|
|
|
|
|
ทหาร-ตำรวจสู้ตาย
ยิงโจรใต้! ด้บผยอง107ศพ
นักรบวัยรุ่นที่หลงผิดหลายร้อยคน
บุกโจมตีฐานปฏิบัติการตำรวจ-ทหาร ใน 3 จังหวัดภาคใต้ประกอบด้วย ยะลา
ปัตตานี และสงขลา รวม 12 จุด แต่หนนี้ต้องมาพบจุดจบ
เมื่อชุดหัวหอกที่บุกปล้นปืนจากที่ว่าการกิ่ง อ.กรงปินังพลาด
ทำให้เจ้าหน้าที่วิทยุแจ้งเตือนภัยได้ทัน
ส่งผลให้กลุ่มก่อการร้ายต้องสังเวยคมกระสุนล้มตายเป็นใบไม้ร่วง
ชุดสุดท้ายหลังจากยึดป้อมตำรวจได้
ถูกลุยตีเอาคืนต้องล่าถอยเขัาไปปักหลักสู้ในมัสยิดกรือเซะ
โบราณสถานศักดิ์สิทธิ์ของชาวปัตตานี ถูกปิดล้อมเกือบ 9 ชั่วโมง
จึงพ่ายแพ้ราบคาบ รวมถูกเช็กบิลทั้งหมด 107 ศพ ถูกจับเป็น 17 คน
ฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐพลีชีพ 5 นาย บาดเจ็บ 15 นาย ขณะที่ พล.อ.ชัยสิทธิ์
ระบุส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นที่ติดยาถูกปั่นหัวหลอกให้มาตาย
พบหลักฐานระบุชัดเป็นสมาชิกกลุ่มเจไอ
สั่งทุกหน่วยปักหลักพร้อมระวังการกลับมาล้างแค้น
จิ๋วไม่สบอารมณ์พัลลภสั่งให้ห้ามยุ่งพื้นที่ชายแดนใต้เด็ดขาด
ในหลวงทรงห่วงใยเรียก
ผบ.ทบ.เข้าวังถวายรายงานด่วน
มัสยิดกรือเซะ
ศาสนสถานสำคัญของชาวมุสลิม อายุกว่า 200 ปี
ตั้งเด่นตระหง่านอยู่บนพื้นที่บ้านกรือเซะ ต.ตันหยงลุโละ
อ.เมืองปัตตานี มีลักษณะการก่อสร้างอาคารด้วยอิฐถือปูนขนาด 15 x 30
เมตร สูง 6.50 เมตร
เสาทรงกลมเลียนรูปแบบเสากอธิคตามแบบสถาปัตยกรรมยุโรป
ช่วงประตูหน้าต่างมีทั้งแบบโค้งแหลม
และมีที่คล้ายกับอิฐสมัยทวาราวดีปะปนอยู่บ้างบริเวณฐานของมัสยิด
ส่วนสำคัญหลังคามัสยิดยังทำก่อสร้างไม่เสร็จ
เนื่องจากทุกครั้งที่เริ่มก่อสร้างจะต้องมีเหตุการณ์ทำให้ยอดหลังคาพังลงมาทุกครั้ง
จนชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นเพราะคำสาปของเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว
ที่เคยสาบแช่งพี่ชาย ซึ่งเป็นผู้สร้างมัสยิดแห่งนี้ไว้เมื่อราว
พ.ศ.2159-2167 ได้กลายเป็นจุดสนใจของชาวโลกอีกครั้ง
เมื่อช่วงเช้าประมาณ 05.30 น. วันที่ 28 เม.ย.
ขณะที่กลุ่มชาวบ้านกำลังทำพิธีละหมาดกันอยู่ภายในมัสยิดอย่างสงบ
ได้มีกองกำลังติดอาวุธ แต่งกายชุดกางเกงทหาร เสือขาว
โพกผ้าแบบรบปาเลสไตน์ กว่า 30 คน ขับรถกระบะ 3 คัน
อ้อมมาจอดด้านหลังมัสยิด แล้วตั้งแถวจัดเป็นชุดๆละ 5 คน จำนวน 3 ชุด
รวม 15 คน แล้วเดินลุยออกมายังหน้าป้อมตำรวจ
ที่ตั้งรักษาการณ์อยู่บริเวณหน้ามัสยิด
ซึ่งในเวลานั้นมีกำลังเจ้าหน้าที่ 5 นาย เข้าเวรปฏิบัติหน้าที่อยู่
เมื่อเห็นกลุ่มคนร้ายเดินเข้ามาจึงตะโกนสอบถามว่าจะไปไหน
กลับไม่มีเสียงตอบ แต่มีเสียงปืนเอ็ม 16
ดังขึ้นจากกลุ่มชายฉกรรจ์กระสุนพุ่งเข้าใส่ร่าง ส.ต.ต.ณรงค์ชัย พลเดช
ตำรวจคอมมานโด จนล้มลงกองกับพื้นเสียชีวิตทันที
เจ้าหน้าที่ตำรวจอีก 4 นาย
เมื่อเห็นเพื่อนถูกยิงเสียชีวิตแบบไม่ทันตั้งตัว
จึงกระโดดหนีออกจากป้อมตำรวจหลบกระสุนและคมมีดที่กรูกันเข้ามาหมายเอาชีวิต
แล้วขอกำลังสนับสนุนจากหน่วยทหารเฉพาะกิจ ที่อยู่ห่างออกไป 1 กิโลเมตร
และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.เมืองปัตตานี ระหว่างรอกำลังสนับสนุนมานั้น
เจ้าหน้าที่ยังเฝ้าสังเกตุการณ์ดูอยู่พบว่ากลุ่มคนร้ายลงมือเผาป้อมตำรวจ
รถจักรยานยนต์ของตำรวจ 4 คัน วอดไปกับตา
จากนั้นไม่นานกำลังเสริมทั้งทหารและตำรวจ อาวุธครบมือ
เคลื่อนพลมาชุดแรกกว่า 50 นาย มาประจันหน้า
เมื่อคนร้ายเห็นกำลังที่ด้อยกว่าจึงเปิดฉากยิงเปิดทางหนีเข้าบริเวณใกล้เคียงป้อมตำรวจ
คือ ที่ทำการอบต.ตันหยงลุโละ 5 คน บ้านหลังหนึ่งของราษฎร 5 คน
และมัสยิด 5 คน
หลังจากนั้นกลุ่มคนร้ายที่หนีเข้าไปตั้งหลักในที่ทำการอบต.
ตันหยงลุโละ บ้านประชาชนและมัสยิด เปิดฉากยิงและขว้างระเบิด
ใส่เจ้าหน้าที่อย่างหนัก จึงมีการยิงตอบโต้กันเป็นระยะๆ ทำให้
1ในคนร้ายเสียชีวิตทันที 1 ราย
และกำลังเจ้าหน้าที่ทำได้เพียงปิดล้อมพื้นที่ไว้ชั่วคราว
ไม่กล้าบุกเข้าไปแต่อย่างใด เนื่องจากต้องรอกำลังสนับสนุนที่จะมาสบทบ
จนกระทั่งเวลาผ่านไปประมาณ 30 นาที กำลังสนับสนุนทั้งเฮลิคอปเตอร์ 2 ลำ
รถถังหุ้มเกราะ รุ่น วี 150 จำนวน 10 คัน ตำรวจทหารจากหน่วยรบพิเศษ
จ.ลพบุรี และทหารราบ ค่ายอินทยุทธบริหาร จ.ปัตตานี พร้อมอาวุธครบมือ
รวมแล้วกว่า 1,000 นาย ได้เข้ามาปิดล้อมบริเวณโดยรอบของมัสยิด
ซึ่งใช้วิธีการปิดล้อมเป็นชั้นๆไป
และเป็นเวลาเดียวกันที่เสียงปืนจากที่ทำการอบต.และบ้านประชาชน เงียบลง
จึงเข้าไปตรวจสอบพบคนร้ายหลบหนีไปแล้ว
ทำให้เหลือจุดที่คนร้ายตั้งมั่นอยู่เพียงแห่งดียวคือในมัสยิดกรือเซะ
จนกระทั่งเมื่อเวลา 11.00 น. พล.อ.วัลลภ ปิ่นมณี รองผอ.กมอ.รน.
