลุ่มคนร้ายประมาณ 4-5 คน ได้ซุ่มโจมตีชุดลาดตระเวนของทหารจากศูนย์สงครามพิเศษ จ.ลพบุรี ซึ่งมาทำหน้าที่คุ้มครองครูและหมู่บ้านยือราแป หมู่ 3 ต.สุวารี อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ใกล้ฐานปฏิบัติการที่ 954 เกิดการปะทะกันอย่างหนักหน่วงนานประมาณ 20 นาทีกลุ่มคนร้ายจึงล่าถอยไป จากการตรวจสอบ ในเบื้องต้นพบว่าฝ่ายทหารเสียชีวิตไป 1 นาย คือ จ.ส.อ.แมน หาญกิจ อายุ 35 ปี ถูกยิงเข้าท้ายทอยกระสุนทะลุออกกลางแสกหน้า 1 นัด หลังเกิดเหตุทาง พ.ต.อ.วัชรินทร์ อมราพิทักษ์ ผกก.สภ.อ.รือเสาะ และ ร.ต.ต.กูมาแอน สัญญา ร้อยเวร นำกำลังรุดไปตรวจสอบและชันสูตรศพ ขณะที่ฝ่ายทหารได้สั่งระดมกำลังเข้าปิดล้อมเส้นทางที่คาดว่า กลุ่มคนร้ายจะใช้หลบหนีแต่ยังไม่พบตัว