Article 125


จับแล้วมือสังหาร ยิงลูกผกก. แก๊งฆ่าผู้พิพากษา

สถานการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้คุโชน กลายเป็นไฟลามทุ่ง ไม่มีวี่แววว่าสันติสุข จะกลับคืนมาเมื่อใด แม้รัฐบาลจะสับเปลี่ยน ผู้ดูแลแก้ไขปัญหาไปแล้ว ปัญหาก็ยังไม่มีทีท่า จะยุติลงโดยง่าย ล่าสุดโจรใต้ขยายวง เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ ไปยังกลุ่มนักศึกษาแล้ว เริ่มจากประกบยิงนายดุษฎีบุญ ฤทธิสุนทร อายุ 23 ปี นศ.ชั้นปีที่ 2 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี (มอ.) และเป็นบุตรชายของ พ.ต.อ.จักภาณุ ฤทธิ-สุนทร ผกก.สภ.อ.เมืองตรัง เสียชีวิตขณะขี่รถ จักรยานยนต์มุ่งหน้ากลับหอพัก คนร้ายทิ้งใปปลิวไว้บนศพว่า "เมื่อเจ้าหน้าที่จับนักเรียนปอเนาะได้ เราจะยิงนักศึกษามอ. เพื่อเป็นการล้างแค้น" สร้างความหวาดผวาให้แก่ นักศึกษาและประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ไม่รู้ว่าจะตกเป็นเหยื่อกระสุน สังเวยความคลั่งของกลุ่มโจรเมื่อไหร่

ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุร้ายขึ้น เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.อ.เมืองปัตตานี ติดตามจับกุมผู้ต้องสงสัยไว้ได้ 2 คน ชื่อนายแวฮามิ เจ๊ะอาแช อายุ 21 ปี และนายอับดุลเลาะ บากา อายุ 23 ปี นำตัวมาสอบสวนที่ สภ.อ.เมืองปัตตานี การสอบปากคำเป็นไปอย่างเคร่งเครียดยาวนานกว่า 10 ชั่วโมง จนกระทั่งเมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 10 ต.ค. ผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 คน ยอมเปิดปากรับสารภาพว่า ร่วมกันก่อเหตุลอบยิงนายดุษฎีบุญถึงแก่ความตาย โดยมีเพื่อนร่วมขบวนการอีกหลายคน

จากการสอบสวนนายแวฮามิ เจ๊ะอาแช รับสารภาพว่า กลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุยิงนายดุษฎีบุญ เป็นกลุ่มเดียวกับที่ยิงนายรพินทร์ เรือนแก้ว ผู้พิพากษาศาลจังหวัดปัตตานี เสียชีวิต โดยมือปืนคือนายกูอาหมัด อามีเด็น อายุ 21 ปี เป็นมือปืนผู้ลั่นกระสุนสังหารนายดุษฎีบุญ ส่วนตนเป็นคนขี่รถ จักรยานยนต์พานายอับดุลเลาะ บากา นำใบปลิวซึ่งได้มาจากมูลนิธิแห่งหนึ่งใน อ.เมืองปัตตานี ไปวางไว้บนร่างนายดุษฎีบุญที่นอนจมเลือดอยู่บนถนน จากนั้น จึงหลบหนีไป ส่วนผู้จ้างวานคือนายเจ๊ะอันนูง วากาซอ ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่จ้างวานฆ่านายรพินทร์ เรือนแก้ว ขณะนี้ยังหลบหนีหมายจับอยู่ สำหรับเสื้อผ้าและอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ นายซาการียา ไม่ทราบนามสกุล เป็นผู้จัดหามาให้ ส่วนคนขี่รถ จักรยานยนต์พามือปืนหลบหนีไม่ทราบชื่อ