พร้อม พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ผบ.ทบ.และเจ้าหน้าที่ระดับสูง
ได้เดินทางมาอำนวยการ วางกลยุทธ์ปราบปรามกลุ่มก่อการร้าย
สั่งการปิดถนนสายเอเซีย บริเวณหน้ามัสยิดไปในรัศมียาวกว่า 1กิโลเมตร
โดยให้เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยกล้าตายประมาณ 15 นาย
ใช้วิธีคลานต่ำเข้าใกล้มัสยิดมากที่สุด
แล้วกำลังส่วนหลังยิงแก๊สน้ำตาเข้าไปในมัสยิด
แต่กลับถูกกลุ่มคนร้ายยิงสวนมา พร้อมขว้างระเบิดใส่ตลอดเวลา
แล้วใช้ไมโครโฟนประกาสลั่นเป็นภาษาไทยและยาวีว่าจะยอมขอสู้ตายดีกว่ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่รัฐ
เจ้าหน้าที่หน่วยกล้าตาย จึงต้องถอยมาตั้งหลักใหม่ พล.อ.วัลลภ
จึงตัดสินใจอย่างเด็ดขาดสั่งการให้ใช้จรวดอาร์พีจี และปืนเอ็ม 79
ยิงถล่มเข้ากลางมัสยิด รวมแล้วกว่า 20 นัด
จนทำให้หลังคามัสยิดพังทลายลงพร้อมกับสิ้นเสียงปืนของกลุ่มคนร้าย
เจ้าหน้าที่ต้องหมอบคลาน อยู่บริเวณโดยรอบของมัสยิด นานกว่า 30
นาที หลังจากเปิดฉากยิงถล่มด้วยอาร์พีจีและเอ็ม 79
จนแน่ใจว่าไม่มีเสียงปืนดังขึ้นภายในมัสยิด จึงได้ส่งหน่วยกล้าตาย 15
นาย พร้อมอาวุธครบมือคืบคลานเข้าไปอีก พบว่าไม่มีเสียงปืนดังขึ้นอีก
และเห็นศพคนตายนอนเกลื้อนอยู่เต็มพื้นปะปนกับเศษปูนที่พังทลายลงมา
แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่แน่ใจถึงความปลอดภัย
เนื่องจากเกรงว่าอาจจะมีการซุกระเบิดไว้ใต้ศพ
จึงต้องใช้วิธีการนำเชือกผูกขาศพแต่ละศพรวมแล้ว 31 ราย ดึงออกมาทีละศพ
ผลปรากฎว่าไม่มีระเบิดซุกซ่อนอยู่แต่อย่างใด
กำลังเจ้าหน้าที่จึงเข้าเคลียร์พื้นที่ภายในมัสยิด
พร้อมกับยึดอาวุธปืนสงคราม อาทิเช่นปืนเอ็ม 16 อาก้า
กระสุนปืนอีกจำนวนหนึ่ง
และนำศพทั้งหมดไปตรวจสอบหารายละเอียดเพิ่มเติมที่โรงพยาบาลค่ายอินทยุทธบริหารต่อไป
รวมระยะเวลาปฏิบัติการถล่มกลุ่มก่อการร้ายในมัสยิดกรือเซะนานกว่า
8ชั่วโมง 30นาที
มีรายงานว่า
ระหว่างเจ้าหน้าที่ปิดล้อมพื้นที่มัสยิดอยู่นั้น มีประชาชนกว่า 10,000
คน มายืนเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ด้วยความสนใจ
ทุกคนต่างเฝ้ามองอยู่ที่จุดเพียงแห่งเดียวคือมัสยิดกรือเซะ
ที่พี่น้องชาวมุสลิมทุกคนต่างให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก
และเมื่อเจ้าหน้าที่ได้เปิดฉากยิงถล่มกลุ่มก่อการร้าย
ประชาชนทุกคนต่างเบื้อนหน้าหนีกันอย่างพร้อมเพรียง
แต่ทุกคนต่างเข้าใจถึงความจำเป็นของเจ้าหน้าที่
สำหรับกลุ่มคนร้ายประมาณ 20คน ชาวบ้านระบุกันว่า
ได้เข้ามาขออาศัยนอนที่มัสยิดกรือเซะเมื่อกลางดึกวันที่ 27 เม.ย.
ที่ผ่านมา และเมื่อช่วงเช้ามืดเดินทางออกไป แล้วกลับมาอีกครั้ง
ได้ก่อเหตุยิงถล่มเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ป้อมยาม
จนเกิดเหตุบานปลายดังกล่าว
ดีเดย์รุ่งอรุณแห่งความตาย
สถานการณ์จังหวัดชายแดนใต้ที่ปะทุมาอย่างต่อเนื่องหลายเดือน
ในที่สุดก็มาถึงจุดสำคัญที่พลิกผันให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองเป็นฝ่ายมีชัยเหนือกลุ่มโจรแบบชนิดขุดรากถอนโคน
เมื่อเวลา 05.30 น. วันที่ 28 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ยะลา
ว่ากลุ่มคนร้ายไม่ทราบจำนวนแบ่งสายออกเป็นกลุ่มละ 15-30 คน ใช้
จยย.และรถปิกอัพ เป็นพาหนะติดอาวุธปืนยาวและมีด
กระจายกันบุกโจมตีเจ้าหน้าที่หลายจุดประกอบด้วย จุดแรกที่ว่าการกิ่ง
อ.กรงปินัง คนร้ายบุกเข้าปล้นปืน เอ็ม 16 จำนวน 6 กระบอก ปืนเอ็ม 79
จำนวน 1 กระบอก ปืนลูกซอง 5 กระบอก และกระสุนจำนวนมาก
แต่คนร้ายถูกยิงเสียชีวิต 3 ศพ
ลุยกันแหลก ขจก.ตายเกลื่อน
เมื่อได้อาวุธคนร้ายหลบหนีมุ่งหน้าไปทางฐานปฏิบัติการกองร้อย
4151 ซึ่งเป็นจุดที่สอง อยู่ห่างไปประมาณ 200 เมตร
แต่ถูกทหารที่รักษาการณ์กราดยิงเสียชีวิตล้มตายหน้าฐานจำนวน 7 ศพ
คนร้ายที่เหลือล่าถอยเข้าไปในมัสยิดซีรอยีลฮูดา หมู่ 1 ต.ห้วยกระทิง
บ้านกูวา ฝ่ายทหารนำโดย ร.อ.อภิชัย เรืองฤทธิ์ ผบ.ร้อย
นำกำลังไล่ล่ากระชั้นชิด จนเกิดการปะทะกันดุเดือดนานประมาณ 10 นาที
คนร้ายถูกยิงเสียชีวิตหน้ามัสยิด 3 ศพ
แต่เพื่อนช่วยกันลากศพเข้าไปในมัสยิด อีก 1
ศพถูกยิงตายบนเทือกเขาห่างจากหมู่บ้านประมาณ 300 เมตร
นอกจากนั้นกำลังคนร้ายที่โจมตี สภ.อ.กิ่ง อ.กรงปินัง ซึ่งเป็นจุดที่สาม
ถูกตำรวจที่รักษาการณ์ยิงตาย 3 ศพ ขณะกำลังจะวิ่งเข้าไปในโรงพัก
ยึดปืนเอ็ม 16 คืนได้เกือบครบ หลังจากเกิดเหตุ
พล.ต.ท.วงกต มณีรินทร์ ผบช.ก. เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
พบว่าก่อนลงมือกลุ่มคนร้ายใช้มัสยิดรอยีลฮูดา เป็นที่รวมพล
ภายในมัสยิดพบปืนเอ็ม 16 ที่ถูกปล้นมาจำนวน 5 กระบอก
พร้อมกระสุนปืนเอ็ม 16 และลูกซองจำนวนมาก
นอกจากนั้นยังพบผ้าคลุมศีรษะแบบอิสลามจำนวนหนึ่ง
ศพคนร้ายที่พบทั้งหมดจะโพกหัวด้วยผ้าสีแดงสลับขาว มีมีดสปาต้าเป็นอาวุธ
