วันพฤหัสบดีที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2547 | ||
|
ในหลวงรับสั่ง นายกฯ-แม่ทัพเฝ้า ใต้มิคสัญญี 'จับตาย'107 ศพ-หวั่นจุดพลุ ขยายวงสงคราม 'ชัยสิทธิ์' สวนทาง'จิ๋ว' ยันต้องเด็ดขาด ถล่มมัสยิดกรือเซะ สยบกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ หวั่นสงครามระลอก2 ใต้เดือดตาย 107 ศพหวั่นปะทุรอบสอง ในหลวงรับสั่งนายกรัฐมนตรี แม่ทัพ เข้าเฝ้าฯเพื่อรายงานสถานการณ์ ขณะที่การปะทะกันในมัสยิดกรือเซะ กลุ่มวัยรุ่นเสียชีวิต 34 ศพ โดยยอดรวมวัยรุ่นดับ 107 ศพ เจ้าหน้าที่รัฐสังเวย 5 นาย "ชัยสิทธิ์" ยันต้องเด็ดขาด ไม่สนคำสั่ง "จิ๋ว" ห้ามยิงมัสยิดเด็ดขาด เพราะเป็นสถานที่ละเอียดอ่อน ด้าน รมว.กลาโหม สั่งให้ระวังตัว เชื่อมีการก่อเหตุระลอกใหม่ ปฏิบัติการระส่ำใต้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงปะทะเดือดกลุ่มก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 10 จุด ส่งผลให้กลุ่มวัยรุ่นเสียชีวิตมากเป็นประวัติการณ์กว่า 100 ศพ ขณะที่เจ้าหน้าที่ของรัฐเสียชีวิต 5 นาย โดยเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นปิดฉากลงที่มัสยิดกรือเซะ ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจคนมุสลิม จึงมีการประเมินว่าเป็นจุดเริ่มต้นสงครามรอบใหม่ ไม่ใช่การดิ้นครั้งสุดท้ายอย่างที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐพยายามสรุป วานนี้ เหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้นกับมัสยิดกรือเซะ อ.เมือง จ.ปัตตานี เริ่มขึ้นเมื่อเวลา 05.30 น.เมื่อมีคนร้ายประมาณ 40 คน บุกเข้าไปปฏิบัติการยึดป้อมตำรวจกรือเซะ โดยทำทีเป็นว่ามีเหตุการณ์ทะเลาะกันขึ้น ขอให้ตำรวจเข้าไปช่วย แต่ตำรวจไหวตัวทัน เพราะเห็นคนที่วิ่งเข้ามาแจ้งตำรวจมีอาวุธมีดอยู่ด้วย ตำรวจจึงหลบเข้าไปในป้อม จังหวะนั้นเองคนร้ายได้พุ่งเข้าไปใช้มีดที่พกติดตัวมาแทงเข้าใส่ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) จากนั้นคนร้ายจากทุกทิศทางก็วิ่งกรูกันเข้ามายังป้อมตำรวจในทุกทิศทาง ตำรวจประจำป้อมกรือเซะ พากันวิ่งหนีออกไป พร้อมกับวิทยุแจ้งเหตุ และขอความช่วยเหลือไปยังหน่วยข้างเคียง จากนั้นไม่นาน ชุดลาดตระเวนก็เดินทางมาถึง แต่ระหว่างรถตำรวจชุดลาดตระเวนกำลังจะจอดนั้น ได้มีเสียงปืนดังขึ้นมาจากสวนยางพาราหลังป้อมตำรวจ ทำให้ตำรวจกองปราบปราม ที่มากับชุดลาดตระเวนเสียชีวิตทันที 1 นาย ขณะนั้นเอง มีชายสูงอายุประมาณ 50 ปี นุ่งกางเกงสีดำ ใส่เสื้อสีเขียว โพกผ้าแดงที่ศีรษะ ในมือถือมีด ทราบชื่อภายหลัง คือ นายอับดุลเลาะ สีแม ซึ่งเป็นคนนอกพื้นที่ตะโกนให้ทุกคนสู้ตาย ต่อมาเวลา 06.00 น.