ต่อมาเวลา 05.30 น. พ.ต.อ.สมจิตร นาสมยนต์ ผกก.สภ.อ.เมืองปัตตานี นำกำลังชุดสายสืบ และเจ้าหน้าที่ทหารจากกองทัพภาคที่ 4 ส่วนหน้า แบ่งกำลังออกเป็น 3 ชุด เข้าตรวจค้นจุดต้องสงสัย โดยจุดแรกคุมตัวนายแวฮามิ เจ๊ะฮาแช เข้าตรวจค้นที่มูลนิธิแห่งหนึ่งใน อ.เมืองปัตตานี พบเอกสารเป็นใบปลิวปลุกระดม ตะปูเรือใบดักรถยนต์ นอกจากนี้ ยังยึดเครื่องคอมพิวเตอร์ 1 ชุด ไปตรวจสอบจุดที่ 2 นำตัวนายอับดุลเลาะ บากา ไปตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 10/1 หมู่ 7 ต.ปะกาฮารัง อ.เมืองปัตตานี ไม่พบหลักฐานและสิ่งผิดกฎหมาย พบเพียงรูปถ่ายของนายกูอาหมัด อามีเด็น มือปืนที่ก่อเหตุ โดยนายอับดุลเลาะเผยว่า นายกูอาหมัดหลบไปซ่อนตัวอยู่ในโรงเรียนปอเนาะแห่งหนึ่งใน ต.ปะกาฮารัง เจ้าหน้าที่จึงส่งกำลังไปตรวจสอบ พบนายกูอาหมัดนอนอยู่ในหอพักภายในโรงเรียนปอเนาะดังกล่าว ควบคุมตัวมาสอบปากคำ

ในการสอบปากคำนายกูอาหมัด อามีเด็น มือปืนยิงนายดุษฎีบุญเป็นไปอย่างเคร่งเครียดนานกว่า 3 ชั่วโมง จนกระทั่งยอมรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือยิงนายดุษฎีบุญจริง ส่วนคดียิงนายรพินทร์ เรือนแก้ว นั้น นายกูอาหมัดให้การปฏิเสธ จนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงไล่ล่าคนร้ายที่ยังหลบหนีอีก 2 คน ซึ่งเป็นคนชี้เป้าและคนขี่รถ จักรยานยนต์พามือปืนหลบหนี แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้

เวลา 10.00 น. พล.ต.ท.มาโนช ไกรวงศ์ ผบช.ภ.9 เดินทางไปตรวจจุดเกิดเหตุคนร้ายลอบยิงนายดุษฎีบุญฤทธิสุนทร ที่บริเวณถนนใกล้ประตูทางเข้าด้านหลัง มอ.ปัตตานี ก่อนเปิดเผยว่า คดีมีความคืบหน้าไปมากแล้ว ขณะนี้ตั้งประเด็นการสังหารไว้ 2 ประเด็นคือ เรื่องส่วนตัว และสถานการณ์ความไม่สงบ การสอบสวนขอปิดเป็นความลับและไม่สามารถกำหนดเวลาได้ แต่จะพยายามให้มีความคืบหน้าในทุกเรื่อง ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยให้นักศึกษา ในช่วงสอบ และลดความเป็นห่วงของผู้ปกครองนั้น จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจส่วนหน้าเข้าไปดูแลแล้ว