เข้าตีฐาน ตชด.ถูกสอยร่วง 8 ศพ จุดที่ 4
เป็นฐานปฏิบัติการร้อย ฉก.ตชด.4202 บ้านกาจะลาจี หมู่ 2 ต.บาเจาะ
คนร้าย 8 คน ใช้ จยย. 4 คัน ประกอบด้วย ฮอนด้าเวฟ สีน้ำเงิน ทะเบียน
กพษ ยล 882 จยย.ยามาฮ่า สีน้ำเงิน ทะเบียน น.3716 ยะลา จยย.ฮอนด้าดรีม
สีน้ำเงิน ทะเบียน ธ 0431 ยะลา และ ยามาฮ่า เมทสีแดง ทะเบียน ฉ 6596
ยะลา มีอาวุธเป็น ปืน มีดสปาต้าและลวดสลิง
ลุยเข้าไปในฐานฟันตำรวจบาดเจ็บ 4 นาย ประกอบด้วย ร.ต.อ.พิมลรัตน์
ธรรมาธิปต์ หัวหน้าชุด ถูกฟันที่ศีรษะ และถูกยิงที่ต้นขา
จ.ส.ต.ชัยสิทธิ์ จันทโชต ถูกฟันที่ขาและศีรษะ ส.ต.อ.ปรีชา หนูชู
ถูกยิงที่ต้นขา และ ส.ต.ท.สุภาพ ทองเพชร ถูกฟันที่ศีรษะและถูกยิงที่ขา
ฝ่าย ตชด.สู้สุดฤทธิ์ยิงคนร้ายล้มคว่ำไป 8 ศพ
ที่เหลือเผ่นหนีไปอย่างสะบักสบอม
โจมตีฐาน
นปพ.ถูกยิงตายเรียบ จุดที่ 5 นปพ.บ้านเนียง คนร้ายจำนวน 10 คน
ใช้จยย. 5 คัน เข้าโจมตี เกิดการปะทะกันนาน 20 นาที
คนร้ายถูกยิงทั้งหมด 10 ศพ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 1 นาย
สามารถยึด จยย.ของคนร้ายได้ 5 คัน จุดที่ 6 ที่ฐานปฏิบัติการทหาร
ต.ตาเช๊ะ ซึ่งมีทหารจาก ร 5 พัน 1 ค่ายเสนาณรงค์ จ.สงขลา
ประจำการอยู่ประมาณ 25 นาย คนร้ายใช้พาหนะเป็นรถปิกอัพอีซูซุ สีดำ
ทะเบียน บง 3028 ปัตตานี บุกเข้าโอบล้อมฐานใช้ปืนลูกซองยาวยิง
พลทหารดอนียา แตกอย อายุ 23 ปี เสียชีวิต
แต่ทหารยิงตอบโต้ถูกคนร้ายเสียชีวิต 2 ศพ
เป็นที่น่าสังเกตุว่าคนร้ายที่เข้าตีฐานแห่งนี้ สวมเสื้อที่มีสัญลักษณ์
กลุ่มขบวนการเจไอ
จุดที่ 7 เหตุเกิดที่ฐานปฏิบัติการ
ตชด.ชุดสันตินิมิตร บ้านบาโงย หมู่ 4 ต.บาโงย อ.รามัน คนร้ายประมาณ 20
คน ขับรถปิกอัพมาจอดหน้าฐานแล้วบุกเข้าโจมตี แต่ถูก จ.ส.ต.เขียน ตุดบัว
ที่เข้าเวรรักษาการณ์ยิงสกัดถูกคนร้ายบาดเจ็บ 3 คน
พรรคพวกช่วยกันลากกลับขึ้นไปบนรถ ส่วน จ.ส.ต.เขียน
ถูกรุมทำร้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส
ตรวจศพพบส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น
สำหรับคนร้ายที่ออกปฏิบัติการเป็นชายวัยรุ่นอายุตั้งแต่ 15 -
20 ปี ส่วนระดับผู้นำหน่วยจะอายุประมาณ 35 40 ปี อายุมากที่สุดคือ 70
ปี คนร้ายส่วนใหญ่แต่งกายด้วยเสื้อสีดำแขนยาว กางเกงลายพราง
รองเท้าผ้าใบ ใช้ผ้าลายขาว-แดงโพกศีรษะคล้ายกับพวกนักรบปาเลสไตส์
พกมีดสปาต้าเป็นอาวุธประจำตัว
ส่วนพวกผู้นำหน่วยจะสวมเสื้อสีดำพกกริชและโพกศีรษะด้วยผ้าสีแดงเป็นสัญลักษณ์
ตะโกนยอมตายเพื่อพระเจ้าก่อนบุก ด้าน ส.ต.อ.ศรชัย
สร้อยสุวรรณ ตำรวจประจำหน่วย นปพ.บ้านเนียง เปิดเผยว่า
ช่วงเช้ามืดขณะนั้นมีตำรวจประจำอยู่ที่จุดตรวจ 10 นาย พบคนร้าย ขี่
จยย. 5 คัน มุ่งหน้ามาจาก ต.เปาะเส้ง
เมื่อมาถึงคนร้ายตะโกนเป็นภาษาอาหรับ
แล้วชักมีดสปาต้าพุ่งเข้าทำร้ายเจ้าหน้าที่และพยายามที่จะแย่งปืน
เจ้าหน้าที่ทุกคนอยู่ในความพร้อมจึงต่อสู้กับคนร้ายอย่างเต็มที่สามารถสังหารคนร้ายได้ถึง
10 ศพ ดูจากลักษณะการลงมือคล้ายกับพวกยอมพลีชีพ
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุทุกจุดคนร้ายซึ่งใช้รถยนต์
และ จยย. เมื่อมาถึงจุดที่จะโจมตี
ทุกคนชักมีดประจำตัวออกมาแล้วตะโกนเป็นภาษามลายูว่าถึงเวลาปลดปล่อยแล้ว
ไม่มีพระเจ้าอื่นใด ยอมตายเพื่อพระผู้เป็นเจ้า
จากนั้นมุ่งเข้าโจมตีเจ้าหน้าที่ ตรวจสอบสภาพศพบางคนในมือกำลูกประคำ
และเครื่องรางของขลังไว้ด้วย
บุกตีป้อมตร.ถูกยิงตายเรียบ
เวลาไร่เรี่ยกัน ที่ จ.สงขลา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
มีคนร้ายจำนวน 19 คน ใช้ จยย.จำนวน 8 คัน เป็นพาหนะ
ขับเข้ามาหลบซ่อนอยู่ข้างสวนอาหารสุไหงนะ
และข้างหน่วยบริการประชาชนสามแยกเขาแดง
ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลตำบลสะบ้าย้อย จ.สงขลา ห่างจาก
สภ.อ.สะบ้าย้อยประมาณ 1 ก.ม.
ในขณะที่หน่วยบริการประชาชนมีตำรวจประจำอยู่ 5 นาย มี จ.ส.ต.ชาญณรงค์
หนูเรือน ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม เป็น หน.ชุด ได้เห็นคนร้าย 2 คน
เดินตรงเข้ามาท่าทางมีพิรุธ จึงสอบถามว่าจะไปไหน
คนร้ายไม่ตอบแต่ชักมีดสะปาต้า ตรงเข้าฟันทันที ตำรวจจึงยิงสกัด
หลังจากนั้นคนร้ายทั้ง 19 คน บุกเข้ามาเพื่อฆ่าเจ้าหน้าที่
โดยมีอาวุธประกอบด้วย ปืนเอ็ม 16 หนึ่งกระบอก ปืนเล็กยาว 87
หนึ่งกระบอก ระเบิดเอ็มเค 2 สองลูก ระบิดเอ็ม 67 จำนวน 1 ลูก
ทั้งสองฝ่ายเปิดฉากตะลุมบอนกันอย่างถึงเลือดถึงเนื้อ
โดยฝ่ายตำรวจวิทยุขอกำลังจาก สภ.อ.สะบ้าย้อย มาเสริม
สามารถไล่ยิงคนจนร้าย จนล่าถอยเข้าไปหลบซ่อนในร้านอาหารสุไหงนะ
และถูกเจ้าหน้าที่ยิงเสียชีวิตทั้ง 19 คน
เตรียมตัวมาพร้อมแต่พลาด
จากการตรวจที่เหตุเจ้าหน้าที่ตรวจสอบศพคนร้ายพบว่าเป็นชาวบ้าน
ต.ธารคีรี จำนวน 3 คน ส่วนที่เหลือ ยังไม่สามารถตรวจสอบได้
แต่เชื่อว่าเป็นคนในพื้นที่ จ.ยะลา เนื่องจาก จยย.
ที่ยึดได้ทั้งหมดใช้ทะเบียน จ.ยะลา คนร้ายทั้งหมดอายุประมาณ 20-35 ปี
แต่งกายด้วยชุดดาวะห์ ใส่หมวกกะปิเยาะ สีขาว และใช้ผ้าลายแดง-ขาว
พันศีรษะแบบนักรบปาเลสไตน์ ในตัวมีเป้ใส่ผ้าโสร่ง
และมีหนังสือเป็นภาษายาวีอยู่ทุกคน ซึ่งเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า
หลังจากก่อเหตุสำเร็จ คนร้ายจะมีการเปลี่ยนเครื่องแต่งกายใส่ผ้าโสร่ง
และสวมหมวกกะปิเยาะ เพื่อหลบหนีโดยให้ดูเหมือนกับเป็นชาวบ้านทั่ว ๆ ไป
เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย 1 คน เป็นชายอายุประมาณ
25 ปีได้ในที่เกิดเหตุ
นำตัวไปสอบสวนหาข้อมูลว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการบุกเข้าโจมตีเจ้าหน้าที่หรือไม่
และจากการสืบสวนในเชิงลึก เจ้าหน้าที่พบว่า
คนร้ายทั้งหมดวางแผนที่จะบุกเข้าเชือดคอ เจ้าหน้าที่ในป้อมยาม
เพื่อแย่งอาวุธปืน
ตั้งแถวก่อนลุยโรงพัก ส่วนที่
จ.ปัตตานี เมื่อเวลา 05.00 น. ขณะที่ จ.ส.ต.เลิศศักดิ์ เที่ยงธรรม
ผบ.หมู่ งานป้องกันปราบปราม ทำหน้าที่ สิบเวร อยู่ที่ สภ.อ.แม่ลาน
จ.ปัตตานี มีคนร้ายประมาณ 50 คนใช้รถปิกอัพ 3 คัน และ จยย. จำนวนหนึ่ง
เข้ามาจอดที่ หน้า สภ.อ.แม่ลาน
จากนั้นหัวหน้ากลุ่มเรียกทุกคนมายืนแถวหน้าโรงพัก
หลังจากนั้นทุกคนตะโกนว่า ถึงเวลาปลอดปล่อย
หลังจากนั้นทั้งหมดชักมีดสปาต้า มีดดาบ วิ่งกระจายกันเข้าทำร้ายตำรวจ
ทั้งบนโรงพัก และบ้านพัก ในขณะที่ตำรวจ นำโดย พ.ต.ท.ปรีชาพล นริตา รอง
ผกก. หน.สภ.อ.แม่ลาน ได้นำกำลังประมาณ 70 นาย
ออกมาทำการต่อสู้กับคนร้ายอย่างดุเดือด
ท่ามกลางความตกใจของบรรดาลูกเมียของ เจ้าหน้าที่ตำรวจ
ที่วิ่งหนีกันอลหม่าน
คนร้ายและตำรวจต่อสู้กันแบบตะลุมบอนแบบใครดีใครอยู่กินเวลาประมาณ 30
นาที คนร้ายล่าถอยไป พร้อมกับรถปิกอัพและจยย. โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ติดตามไล่ล่าอย่างกระชั้นชิด
จ่าตำรวจพลีชีพเพื่อชาติ
หลังจากนั้นจึงได้ตรวจสถานที่เกิดเหตุพบศพของคนร้ายนอนระเกะระกะ
12 ศพ ส่วนตำรวจเสียชีวิต 1 ศพคือ จ.ส.ต.เลิศศักดิ์ ถูกฟันเข้าที่ศรีษะ
ลำตัว เสียชีวิต ส่วนตำรวจคนอื่นๆ บาดเจ็บเล็กน้อยจำนวน 20 กว่าคน
คนร้ายได้ทิ้งรถกระบะมาสดา ทะเบียน ขส.3575 ปัตตานี 1 คัน
ส่วนรถตราโล่ของ ตำรวจถูกทุบได้รับความเสียหาย 2 คัน บ้านพัก จำนวน 20
หลังเสียหายจากการปะทะกันในครั้งนี้ จากการตรวจสอบศพคนตายพบว่ามี สองคน
ที่แต่งกายด้วยชุดเขียว แบบทหาร ซึ่งคงเป็นระดับหัวหน้า
และอีกคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดขาว
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าเพิ่งจะเข้าพิธีแต่งงานเมื่อวันที่ 27
ที่ผ่านมา ทุกคนสวมหมวกกะปิเยาะ สีขาว ใส้ผ้าพันศรีษะ และเตรียมโสร่ง
และเสื้อใส่เป้เอาไว้ และในตัวมีบทสวดของพรจากพระเจ้า
ซึ่งเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า ก่อนที่จะลงมือเข้าโจมตีตำรวจ
ทุกคนได้ทำการสวดขอดุอา ก่อนแล้ว และทุกคนพร้อมที่จะพลีชีพ
จากการปฏิบัติการครั้งนี้ โดยสังเกตุจากทุกคนไม่มีปืน
แต่ใช้มีดเป็นอาวุธ ในการบุกเข้าฆ่าเจ้าหน้าที่
ขนอาวุธเพียบลุยยึดป้อม ตร. และเมื่อเวลา 05.30 น.
คนร้ายกว่า 30 คน เดินทางมาด้วยรถปิกอัพ 3 คัน เข้าไปตั้งหลักใน
มัสยิดกรือเซะ ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนสาย 42 ปัตตานี-นราธิวาส
หลังจากรวมพลแล้ว จึงยกกำลังทั้งหมดเข้าปิดล้อม จุดตรวจบ้านกรือเซะ
ที่ตั้งอยู่ข้างมัสยิด และสุสานเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว
ระดมยิงและขว้างระเบิดใส่ตำรวจ 7 นายซึ่งประจำอยู่ในจุดตรวจ
จนต้องเผ่นหนีกระเจิง พร้อมทั้งวิทยุขอกำลังเสริมจาก
สภ.อ.เมืองปัตตานีมาสนับสนุน ส่วนคนร้ายหลังจากยึดจุดตรวจได้
ทำการจุดไฟเผา รวมทั้งเผา จยย.ของตำรวจอีก 4 คัน
ที่จอดอยู่จนเสียหายยับเยิน โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที
โดนเอาคืนต้องหนีเข้ามัสยิด
ในขณะที่คนร้ายกำลังฮึกเหิมกับการยึดป้อมตำรวจได้ กำลังตำรวจ -
ทหาร ที่ระดมมาเสริมบุกเข้าโอบล้อม โจมตีอย่างหนักหน่วง
ทำให้กลุ่มคนร้าย ต้องถอยหนีเข้าไปยึดมัสยิดกรือเซะและ
เพื่อใช้เป็นที่กำบัง โดยเปิดฉากยิงต่อสู้ และขว้างระเบิดเข้าใส่ตำรวจ
ทหาร เป็นระยะ ๆ
จนตรอกประกาศสู้ตาย ต่อมา
พล.ต.ต.ไพทูรย์ พัฒนโสภณ ผบก.ภ.จว.ปัตตานี ผบ.ฉก.ปัตตานี นำกำลังทหาร
ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษเข้าเสริม และประกาศให้มีการมอบตัว
แต่คนร้ายโต้ตอบด้วยกระสุนปืนและระเบิด
เจ้าหน้าที่ใช้เครื่องยิงระเบิดเอ็ม 79 และ อาร์พีจี
กดดันเพื่อให้คนร้ายยอมแพ้จนทำให้มัสยิดเสียหายบางส่วน
แต่คนร้ายยังไม่ยอมมอบตัว
และยังคงใช้เครื่องขยายเสียงประกาศขอสู้ตายอย่างเดียว
ในขณะที่กำลังเจ้าหน้าที่ไม่สามารถรุดคืบหน้าไปได้ เพราะไม่แน่ใจว่า
ภายในมัสยิด มีชาวบ้านตกเป็นตัวประกันหรือไม่ เนื่องจากได้รับรายงานว่า
มีชาวบ้านประกอบศาสนกิจอยู่ก่อนที่กลุ่มคนร้ายจะบุกเข้าไป
สู้กันดุเดือดเกือบ 9 ชั่วโมง ต่อมา พล.ต.อ.สุนทร
ซ้ายขวัญ รักษาการ ผบ.ตร. ได้เดินทางมาบัญชาการ ด้วยตนเอง โดยให้ทหาร
ตำรวจ ตชด.หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ค่อยๆคืบคลานเข้าไปทีละนิด
แต่ก็ยังถูกโต้ตอบอย่างหนัก กำลังอีกส่วนหนึ่งปิดโอบล้อมด้านหลัง
เพื่อป้องกันไม่ให้คนร้ายล่าถอยและไปทำอันตรายประชาชนที่อยู่ใกล้เคียง
จนกระทั่งเวลา 14.00น. เจ้าหน้าที่ยิงแก๊สน้ำตาเข้าไป
จากนั้นตัดสินลุยขั้นแตกหัก เสียงปืนจากปากกระบอกปืนทั้ง 2 ฝ่ายดังระงม
ท่ามกลางการลุ้นระทึกของผู้สื่อข่าวทุกสำนักและชาวบ้านหลายพันคนที่มาเฝ้าติดตามเหตุการณ์
ในที่สุดเจ้าหน้าที่สามารถเคลียร์มัสยิดกรือเซะ ได้สำเร็จ
จากการปะทะกัน มีตำรวจคอมมานโดถูกยิงเสียชีวิต 2 นาย บาดเจ็บ 8 นาย
คนร้ายเสียชีวิตทั้งหมดจำนวน 32 ศพ
รวมเวลาการต่อสู้ที่ดุเดือดเลือดพล่าน 8 ชั่วโมง 30 นาที
จบชีวิตคาที่ตั้ง 32 ศพ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ
ทหาร จับตายคนร้ายที่หลบซ่อนอยู่ในมัสยิดกรือเซะ
จึงได้เข้าเคลียร์พื้นที่ พบศพของคนร้ายที่ถูกกระสุนปืน สะเก็ดระเบิด
เสียชีวิตในมัสยิด 31 ศพ และตายที่หน้าป้อมยาม 1 ศพ ยึดได้ปืนเอ็ม 16 2
กระบอก ปืนเอชเค 2 กระบอก เอ็ม 79 หนึ่งกระบอก แม๊กกาซีน 12 แม็ก
มีสปาต้า 8 เล่ม ทุกคนใส่กางไว้ข้างใน ใส่โสร่งทับข้างนอก
และโพกผ้าสัญญลักษณ์ของขบวนการเจมาห์อิสลามิยาห์ หรือ เจไอ
คนร้ายทั้งหมดอายุ ตั้งแต่ 20-35 ปี และมีที่อายุมากที่สุดประมาณ 70 ปี
นอนตายพร้อมกับกำมีดในมือ เจ้าหน้าที่ได้นำศพหมด
ไปยังค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี
เพื่อนทำการทำประวัติของแต่ละศพ ว่าเป็นใครมาจากไหน
มัสยิดกรือเซะเสียหายบางส่วน หลังจากนั้น
เจ้าหน้าที่อนุญาตให้ประชาชน จำนวนหลายพันคน
ที่มามุงดูการปะทะกันระหว่าง เจ้าหน้าที่ และ คนร้าย
เข้ามาสำรวจความเสียหายของมัสยิดกรือเซะ เนื่องจากชาวมุสลิม
ถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์ทางศาสนา สำหรับมัสยิดแห่งนี้
หลังจากถูกถล่มด้วยเอ็ม 79 และ อาร์พีจี จำนวน 20 นัด
ได้สร้างความเสียหายในส่วนของหลังคาที่พังยับเยิบ ส่วนด้านข้างทั้งหมด
ได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตาม
ได้ทำให้ชาวบ้านบางส่วน ไม่พอใจที่เจ้าหน้าที่ใช้ระเบิด และจรวด
ถล่มมัสยิด เพราะถือว่า เจ้าหน้าที่สามารถล้อมคนร้ายเอาไว้ได้แล้ว
มีวิธีอื่นๆ ในการจัดการกับคนร้ายได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้จรวด
และระเบิดถล่มก็จับคนร้ายได้อยู่แล้ว
เผยเป็นฝีมือขบวนการเจไอ พล.ต.ต.ธานี ธวิชศรี
ผช.ผบช.ภ.9 เปิดเผยว่า คนร้ายทั้งหมด
จากการตรวจสอบในเบื้องต้นเป็นมุสลิม จากพื้นที่อื่นๆ ไม่ใช่คนใน
อ.เมือง จ.ปัตตานี คนกลุ่มนี้เป็นคนในขบวนการ เจไอ
ซึ่งถูกปลุกระดมให้แบ่งแยกดินแดนแน่นอน
ซึ่งปัญหาต่อไปคือต้องหาทางทำให้คนหลงผิดเหล่านี้เลิกพฤติกรรม
และหันมาร่วมกันพัฒนาชาติไทย เพราะเชื่อว่า คนเหล่านี้หลงผิด
เพียงชั่ววูบ สาเหตุที่ทำให้ปลุกระดมได้ง่าย
เนื่องจากกระแสการต่อต้านของมุสลิมในสังคมโลกรุนแรงมากมาก
ทำให้มีการรับการแสได้อย่างรวดเร็ว
ถูกหลอกปลุกระดมให้มาตาย
สำหรับคนร้ายกลุ่มนี้ เป็นกลุ่มที่ถูกหลอก
โดยก่อนที่จะมีการลงมือปฏิบัติการในครั้งนี้ มีการปลุกกระดมว่า
จะมีการปฏิบัติการพร้อมกันใน 4 จังหวัด 100 จุด
เพื่อสร้างความฮึกเหิมให้กับผู้ปฏิบัติการ แต่ปรากฎว่า
กำลังที่มีความพร้อม มีเพียง 12 จุด เท่านั้น และประกอบกับเจ้าหน้าที่
ได้รับแจ้งเหตุว่าจะมีการก่อการร้าย
จึงสามารถจับตายคนร้ายได้เกือบทั้งหมด สำหรับคนร้ายจำนวนหนึ่ง
ที่หลบหนีไปได้ ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังติดตามตัวอยู่
ในส่วนของผู้ที่ถูกจับกุมได้จำนวน 10 คน ได้นำไปควบคุมตัวที่
ค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี เพื่อสอบสวนหาที่มาของขบวนการ
และผู้บงการต่อไป
ผู้กล้าพลีชีพเพื่อชาติ 5 นาย
พล.ต.ต.ไพฑูรย์ พัฒนโสภณ ผบก.ภ.จว.ปัตตานี เปิดเผยว่า มี ตำรวจ
- ทหาร ที่เสียชีวิตจากการต่อสู้ครั้งนี้ จำนวน 5 นาย คือ ส.ต.ท.ชำนาญ
อักษรเนียม จาก ร้อย ตชด. 444 ส.ต.ต.ณรงค์ชัย พลเดช ตร.คอมมานโด
จากกองปราบ ส.ท.สามารถ กาบดอนกลาง จาก ร้อย ปพ.ศสพ. พลทหารดอนียา แตกอย
จาก รซ.5 พัน 1 และ จ.ส.ต.เลิศศักดิ์ เที่ยงธรรม
ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม สภ.อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี
เรียกประชุมเตรียมรับมือยกสอง ต่อมา พล.อ.ชัยสิทธิ์
ชินวัตร ผบ.ทบ. และ พล.อ.วัลลภ ปิ่นมณี รอง ผอ.กอ.รมน.
เดินทางมาดูที่เกิดเหตุที่ มัสยิดกรือเซะ ประมาณ 20 นาที
หลังจากนั้นได้เดินทางไปยัง ค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก ต.ปัตตานี
เพื่อเรียกประชุมเจ้าหน้าที่ทั้ง 4 จังหวัด ในการประเมินสถานการณ์
และสั่งให้ทุกฝ่ายเตรียมรับมือการก่อการร้าย
เนื่องจากเชื่อว่าการสูญเสียครั้งนี้ของ
กลุ่มคนร้ายจะต้องลงมือแก้แค้นอย่างแน่นอน จึงให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วย
เตรียมพร้อมทั้งด้านการข่าว และการตั้งรับ
ร่วมทั้งการรักษาความสงบในพื้นที่
เพราะคนร้ายอาจจะเปลี่ยนเป้าหมายไปทำร้ายประชาชนในพื้นที่เพื่อตอบโต้
ธนาคาร-ร้านทองปิดทำการ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
หลังจากเกิดเหตุการณ์ร้ายขึ้น ปรากฎว่า
ธนาคารทุกแห่งที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ ซึ่งมีการก่อการร้าย
ได้ขออนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย ทำการปิดการทำการในทันที่
เพื่อความปลอดภัยของธนาคาร ในขณะที่ร้านจำหน่ายทองรูปพรรณ ทั้งหมด
ก็ได้ทำการปิดร้าน ทั้งหมด เพื่อความปลอดภัย
ผู้กล้าพลีชีพเพื่อชาติ 5 นาย พล.ต.ต.ไพฑูรย์
พัฒนโสภณ ผบก.ภ.จว.ปัตตานี เปิดเผยว่า มี ตำรวจ - ทหาร
ที่เสียชีวิตจากการต่อสู้ครั้งนี้ จำนวน 5 นาย คือ ส.ต.ท.ชำนาญ
อักษรเนียม จาก ร้อย ตชด. 444 ส.ต.ต.ณรงค์ชัย พลเดช ตร.คอมมานโด
จากกองปราบ ส.ท.สามารถ กาบดอนกลาง จาก ร้อย ปพ.ศสพ. พลทหารดอนียา แตกอย
จาก รซ.5 พัน 1 และ จ.ส.ต.เลิศศักดิ์ เที่ยงธรรม
ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม สภ.อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี
รายชื่อทหาร-ตร.บาดเจ็บ ที่
รพ.ศูนย์ยะลา นายแพทย์วัฒนา วัฒนายากร ผอ. เปิดเผยว่า
มีผู้บาดเจ็บจากการปะทะช่วงเช้ามืดทั้ง หมด 18 ราย แยกเป็นตำรวจ 11 ราย
ทหาร 3 ราย เป็นผู้ก่อการร้าย 4 ราย ทางโรงพยาบาลส่งต่อไปรักษาที่
รพ.สงขลานครินทร์ หาดใหญ่ เป็นตำรวจ 2 ราย กลับไปรักษาตัวที่บ้าน 2 ราย
ขณะนี้นอนรักษาตัวที่ รพ. 14 ราย
สำหรับรายชื่อตำรวจที่บาดเจ็บจากการปะทะมีดังนี้ 1.
ร.ต.อ.พิมลรัตน์ ธรรมทิพย์ ถูกฟันที่ขาขวา ขาซ้ายถูกยิง 2.
ร.ต.อ.จันทรัตน์ จันวดี ถูกฟันเข้าที่ศีรษะ นิ้วแม่โป้งซ้าย
ทั้งคู่สังกัด ตชด.ที่ 44 รายที่ 3. ส.ต.อ.สนอง คงเฉียน นปพ.ยะลา
ถูกฟันเข้าที่ศีรษะ ขาขวาถูกยิง 2 แผล 4.จ.ส.ต.ต่อศักดิ์ จันทร์อินทร์
ถูกยิงที่ฟันที่ศีรษะ 5. ด.ต.รุ่น สังขะวิชัย ถูกฟันเข้าที่ไหล่ขวา
ขาขวา ขาซ้ายถูกยิง 6. ส.ต.อ.เขียว ตุดบัว ถูกฟันที่ศีรษะ ต้นคอ
หน้าผากและหลัง 7.ส.ต.ท.สุภาพ ทองเพชร สังกัด ตชด.ที่ 42
ถูกฟันที่ศีรษะ แขนซ้าย เข่าขวาถูกยิง 8.ส.ต.อ.ปรีชา หนูชู
ถูกยิงที่เท้าขวา 9. จ.ส.ต.ช้ยสิทธิ์ จันทโชค ถูกฟันที่ศีรษะ
10.จ.ส.ต.รัศมี หมัดหมาน นปพ.ยะลา 11.ส.ต.อ.อนุสร ศรีแก้วเงิน นปพ.ยะลา
12.จ.ส.อ.วิมล คงดำ ถูกยิงที่ท้อง มือขวาถูกฟัน 13.พลฯไพรวัลย์
จันทรัตน์ ทหารสังกัด ร้อย 15 พัน 3 ถูกยิงที่สะโพก 14. ส.อ.วิกาล
หอมคล้าย ทหารร้อย 5 พัน 1 ถูกฟันศีรษะและมือซ้าย
เด็ดหัวได้ 107 ศพจับเป็น 17 คน ต่อมาเมื่อเวลา
15.00 น. ที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร
ผบ.ทบ.เปิดแถลงข่าวแผนปฏิบัติการตอบโต้กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่
3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
หลังจากใช้กำลังเข้าจัดการขั้นเด็ดขาดภายในมัสยิดกรือเซะ
ว่าจากการใช้ปฏิบัติตอบโต้ตั้งแต่เมื่อเวลา 05.30 น.
ส่งผลให้กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบเสียชีวิต 107 ศพ จับเป็น 17 คน
เจ้าหน้าที่รัฐเสียชีวิต 5 นาย เป็นตำรวจ 3 นาย ทหาร 2 นาย ได้บาดเจ็บ
15 คน
ส่วนใหญ่เป็นกองกำลังขี้ยา ผบ.ทบ.
กล่าวต่อว่าสำหรับผู้ก่อความไม่สงบระดับหัวหน้าจะสวเสื้อสีดำ
ใส่ลูกประคำ เป้สะพายหลังใช้มอเตอร์ไซด์เป็นยานพาหนะในการก่อเหตุ
ซึ่งกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบต้องเรียกว่าเป็นกองกำลังไม่ใช่เยาวชน
เพราะกลุ่มนี้เพิ่มความรุนแรงในการปฏิบัติการเนื่องจากได้ใจและที่ผ่านมาทางการไม่สามารถจับกุมใครได้
พร้อมทั้งได้รับแรงสนับสนุนจากกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด
จึงจะต้องขยายผลเพื่อติดตามจับกุมต่อไป
เป็นที่น่าสังเกตุว่าการลงมือของกลุ่มก่อการร้ายทำอย่างหึกเหิมแบบไม่กลัวตาย
ซึ่งผิดวิสัยคนปกติทั่วไป
จึงสั่งการให้ตรวจสอบเลือดว่ามีสารเสพติดเจือปนหรือไม่
ผลการตรวจเบื้องต้นพบว่าส่วนใหญ่ติดยาเสพติด
ญาติแห่มาติดต่อขอรับศพ
สำหรับศพผู้ก่อความไม่สงบที่เสียชีวิต
ขณะนี้ได้เก็บไว้ตามสถานที่ราชการจุดต่างๆ เช่นสถานีตำรวจ
โรงพยาบาลและค่ายอิงคยุทธบริหาร โดยในขณะนี้ให้แพทย์มุสลิมมาฉีดยาศพ
เพื่อรอญาตินำหลักฐานมาติดต่อเพื่อขอรับศพไปประกอบพิธีทางศาสนา
โดยทางเจ้าหน้าที่จะพยายามให้เสร็จก่อน 02.00 น.