คนร้ายเริ่มปฏิบัติการเผารถมอเตอร์ไซค์ของตำรวจ 5 คัน จุดไฟเผาหลังคาป้อมตำรวจ เมื่อตำรวจชุดลาดตระเวนเข้าไปก็ถูกยิงสวนกลับมา เมื่อเห็นว่า กำลังที่มีอยู่ทั้งหมดรับมือไม่ไหว จึงวิทยุแจ้งขอความช่วยเหลือไปอีก จึงมีตำรวจชุดใหม่เข้ามาเสริม ทำให้มีการยิงปะทะกันอีกชุดหนึ่ง คนร้ายจำนวนหนึ่งจึงล่าถอยเข้าไปในสวนยางพารา และสวนมะพร้าวด้านหลังป้อมตำรวจ เวลา 08.00 น.กำลังตำรวจจากหน่วยรบพิเศษพลร่มป่าหวาย จ.ลพบุรี เข้ามาเสริม โดยการนำอาวุธหนัก รถหุ้มเกราะเข้ามา พร้อมกับยิงอาวุธหนักเข้าใส่คนร้าย ทำให้คนร้ายประมาณ 30 คนล่าถอยเข้าไปอยู่ในมัสยิดกรือเซะ ซึ่งอยู่บริเวณข้างเคียง และอีกส่วนหนึ่งเข้าไปหลบอยู่ในบ้านของชาวบ้าน ตำรวจจากหน่วยรบพิเศษเริ่มยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่มัสยิดกรือเซะ แต่ก็ไม่เป็นผล เนื่องจากคนร้ายยังยิงสวนออกมาเป็นระยะๆ หน่วยรบพิเศษยิงอาร์พีจีถล่มมัสยิด เวลา 10.00 น.หน่วยรบพิเศษพลร่มป่าหวาย ได้รับคำสั่งให้ใช้อาวุธหนัก ตำรวจจึงยิงปืนอาร์พีจีเข้าไปภายในมัสยิดกรือเซะ จำนวนหลายสิบนัด จากนั้นได้มีเสียงปืนจากคนร้ายซึ่งยิงมาจากหลังคาบ้านของชาวบ้านหลังมัสยิด กระสุนปืนถูกตำรวจ ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 นาย เวลา 11.00 น.เมื่อตำรวจเห็นว่า ถ้าปล่อยให้สถานการณ์ยืดเยื้อต่อไปจะไม่เป็นผลดี จึงระดมยิงอาวุธปืนอาร์พีจีเข้าไปภายในมัสยิดอย่างหนัก พร้อมๆ กับมีเสียงปืนจากสวนยางพาราของชาวบ้านออกมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อสิ้นเสียงปืนชุดแรก มีเสียงประกาศออกมาตามสายของมัสยิดเป็นภาษายาวี แปลความได้ว่า "ขอให้ทุกคนแบ่งอาวุธคนละเท่าๆ กัน และให้พร้อมใจกันสู้ตาย" เมื่อตำรวจเห็นว่าสถานการณ์เข้าสู่ภาวะวิกฤติ จึงกันชาวบ้าน และนักข่าว ช่างภาพทั้งหมดออกนอกพื้นที่ พร้อมกับระดมยิงอาร์พีจีเข้าไปอย่างหนัก ปะทะ7ชั่วโมง34ศพดับคามัสยิด ต่อมาเวลา 14.00 น.ซึ่งนับรวมเวลาที่ปะทะกันนั้น กว่า 7 ชั่วโมง เสียงจากมัสยิดกรือเซะสงบลง เจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหารเริ่มเข้าเคลียร์พื้นที่ พบมีผู้เสียชีวิตด้านนอกมัสยิด และขอบกำแพง 4 คน ส่วนภายในมัสยิดมีผู้เสียชีวิต 30 คน ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศรอบที่เกิดเหตุ ห่างจากมัสยิดกรือเซะออกไปประมาณ 2 กม.มีการตั้งด่านสกัดไม่ให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปเด็ดขาด ขณะที่ประชาชนที่สัญจรไปมา เมื่อทราบข่าวต่างพากันหลีกเลี่ยงการใช้เส้นทางผ่านมัสยิดกรือเซะ "จิ๋ว"สั่งห้ามบุกมัสยิดให้ใช้วิธีปิดล้อม ก่อนหน้านี้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า ได้สั่งการเด็ดขาดไปแล้วว่า ให้ยึดมั่น ว่าเราจะไม่ตอบโต้ จะใช้วิธีปิดล้อมเฉยๆ และพยายามพาผู้นำศาสนา หรือประธานกรรมการศาสนาอิสลามประจำ จ.ปัตตานี เข้าไปเจรจา แต่ขณะนี้ประธานกรรมการศาสนาเดินทางไปต่างประเทศ กับนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา รองนายกฯ จึงได้ขอให้ผู้นำศาสนาที่เหลือมาเจรจา "สถานที่นี้ไม่มีทางออกไปไหน ต้องอยู่ในนั้น เราก็พยายามดูแลให้เกิดความเข้าใจ เพราะจะใช้วิธีบุกเข้าไปคงไม่เหมาะสม เราต้องเคารพในสถานที่ ยิ่งเป็นเรื่องแบบนี้ ดังนั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ ถือเป็นเรื่องใหญ่มาก" ผบ.ทบ.สั่งสกัด20วัยรุ่นทุ่งยางแดงหวั่นก่อเหตุซ้ำ เมื่อเวลา 14.00 น.พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ผบ.ทบ.และ พล.ต.พิศาล วัฒนวงศ์คีรี แม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมด้วยนายทหารระดับสูงทั้งหมด ได้มารวมตัวกันที่ รพ.ค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี เพื่อรับฟังรายงานสถานการณ์ล่าสุดทางวิทยุสื่อสารจากพื้นที่ต่างๆ พล.อ.ชัยสิทธิ์ เปิดเผยว่า ได้รับทราบรายงานเมื่อเวลา 13.40 น.มีกลุ่มวัยรุ่นพร้อมอาวุธครบมือประมาณ 20 คน รวมตัวกันที่ อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี แม่ทัพภาคที่ 4 จึงได้สั่งการให้ชุดเคลื่อนที่เร็วไปสกัดไว้ "เรื่องของเรื่อง คือ มันได้ใจ ฆ่าคนกันทุกวัน แต่ยอมรับว่า ตอนนี้หนักใจ เพราะทหารทำอะไรก็โดนวิจารณ์กันหมด สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า เรารังแกเด็ก ทำร้ายเยาวชน ซึ่งมีอาวุธเพียงแค่มีดกับสปาต้า ทั้งๆ ที่จริง มันมีทั้งเอ็ม 16 อาก้า อยากให้นักข่าวพวกนั้นลงมาดูกันบ้าง ทหารเราก็ตายไปหลายคน" สรุปยอดปะทะ10จุดกลุ่มวัยรุ่นดับ107ศพ พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวถึงเหตุการณ์ต่อสู้กันที่มัสยิดกรือเซะ ว่า เป็นกองกำลังชุดสุดท้ายที่ต่อสู้กับเจ้าหน้าที่อย่างดุเดือด จึงจำเป็นต้องใช้แผนปฏิบัติการอย่างเด็ดขาด เพื่อปิดปฏิบัติการ หากยืดเยื้อออกไปจะไม่เป็นผลดี ต่อมาเมื่อเวลา 15.00 น.ที่ห้องประชุมค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี พล.อ.ชัยสิทธิ์ พร้อมด้วยพล.ต.อ.สุนทร ซ้ายขวัญ รักษาการ ผบ.ตร.พล.ท.พิศาล และเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับเหตุกาณ์ที่เกิดขึ้นประชุมร่วมกันเพื่อสรุปยอดคนร้ายและเจ้าหน้าที่ที่เสียชีวิต หลังจากการประชุม พล.อ.ชัยสิทธิ์ เปิดเผยว่า การปะทะระหว่างกลุ่มผู้ร้ายกับเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 05.00 น.จนถึงเวลา 13.50 น.กลุ่มโจรที่เจ้าหน้าที่ปราบปรามได้เป็นกลุ่มสุดท้าย คือ ที่มัสยิดกรือเซะ ขณะนี้ทราบยอดผู้เสียชีวิตที่แน่นอนแล้วจำนวน 107 คน เจ็บอีก 6 คน สามารถจับกุมคนร้ายได้ 17 คน ส่วนเจ้าหน้าที่ของรัฐเสียชีวิต 5 คน เป็นตำรวจ 3 คน ทหาร 2 คน บาดเจ็บ 15 คน นอกจากนี้ จากการเข้าเคลียร์พื้นที่สามารถยึดอาวุธได้เป็นจำนวนมากโดยแยกออกเป็นจังหวัดดังนี้ ที่ จ.ปัตตานี สามารถยึดอาวุธปืนเอสเคได้ 3 กระบอก เอ็ม 16 จำนวน 2 กระบอก อาวุธปืนเอ็ม 79 จำนวน 1 กระบอก และมีสปาต้าจำนวนหนึ่ง ที่ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา สามารถยึดอาวุธปืนเอ็ม 16 ได้ 1 กระบอก ปืนคาร์บิลพับฐานจำนวน 1 กระบอก ปืนพกสั้นทำเอง 3 กระบอก ระเบิดขว้างเอ็มเค 2 และ เอ็ม 26 จำนวน 2 ลูก จ.ยะลา สามารถจับกุมยึดอาวุธปืนลูกซองได้ 3 กระบอก มีดสปาต้าจำนวนหนึ่ง ปืนพกสั้นทำเองจำนวน 4 กระบอก ระเบิดเอ็มเค 2 และเอ็ม 26 จำนวน 4 ลูก ปืนคาร์บิล 1 กระบอก และปืนเอ็ม 16 จำนวน 1 กระบอก เผยกลุ่มวัยรุ่นคล้ายคนเสพยา พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ยังกล่าวอีกว่า จากการสันนิษฐานพบว่า กองกำลังที่เข้าโจมตีและปะทะกับเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้มีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปี และมีหัวหน้าอายุไม่ต่ำกว่า 30 ปี เป็นคนคอยสั่งการจำนวน 2 คน ด้วยวิธีการจัดกำลังคล้ายๆ กับระบบทหารอย่างบ้าคลั่งคล้ายกับคนเสพยา และมีการแต่งกายที่คล้ายคลึงกันทั้งหมด คือ ใส่ลูกประคำ นำผ้ามาโพกหัวและสวมเสื้อผ้าสีดำ เมื่อมีการเข้าโจมตีกับเจ้าหน้าที่ก็จะมีการสวด "อัลเลาะห์บาบี" และใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ส่วนการดำเนินการกับศพของคนร้ายนั้น เจ้าหน้าที่จะได้ชันสูตรพลิกศพโดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายบ้านเมือง และปฏิบัติการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามหลักศาสนา อาทิ การใช้แพทย์มุสลิมในการฉีดยาศพ จากนั้นจะนำศพทั้งหมดมารวบรวมไว้ที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร เพื่อให้ญาติพี่น้องนำหลักฐานต่างๆ เช่น สำเนาทะเบียนบ้าน รูปถ่าย มายืนยัน และเจ้าหน้าที่จะทำการสอบสวนเพิ่มเติมตามความเหมาะสม โดยจะทำการมอบศพให้กับญาติไปดำเนินการทางศาสนา ภายในเวลา 02.00 น.ของวันนี้ (29) รวมทั้งการปฏิบัติกับศพของผู้ตายจะดำเนินการอย่างดีที่สุด หลีกเลี่ยงการดูถูกเหยียดหยามใดๆ ทั้งสิ้น ย้ำให้ยึดกระแสพระราชดำรัสในหลวง สำหรับกลุ่มคนร้ายนั้น จากการสอบสวนในชั้นต้นคาดว่าเป็นกลุ่มคนที่ถูกชักจูงจากผู้ไม่หวังดี ใช้ทั้งอามิสสินจ้าง ยาเสพติด รวมทั้งมีการถือลูกประคำ และคำสวดเป็นการปลุกใจให้หลงผิดและกระทำการผิดกฎหมายต่างๆ "ขอเรียนมายังพี่น้องประชาชนทั้งหลาย โปรดช่วยกันสอดส่องดูแลและให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย รวมทั้งอย่าได้หลงเชื่อผู้ปลุกปั่นยุยงที่ไม่หวังดี ชักนำไปในทางเสื่อมเสียอย่างที่เกิดขึ้นนี้ เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายมีความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอให้ทุกฝ่ายหันหน้ามาช่วยกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดยยึดกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ?เข้าถึง เข้าใจ และพัฒนา? น้อมใส่เกล้าใส่กระหม่อม มาเป็นแนวทางปฏิบัติต่อไป" ในหลวงรับสั่งนายกฯ-แม่ทัพเข้าเฝ้าฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ พล.อ.ชัยสิทธิ์ กำลังแถลงข่าวอยู่นั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้โทรศัพท์สายตรงไปยัง พล.อ.ชัยสิทธิ์ ทำให้ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ยุติการแถลงข่าวทันที รายงานข่าวแจ้งว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้แจ้งให้ พล.อ.ชัยสิทธิ์ พร้อมด้วยรักษาราชการแทน ผบ.ตร.แม่ทัพภาคที่ 4 บินกลับมาที่กรุงเทพฯ ทันที เพื่อเตรียมตัวเข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชวังไกลกังวล หัวหิน ในเวลา 19.00 น.วันที่ 28 เม.ย.นี้ เพื่อรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ กลาโหมสั่งเตรียมพร้อมเชื่อมีอีกระลอก ด้าน พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร รมว.กลาโหม กล่าวว่า กลุ่มคนร้ายที่ร่วมลงมือปฏิบัติการมีอย่างต่ำประมาณ 200-400 คน และเชื่อว่า วัยรุ่นกลุ่มนี้จะต้องมีการฝึกทางทหารมาเป็นอย่างดี ซึ่งเป็นไปได้ที่ฝึกจากในประเทศและต่างประเทศ ทั้งนี้ เชื่อว่า กลุ่มคนร้ายอาจมีการปฏิบัติการระลอกใหม่อีกอย่างแน่นอน ซึ่งเขาได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้เพิ่มความระมัดระวัง และไม่ให้ประมาทอย่างเด็ดขาด "สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้สร้างความสบายใจให้ฝ่ายใด เพราะทุกคนล้วนเป็นคนไทยแต่เป็นเรื่องสุดวิสัย ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะทำการสืบสวนเพื่อขยายผลต่อไป สิ่งที่เราจะต้องดูแลและควบคุมเหตุการณ์เป็นหลัก คือ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยเฉพาะได้ปฏิบัติในกรณีดังกล่าวจึงทำให้มีการแจ้งเบาะแสและเข้าใจมากขึ้น ทำให้ทุกอย่างจบลงโดยไม่มีการสูญเสีย" รมว.กลาโหม กล่าว พ่อแม่เด็กยันลูกที่ตายไม่ได้ติดยา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ค่ายอิงคยุทธฯ ได้มีกลุ่มบรรดาบิดา มารดา ของวัยรุ่น ซึ่งเสียชีวิตจากการปะทะกันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้สัมภาาณ์ผู้สื่อข่าวกรุงเทพธุรกิจ ว่า รู้สึกไม่สบายใจที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่บอกว่าลูกชายของพวกเขาติดยาเสพติด จนถูกชักจูง และยังแคลงใจด้วยว่าเหตุใดเจ้าหน้าที่จึงยิงลูกชายของพวกเขา ทั้งที่ก่อนเกิดเหตุช่วงเช้าตรู่ได้รับประทานน้ำชากับลูก ก่อนที่จะออกไปกรีดยาง และโดนยิงตายในที่สุด |