ด้านความเคลื่อนไหวของกลุ่มนักศึกษา มอ.ปัตตานี เมื่อเวลา 11.00 น. วันเดียวกัน มีการออกแถลงการณ์ของกลุ่มองค์กรนักศึกษา นำโดยนายอาณัติ ช่างเรือ นายกองค์กรนักศึกษา มอ.ปัตตานี ระบุว่า จากเหตุการณ์ที่คนร้ายลอบยิงนายดุษฎีบุญ ฤทธิสุนทร แสดงให้เห็นชัดเจนว่าความรุนแรงขยายวงกว้างขึ้นทุกขณะ ส่งผลกระทบถึงสวัสดิภาพความปลอดภัยของนักศึกษาโดยตรง และยังไม่ทราบสาเหตุของการลอบยิง รวมไปถึงบุคคลหรือกลุ่มที่กระทำแน่ชัด ทางองค์กรนักศึกษาจึงอยาก ให้นักศึกษาอย่าตื่นตระหนกเกินไป ควรจะมีสติในการคิด ตัดสินใจ และอย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าใครหรือกลุ่มใดเป็นคนทำ ควรระมัดระวังตัว อย่าประมาท และช่วยกันสอดส่องดูแลความปลอดภัย เพื่อป้องกันเหตุร้ายรวมทั้ง ไม่นิ่งเฉยต่อปัญหาสังคมที่เกิดขึ้น เพราะทุกปัญหามีส่วนเชื่อมโยงกัน ไม่ใช่ปัญหาของใครคนใดคนหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ขอเรียกร้องให้รัฐนำแนวทางแก้ปัญหาแบบสันติวิธีมาใช้อย่างจริงจังและรีบด่วน เพื่อลดความรุนแรงและการขยายตัวของปัญหา

ขณะที่บรรยากาศภายใน มอ.ปัตตานี เป็นไปอย่างเงียบเหงา นักศึกษายังคงจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ถึงเหตุที่เกิดขึ้นกันเซ็งแซ่ โดยนักศึกษาจะเดินทางไปเรียนพร้อมกันเป็นกลุ่มใหญ่ เนื่องจากมีความวิตกเรื่องความปลอดภัย โดยเฉพาะในเวลาค่ำคืนจะไม่กล้าออกมาจับจ่ายซื้อของ หรือนั่งดื่มกินตามร้านน้ำชาเช่นปกติ ส่งผลให้บรรยากาศในตัวเมืองปัตตานีที่ซบเซาอยู่แล้วนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้น ทวีความเงียบเหงาเพิ่มมากขึ้นไปอีก ส่วนบริเวณประตูทางเข้าด้านหลัง มหาวิทยาลัยซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุ ถูกสั่งปิดชั่วคราวเพื่อความสะดวกในการรักษาความปลอดภัย ซึ่งทาง มอ.ปัตตานีเปิด ให้ผ่านเข้า-ออกเฉพาะประตูใหญ่ด้านหน้า โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหาร เฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด มีการตรวจบัตรประจำตัวนักศึกษา บุคลากรรวมทั้งประชาชน ที่จะผ่านเข้าไปในเขตรั้วมหาวิทยาลัยอย่างเข้มงวด

ที่ห้องประชุมชั้น 15 โรงแรมยะลาชางลี อ.เมืองยะลา พล.ต.ต.ปริญญา ขวัญยืน ผบก.ภ.จ.ยะลา ประชุมชี้แจงและอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องการดูแลรักษาความปลอดภัยสถานประกอบการ ร้านอาหาร โรงแรม ในพื้นที่ จ.ยะลา โดยมีผู้เข้าร่วมอบรมกว่า 100 คน พล.ต.ต.ปริญญากล่าวว่า สำนักงานตำรวจภูธรภาค 9 ร่วมกับสำนักงานตำรวจภูธร จ.ยะลา เน้นย้ำผู้ประกอบการ และพนักงานสถานประกอบการทุกแห่ง ให้ช่วยกันดูแลตรวจตราสถานที่ให้เรียบร้อยก่อนจะเปิดและปิดให้บริการ พร้อมทั้งจัดเวรยามเฝ้าดูแลอย่างเข้มงวด ขณะเดียวกันต้องรู้จักสังเกตสิ่งผิดปกติ หรือวัตถุสิ่งของต้องสงสัยที่ตั้งวางไว้เป็นเวลานาน หากพบเห็นอย่าเคลื่อนย้ายโดยพลการ ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทราบโดยด่วน ซึ่งได้รับความร่วมมือจากสถานประกอบการทุกแห่งเป็นอย่างดี เชื่อว่าคนร้ายที่ต้องการก่อเหตุจะกระทำได้ยากมากขึ้น