เพื่อให้ทันในการประกอบพิธีศพ ตามวิธีการของศาสนาอิสลาม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีญาติพี่น้องของผู้ตายเป็นจำนวนมาก ประมาณ 300
คนจาก สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส เดินทางมาดูศพ
และขอรับศพ
ตามล่าผู้ที่อยู่เบื้องหลัง
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมมาอีกว่า เมื่อเวลา 15.20
น.วันเดียวกันนี้ ที่สภาความมั่นคงแห่งาติ (สมช.) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
นายกรัฐมนตรี ได้เชิญพล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร รมว.กลาโหม พล.อ.วินัย
ภัททิยะกุล เลขาธิการ สมช. พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย
ผอ.สำนักข่าวกรองแห่งชาติ มารายงานสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากนั้น
พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์ว่า เหตุการณ์ได้สงบเรียบร้อยหมดแล้ว
ขั้นตอนต่อไปจะดำเนินการสอบสวนหาเครือข่ายและผู้ที่อยู่เบื้องหลังอีก 2
ระดับ
ซึ่งในระดับผู้ปฏิบัติการมีผู้ที่เป็นหัวหน้าเข้ามาร่วมปฏิบัติการด้วยแต่ผู้สั่งการยังมีอีกระดับหนึ่งและมีผู้บงการใหญ่อีกระดับหนึ่งซึ่งเราได้ข้อมูลมาค่อนข้างมาก
ส่วนใหญ่ผู้ที่อยู่ในระดับ 2 จะหลบหนีข้ามไปมาระหว่างไทยและมาเลเซีย
ส่วนระดับ1ซึ่งเป็นผู้บงการจะอยู่ในประเทศไทย
นายกฯ
กล่าวต่อว่า
เราได้รับรายงานมาก่อนหน้านี้แล้วว่าในพื้นที่ภาคใต้มีปัญหาเด็กติดยาเสพติด
ตั้งแต่เหตุการณ์ปล้นปืนที่ จ.นราธิวาสแล้ว
เพียงแต่ไม่อยากจะพาดพิงอะไร
ซึ่งเป็นผลพวงมาจากการที่รัฐบาลปราบปรามยาเสพติด
ส่วนสาเหตุที่ทำให้วัยรุ่นที่ติดยาเสพติดพร้อมใจกันออกมาปฏิบัติการครั้งนี้
เพราะปัญหายาเสพติดและเรื่องค่าจ้างวาน เพราะมีคนตกงานจำนวนมาก
แม้วยืนยันลงใต้แน่นอน
ผู้สื่อข่าวถามว่าจำเป็นต้องประกาศเคอร์ฟิวในพื้นที่หรือไม่
นายกฯ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ในพื้นที่จะพิจารณาว่าควรทำระดับใด
ส่วนที่ว่าเจ้าหน้าที่ทำเกินกว่าเหตุเพราะคนร้ายมีเพียงมีดนั้น
ตนคงต้องขอร้องที่นี่คือประเทศไทยเป็นเรื่องที่พวกเราต้องช่วยกันโดยเฉพาะเรื่องของจิตสำนึกความเป็นชาติ
วันนี้ต้องถือว่าเจ้าหน้าที่ต้องตายไปหลายคน ต้องเห็นใจในชีวิตของคนดี
ๆ ที่อาสามารับราชการกินเงินเดือนน้อย ๆแล้วต้องมาเสี่ยงกับชีวิต
ผมยังยืนยันที่จะเดินทางลงไปในภาคใต้ทันทีเมื่อเคลียร์งานเรียบร้อย
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้เกิดความวิตกและยกเลิกการเดินทางทุกตารางนิ้วในประเทศไทยนายกฯ
ต้องไปได้ อยู่ได้ และนอนได้ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว
ไม่ประมาทหวั่นโจรแก้แค้น ส่วน พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร
รมว.กลาโหม กล่าวว่า
ได้รายงานว่ามีการได้ข่าวว่าจะมีการเคลื่อนไหวหลังจากที่รัฐบาลออกข่าวว่าจะมีการส่งทหารไปดูแลความสงบในโรงเรียนในช่วงเปิดเทอมจึงรีบชิงลงมือก่อน
เพราะเกรงว่าหลังจากนี้ไปจะไม่สะดวกแต่ความจริงได้มีการสับเปลี่ยนกำลังตลอดเวลาเพื่อรับสถานการณ์
เมื่อถามว่า เกรงว่าจะมีการแก้แค้นกลับหรือไม่ พล.อ.เชษฐา กล่าวว่า
ก็ห่วงเรื่องนี้ แต่คิดว่าเขายังรวบรวมกำลังพลไม่ได้เพราะเสียหายหนัก
อย่างไรก็ตามเราไม่ประมาทและระวังตัวตลอด
พล.ต.ท.จุมพล
มั่นหมาย ผอ.สำนักข่าวกรองแห่งชาติ กล่าวว่า ใน จ.นราธิวาส
ยังไม่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นดังนั้นจึงได้แจ้งเตือนไปให้ระมัดระวัง
ทั้งนี้ได้วิเคราะห์กันซึ่งมีอยู่ 2 หนทางคือหลาบจำหรือกลับมาแก้แค้น
ส.ว.เชื่อเป็นฝีมือเบอร์ซาตู นายอูมาร์ ตอยิบ
ส.ว.นราธิวาส กล่าวว่า นับเป็นเหตุการณ์ณ์ที่รุนแรงมาก เพราะตนอายุ 70
ปีกว่าแล้วไม่เคยปรากฏเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน
โดยเฉพาะการประทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐกับผู้ก่อการร้ายที่มากผิดปกติ
ซึ่งตนคิดว่าเป็นฝีมือของกลุ่มเบอร์ซาตู
ซึ่งเป็นการรวมตัวของกลุ่มผู้ก่อการร้ายและพวกที่เสียประโยชน์ทุกกลุ่มรวมกัน
พล.ท.โอภาส รัตนบุรี ส.ว.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า
เหตุการณ์นี้ถือว่าผู้ก่อการร้ายกล้าเปิดเผยตัว
ทำให้เจ้าหน้าที่รู้ข้อมูล
รู้ตัวคนร้ายซึ่งสามารถสาวลึกไปถึงตัวผู้บงการได้ไม่ยาก
ทั้งนี้ทราบว่าเจ้าหน้าที่รู้ล่วงหน้ามาก่อนแล้วจึงเตรียมตัวรับมือได้
แสดงให้เห็นว่ามีกระบวนแบ่งแยกดินแดงจริง
ธนาคารสั่งปิดก่อนเวลา
รายงานข่าวจากธนาคารพาณิชย์เปิดเผยว่า
จากสถานการณ์ความรุนแรงในภาคใต้เมื่อวันที่ 28 เม.ย.
ส่งทำให้ธนาคารพาณิชย์สั่งปิดทำการสาขาที่อยู่ในพื้นเสี่ยงหลายแห่งโดยธนาคารกรุงไทย
ได้สั่งปิดพื้นที่เสี่ยงในจังหวัดยะลา 3 สาขา คือ สาขารามัน
สาขาบันนังสตา และสาขายะหา
โดยจะปิดทำการทั้งวันและยังไม่มีกำหนดเปิดทำการ ส่วนที่สาขายะรัง
จังหวัดปัตตานี ได้ปิดทำการก่อนเวลาปกติ 1 ชั่วโมง ขณะที่ธนาคารกรุงเทพ
ได้สั่งปิดสาขาสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลาชั่วคราว นอกจากนี้
ธนาคารส่วนใหญ่ยังได้ร่วมมือกับกับตำรวจวิเคราะห์สถานการณ์รายวัน
เพื่อกำหนดมาตรการการรักษาความปลอดภัย
หากพบว่ามีลูกค้าที่มีพิรุธจะไม่ได้รับอนุญาตเข้าไปในบริเวณธนาคารทันที
และในช่วงที่ผ่านมามีลูกค้าเข้ามาใช้บริการน้อยผิดปกติเนื่องเกรงอันตรายที่จะเกิดขึ้น
ด้านนายธงชัย เจริญสิทธิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ
ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า
สั่งเพิ่มมาตรการความปลอดภัยให้เข้มงวดมากขึ้นเท่านั้น
หากมีพิรุธจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าธนาคาร โดยเฉพาะสาขาปาลัส
จ.นราธิวาส และสาขารือเสาะ จ.ยะลา แต่สำหรับ จ.ปัตตานี
ไม่ได้มีการสั่งการเฉพาะแต่อย่างใด
และธนาคารได้ประเมินสถานการณ์รายวันเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ของแต่ละวัน
สธ.ตั้งศูนย์บัญชาการแพทย์ ด้าน นางสุดารัตน์
เกยุราพันธุ์ รมว.สาธารณสุข เปิดเผยว่า
ได้สั่งการให้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุข
เพื่อประสานงานสนับสนุนให้ความช่วยเหลือทั้งบุคลากรแพทย์
เครื่องมือแพทย์ และสิ่งที่จำเป็นต่างๆระหว่าง รพ.ในจังหวัดปัตตานี
ยะลา และนราธิวาส ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมมอบหมายให้ นพ.หม่อมหลวงสมชาย
จักรพันธุ์ ผู้ตรวจราชการเขต 11 , 12
ประจำในพื้นที่เพื่อคอยให้ความช่วยเหลือและสร้างขวัญกำลังใจให้ผู้ปฏิบัติงาน
เบื้องต้นส่งแพทย์ด้านกระดูกลงไป 2 คน ในวันที่ 29 เม.ย.
จะส่งแพทย์ลงไปอีก 4 คน
สตม.เพิ่มความเข้มทุกด่าน
พล.ต.ต.พงศพัศ พงษ์เจริญ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า
หลังจากเกิดเหตุรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ พล.ต.อ.สุนทร ซ้ายขวัญ
รักษาราชการ ผบ.ตร.
ได้สั่งการให้ทุกหน่วยเพิ่มความเข้มในการปฏิบัติเพื่อดูแลความปลอดภัยในพื้นที่และจุดล่อแหลมต่างๆ
ทั่วประเทศ
โดยในกรุงเทพฯจะเพิ่มกำลังสายตรวจระวังเหตุร้ายอย่างต่อเนื่องในสถานที่ท่องเที่ยว
โรงแรมที่พัก สถานฑูต อาคารที่ทำการของรัฐบาลและเอกชน
สำหรับในส่วนของด่านตรวจคนเข้าเมืองทุกด่านทั่วประเทศ ในขณะนี้
พล.ต.ท.ชาญวุฒิ วัชรพุกก์ ผบช.สตม.สั่งการให้เพิ่มความเข้มอย่างเต็มที่
โดยจะตรวจตราระมัดระวังผู้ต้องสงสัยที่อาจแฝงมากับผู้โดยสารในเที่ยวบินต่าง
ๆ
จิ๋วสั่งพัลลภออกจากพื้นที่
เมื่อตอนค่ำวันเดียวกันนี้ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี รอง
ผอ.กองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุข (สสส.)
กล่าวภายหลังที่มีกระแสข่าวว่าจะถูกปลดออกจากตำแหน่งว่า พล.อ.ชวลิต
ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.สสส.
ได้มีคำสั่งให้ตนออกจากพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จริง
เนื่องจากเหตุการณ์ที่ตนมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ทหาร-ตำรวจดำเนินการกวาดล้างกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่มัสยิดกรือเซะ
จ.ปัตตานี ซึ่งเดิมที พล.อ.ชวลิต
มีคำสั่งให้ตนสั่งเจ้าหน้าที่ล้อมมัสยิดไว้เฉยๆ
เพื่อให้กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบอดอาหารแล้วยอมมอบตัว ตนก็ได้ทำตามคำสั่ง
แต่ปรากฏว่าสสถานการณ์กลับเลวร้ายกว่าเดิม
เพราะมีประชาชนออกมาห้อมล้อมการทำงานของเจ้าหน้าที่
เมื่อเจ้าหน้าที่ใช้โทรโข่งประกาศให้กลุ่มคนร้ายวางอาวุธออกมามอบตัว
กลับถูกประชาชนโห่ร้องรุมเข้ามาหาเจ้าหน้าที่
และคนร้ายในมัสยิดยิงปืนออกมา
ตัดสินใจสั่งลุยทันที
พล.อ.พัลลภ กล่าวต่อว่า
ตนเห็นว่าหากปล่อยต่อไปสถานการณ์จะยิ่งรุนแรงมากขึ้น
ประชาชนอาจถูกลูกหลง หรือไม่เจ้าหน้าที่อาจถูกยิงเสียชีวิต
ตนจึงตัดสินใจให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการกวาดล้าง เมื่อตนสั่งอย่างนั้น
พล.อ.ชวลิต จึงไม่พอใจ หาว่าตนทำนอกเหนือคำสั่ง
แต่ตนและเจ้าหน้าที่ที่บัญชาการอยู่ร่วมกันมีความเห็นว่าถ้าปล่อยให้เหตุการณ์เป็นแบบนั้นต่อไป
อาจจะจับกุมคนร้ายไม่ได้
หรือคนร้ายอาจหลบหนีไปได้เหมือนอย่างที่เคยผ่านมา
จึงทำให้ตนต้องออกคำสั่งไป ทั้งนี้ตนก็ยอมรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น
แต่ตนก็คิดว่าทำดีที่สุดแล้ว
เพราะไม่เช่นนั้นคนที่ตายอาจเป็นเจ้าหน้าที่หรือประชาชนที่บริสุทธิ์
ต่อไปนี้ผมคงไม่ต้องไปทำงานที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แล้ว แต่ตำแหน่ง
รอง ผอ.สสส.ของผมนั้นยังอยู่เหมือนเดิม พล.อ.พัลลภ กล่าวในตอนท้าย
ผบ.ทบ.เข้าวังถวายรายงาน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
ช่วงค่ำ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ผบ.ทบ.
เดินทางไปเข้าเฝ้าถวายพระพรเนื่องในวโรกาสครบรอบวันอภิเษกสมรส
ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระราชินีนาถ
พร้อมถวายรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้ทราบโดยละเอียด
ญาติสลดรับศพส.ต.ต.เซ่นไฟใต้ ที่กองบิน 3
กองทัพอากาศ เมื่อเวลา 21.00 น. มีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม
จัดกองเกียรติยศ มารอรับศพ ส.ต.ต.ณรงค์ชัย พลเดช อายุ 21 ปี
เจ้าหน้าที่คอมมานโด
ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์กลุ่มก่อการร้ายบุกยึดมัสยิดกรือเซะ
โดยมีญาติๆของคนตายมาคอยรับอยู่อย่างกระวนกระวายใจ จนกระทั่วเวลา
21.10น. เครื่องบินแบบซี 130 ลงมาจอด เจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนโลงศพลงมา
โดยมีธงชาติไทยคลุมทับอยู่ และบริเวณด้านข้างมีพล.ต.ต.โกสินทร์
หินเธาว์ ผบก.ป. และผู้บังคับบัญชาในกองปราบปราม เดินเคียงข้างมาด้วย
กองเกียรติยศได้ตั้งแถวทำความเคารพศพ
กลุ่มญาติคนตายส่งเสียงร้องไห้กันระงม จนนางเสวี พลเดช มารดาคนตาย
เป็นลมหมดสติไป
ทางญาติจึงต้องช่วยปฐมพยาบาลแล้วนำรถรถติดตามขบวนศพไปยังวัดเสมียนนารี
จ.ส.อ.ทรงชัย พลเดช ทหารสังกัดกรมทหารม้าที่ 5รักษาพระองค์
บิดาคนตาย เปิดเผยว่า ลูกชายเพิ่งรับราชการตำรวจได้ 2 ปี
ทราบข่าวการเสียชีวิตของลูกชาย จากลูกสาว
เมื่อทราบข่าวภรรยาถึงกับเป็นลมล้มพับไป
ในช่วงแรกไม่เชื่อแต่เมื่อเช็คข่าวและเห็นสื่อมวลชนเสนอข่าว
จึงแน่ใจว่าลูกชายเสียชีวิตแล้วแน่นอน รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก
แต่ก็ยังรู้สึกภูมิใจที่ลูกชายได้เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่
อย่างไรก็ตามจะนำศพไปเก็บไว้ที่วัดเสมียนนารีก่อน 1 คืน แล้วในวันที่
29 เม.ย.นี้ จะนำไปตั้งสวดพระอภิธรรมต่อที่วัดทองพุ่มพวง ต.ปากเพียว
อ.เมืองสระบุรี ต่อไป
อย่างไรก็ตามทางผู้บังคับบัญชาจะทำเรื่องเสนอขั้นและยศให้กับคนตายสูงสุด
คือยศ ร.ต.อ. เนื่องจากเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่
|
|
|
|
|