ขณะเดียวกัน มีรายงานจากหน่วยงานด้านความมั่นคงว่า อุสตาดยูโซ๊ะ หรือนายอิสมาแอล ระยะหลง ครูสอนศาสนาที่เป็นแกนนำในการปลุกระดมกลุ่มวัยรุ่น ชวนเชื่อให้หลงผิดในเรื่องการบิดเบือนคำสอนของศาสนาอิสลาม และยุยงปลุกปั่นให้ออกมาร่วมก่อเหตุเมื่อวันที่ 28 เม.ย. ที่ผ่านมา ทำให้กลุ่มวัยรุ่นผู้หลงผิดเสียชีวิตจำนวนมากนั้น ขณะนี้หลบหนีไปอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เขตรัฐโกตาบารู ประเทศมาเลเซีย ปลุกระดมและฝึกอาวุธให้กลุ่มวัยรุ่นหัวรุนแรง ชาวมาเลเซียและอินโดนีเซีย มีผู้หลงผิดกว่า 100 คน เข้าร่วมขบวนการแล้ว และมีบางส่วนลักลอบเข้ามาทางชายแดนด้าน อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ก่อนกระจายกันหลบซ่อนตัวใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ เพื่อเตรียมการก่อเหตุร้ายครั้งใหญ่ ก่อนกลางเดือนตุลาคม หรือก่อนเดือนรอมฎอน ซึ่งเป็นเดือนถือศีลอดของพี่น้องชาวมุสลิม

หน่วยข่าวด้านความมั่นคงจึงแจ้งเตือนไปยังเจ้าหน้าที่ทหาร-ตำรวจ ทุกหน่วยในพื้นที่ 3 จังหวัด ให้เพิ่มความระมัดระวังยิ่งขึ้น โดยเฉพาะย่านชุมชน สถานีรถโดยสาร รถไฟ และสถานบันเทิง เฝ้าระวังกลุ่มรถ จักรยานยนต์รับจ้างในพื้นที่ เนื่องจากแหล่งข่าวแจ้งว่า กลุ่มคนร้ายปลอมเป็นคนขี่รถ จักรยานยนต์รับจ้าง ขี่วนเวียนตามสถานที่สำคัญต่างๆในเขตเทศบาลเมืองในช่วงค่ำคืน เพื่อรอจังหวะที่เจ้าหน้าที่เผลอจะได้ลงมือก่อเหตุร้ายดังกล่าว

สำหรับบรรยากาศงานศพนายดุษฎีบุญ ฤทธิสุนทร เหยื่อโจรใต้รายล่าสุดนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ตรัง ว่า เมื่อเวลา 17.30 น. วันเดียวกัน ญาติเคลื่อนศพจากวัดตันยาภิรมย์ไปยังวัดนิคมประทีป เนื่องจากสถานที่เดิมอยู่ใกล้กับศาลเจ้า ซึ่งจะมีการจัดเทศกาลกินเจทำให้ ไม่สะดวก โดยมีบรรดาญาติ เพื่อนนักศึกษา เดินทางมาเคารพศพอย่างคับคั่ง ด้าน พ.ต.อ.จักรภาณุ ฤทธิสุนทร ผกก.สภ.อ.เมืองตรัง บิดาผู้ตาย กล่าวว่า ขณะนี้ปักใจเชื่อว่าสาเหตุการสังหารมาจากเรื่องสถานการณ์ความไม่สงบ ส่วนกรณีที่ตำรวจไปค้นห้องพักบุตรชายแล้วเจอเอกสารเกี่ยวกับศาสนาอิสลามนั้น เนื่องจากบุตรชายมีเพื่อนมุสลิมเยอะ เลยทดลองศึกษาดู แต่ยังไม่ได้เข้าเป็นมุสลิม สำหรับประเด็นที่ว่าบุตรชายเป็นสายลับให้กับทางราชการจึงถูกสังหารก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ ตนเป็นตำรวจรู้ดีว่าเสี่ยงแค่ไหน คงไม่ยอมให้บุตรชายเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยแน่