ปีที่ 55 ฉบับที่ 16899 วันพุธที่ 28 เมษายน 2547

ขนระเบิดยูเรียถล่มป่วนยะลา

ประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดน ภาคใต้ ยังคงตกอยู่ในสภาพ อกสั่นขวัญแขวน วิตกกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัย ในชีวิตและทรัพย์สิน หลังกลุ่มคนร้ายออก อาละวาดวางเพลิง ใช้ปืนไล่เข่นฆ่าผู้คนและ เจ้าหน้าที่บ้านเมือง อย่างต่อเนื่องไม่เว้นวัน ถึงขั้นข่มขู่จ้องเล่นงานทูตไทย ในต่างประเทศ ขณะที่การแก้ไขปัญหา ของภาครัฐบาล ยังคงไร้ประสิทธิภาพ ในการแก้ปัญหาดับไฟใต้ ให้สงบราบคาบ จนกลายเป็นแรงกดดันให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องสั่งทบทวนมาตรการต่างๆ ล่าสุดมีการจัดส่งกำลังทหารอีก 2 กองพันไปเสริมทัพรักษาความปลอดภัย ในภาคใต้เพิ่มเติมด้วย

ยันข่าวเก่าขู่บึม 2 สถานทูตไทย

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 27 เม.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่มีจดหมายข่มขู่วางระเบิด สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย และสถานเอกอัครราชทูตไทยในประเทศสิงคโปร์ว่า ความจริงเป็นเรื่องเก่าที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 15 เม.ย. ซึ่งได้ประสานกับทางการมาเลเซียและสิงคโปร์แล้ว พร้อมกันนี้ยังได้ส่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยดูแลเอกอัครราชทูต และสถานเอกอัครราชทูตแล้ว แต่ยังไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ คิดว่าเป็นแค่กระบวนการกลั่นแกล้ง เพราะชื่อที่ใช้นั้นไม่มีอยู่ในรายชื่อกระบวนการก่อการร้าย อย่างไรก็ตามทุกครั้งรัฐบาลก็ไม่ประมาท แต่จะดูแลเรื่องการรักษาความปลอดภัย และการข่าวอย่างเต็มที่ และขอยืนยันว่าคนที่ทำงานก็ไม่รู้สึกเสียขวัญกับจดหมายข่มขู่ดังกล่าว ล่าสุดตนก็ได้พบเอกอัครราชทูตและกงสุลประจำมาเลเซียก็ปกติดีไม่มีปัญหาอะไร

ยันไทยไม่ใช่เป้ากลุ่มก่อการร้าย

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้ตรวจสอบที่มาของจดหมายดังกล่าวหรือไม่ นายสุรเกียรติ์กล่าวว่า ได้ตรวจสอบตลอดแต่ลำบาก เพราะใครจะส่งจดหมายมาเมื่อไรก็ได้ แต่ประเทศที่ถูกข่มขู่ก็ร่วมตรวจสอบกับไทยมาตลอด ซึ่งไม่มีอะไร แต่ข่าวที่ออกมาเข้าใจว่าตำรวจของทางการมาเลเซีย ให้สัมภาษณ์เรื่องอื่นและบังเอิญผู้สื่อข่าวมาสัมภาษณ์ ทั้งที่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานแล้ว ส่วนสาเหตุคิดว่ามาจากเรื่องอะไรนั้น ทาง รมว.ต่างประเทศกล่าวว่า สถานการณ์โลกขณะนี้สับสน ทั้งตะวันออกกลางและอิรัก จึงมีกลุ่มต่างๆพยายามฉวยโอกาส ซึ่งไม่ได้เกิดเฉพาะสถานทูตไทยเท่านั้นแต่เกิดไปทั่ว ได้ทำหนังสือแจ้งเตือนไปยังสถานทูตไทยในประเทศต่างๆ ให้ระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยมากขึ้น และเท่าที่การข่าวรายงานมา ไทยก็ไม่ใช่ประเทศเป้าหมายของการก่อการร้าย ส่วนที่มีการมองว่าไทยเป็นพันธมิตรของสหรัฐฯ อาจจะเป็นเป้าหมายของการโจมตีได้ นายสุรเกียรติ์กล่าวว่า ไม่น่าจะใช่ เท่าที่ตนได้สัมผัสจากการเยือน ประเทศตะวันออกกลางหลายประเทศ ทุกคนเข้าใจว่าไทยไม่ใช่เป็นกลุ่มประเทศที่ใช้กำลัง ดังนั้น สถานะของไทยจึงเป็นที่เข้าใจดี แต่ก็มีผู้ไม่หวังดีหลายคนพยายามสร้างสถานการณ์ให้สับสน

มาเลย์ล้อมคอกจัดชุดคุ้มกันเข้ม

ทางด้าน พล.ต.ท.เฉลิมเดช ชมภูนุท ผบช.ส. เปิดเผยว่า จากการประสานสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซีย ในประเทศไทย ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับผู้ช่วย ผู้บัญชาการประจำอยู่ทราบว่า กระดาษข่มขู่ดังกล่าวส่งมาเมื่อวันที่ 15 เม.ย. ที่ผ่านมา บอกรายละเอียดว่า จะมีการดำเนินการ 2-3 อย่าง คือเรื่องวางระเบิดสถานทูต และทำร้ายเจ้าหน้าที่ทูตใน 2 ประเทศนี้ โดยมีการส่งมาจากเมืองนาการีปันซีรัน ซึ่งอยู่ใกล้กับกรุงกัวลาลัมเปอร์ ตำรวจมาเลเซียให้ความมั่นใจในการดูแลสถานเอกอัครราชทูตไทยในประเทศมาเลเซีย และได้พบอธิบดีตำรวจของมาเลเซีย ซึ่งมาประชุมร่วมที่ จ.กระบี่ ก็ได้รับการยืนยันว่า ทางมาเลเซียได้มีการจัดตั้งหน่วยพิเศษขึ้นมา 1 หน่วย เพื่อดูแลสถานทูตไทยและบุคคลต่างๆที่อยู่ประจำในมาเลเซียเรียบร้อยแล้ว ในส่วนของกลุ่มคนที่ส่งจดหมายมาข่มขู่ พล.ต.ท.เฉลิมเดชกล่าวว่า ตอนนี้ต้องรอผลความคืบหน้าจากมาเลเซีย คิดว่าเหมือนกับที่เกิดขึ้นในประเทศไทยที่มีจดหมายข่มขู่ น่าจะเป็นเรื่องแฟชั่นก่อกวน กรณีที่เกิดขึ้นในสิงคโปร์น่าจะเป็นในแบบเดียวกัน และขอให้ทุกฝ่ายมั่นใจในการรักษาความปลอดภัย

กลุ่มต่อต้านสหรัฐฯขู่เล่นงานไทย

รายงานข่าวจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล วันเดียวกัน พล.ต.ท.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ ผบช.น.มีคำสั่งลับถึง ผบก.น.1-9 และ ผบก.สปพ. เรื่องให้เฝ้าระวังสถานการณ์และกำชับมาตรการรักษาความปลอดภัย หลังได้รับการประสานข้อมูลข่าวสารจากศูนย์ปฏิบัติการข่าว (ศป.ข.) ว่า มีบุคคลอ้างเป็นตัวแทนกลุ่มต่อต้านสหรัฐฯ เรียกชื่อกลุ่มเยลโลว์-เรด โอเวอร์ซีส์ ออแกไนเซชัน หรือ Yellow-Red Overseas Organization (YROO) เตรียมปฏิบัติการก่อการร้ายต่อพันธมิตรของสหรัฐอเมริกา ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไทย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ออสเตรเลีย คูเวต และปากีสถาน โดยใช้แก๊สซารินเป็นเครื่องมือ เป้าหมายคือ สถานเอกอัครราชทูตประเทศต่างๆ สำนักงานสายการบิน และเครื่องบิน ระบบขนส่งสาธารณะ โดยเฉพาะรถไฟในประเทศไทย ช่วงระหว่างวันที่ 20-30 เม.ย.47 รวมถึงสถานการณ์การก่อความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันเหตุความไม่สงบที่อาจเกิดขึ้น ให้ทุกหน่วยดำเนินการดังนี้ 1. เฝ้าระวังเหตุที่อาจจะมีการลอบวางระเบิดตาม สถานที่เป้าหมายดังกล่าวข้างต้น เน้นการปฏิบัติการด้านการข่าวและติดตามสถานการณ์ อย่างใกล้ชิด 2. ดำเนินการตามมาตรการต่างๆ ที่ บช.น.สั่งการไปแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้เพิ่มความเข้มในการปฏิบัติตาม มาตรการรักษาความปลอดภัยที่ตั้งสถานที่ทำการทุกหน่วย รวมถึงสถานที่ราชการสำคัญและเป้าหมายในเขตรับผิดชอบอย่างเข้มงวด

จ้องถล่ม 3 สายการบินข้ามชาติ

ขณะเดียวกัน พล.ต.ต.สุรศักดิ์ สุทธารมณ์ รอง ผบช.น. ยังมีคำสั่งลับด่วนที่สุดกำชับมาตรการรักษาความปลอดภัยสถานที่สำคัญ หลังจากล่าสุดศูนย์ปฏิบัติการข่าวได้รับการประสานจากสำนักงานสายการบินคูเวต ประจำกรุงเทพฯ ว่า ได้รับจดหมายขู่วางระเบิดเครื่องบินของสายการบินคูเวตเที่ยวบินจากกรุงเทพฯ ไปมะนิลา สายการบินเกาหลีใต้ เที่ยวบินจากกรุงเทพฯ ไปมะนิลา และสายการบินฟิลิปปินส์ เที่ยวบินจากมะนิลาไปเกาหลีใต้ ญี่ปุ่นและสิงคโปร์ ในห้วงเวลาตั้งแต่วันที่ 24 เม.ย.-30 ก.ค.47 รวมทั้งแหล่งผลประโยชน์ของเกาหลีใต้ในประเทศไทยและฟิลิปปินส์ ด้วย จึงให้หน่วยงานที่เกี่ยวงานข้องเฝ้าระวังเหตุ ที่อาจจะมีการลอบวางระเบิดสายการบิน และแหล่งธุรกิจของประเทศดังกล่าวข้างต้นอย่างเคร่งครัด โดยพิจารณาดำเนินการอย่างเหมาะสม อย่าให้เกิดความตื่นตระหนกต่อประชาชน

"ทักษิณ" ไม่สนขู่บึม 2 สถานทูต

ที่อาคารชินวัตร 3 ถนนวิภาวดีรังสิต เมื่อช่วงบ่ายวันเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงจดหมายขู่วางระเบิดสถานทูตไทยในมาเลเซียและสิงคโปร์ว่า เราไม่ได้ประมาท แต่ก็ไม่ได้เชื่อ และจะป้องกันมากกว่า เท่าที่ตรวจสอบการขู่วางระเบิดเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว เป็นเรื่องเก่าที่ไม่มีมูลอะไร แต่ได้สั่งให้เพิ่มมาตรการคุมเข้มแล้ว เพื่อความไม่ประมาท

จี้ก้น รมต.ร่วมแก้ปัญหาภาคใต้

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ในการประชุม ครม. วันที่ 27 เม.ย. ก่อนที่จะเข้าสู่วาระการประชุม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้หยิบยกปัญหาความไม่สงบทางภาคใต้มาหารือกับ ครม.ว่า การแก้ปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขอให้รัฐมนตรีทุกคนที่เกี่ยวข้องติดตามการดำเนินการ ตามนโยบายที่ให้ไว้ทั้ง 2 เรื่อง ดังนี้ คือ เรื่องของการจัดสรรอัตรากำลังข้าราชการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อให้ได้ ข้าราชการที่ดี และเต็มใจทุ่มเทไปทำงานในพื้นที่ นอกจากนี้ เรื่องการสร้างงานในพื้นที่ภายใต้ภารกิจของแต่ละกระทรวงขอให้รัฐมนตรีช่วยกันคิด เร่งดำเนินการเพื่อช่วยแก้ปัญหาความยากจนให้คนในพื้นที่ ทั้งนี้ ขอ ให้รัฐมนตรีรายงานความคืบหน้าในที่ประชุม ครม. สัปดาห์เว้นสัปดาห์ และยังมีเรื่องของการเบิกจ่ายงบประมาณในการแก้ปัญหาพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย เพราะยังล่าช้าอยู่ ดังนั้น ขอให้สำนักงบประมาณ สภาพัฒน์และกระทรวงการคลังไปร่วมกัน พิจารณาเร่งรัดให้มีการเบิกจ่ายรวดเร็วขึ้น

รับ "ไฟใต้" บ่อนทำลายรัฐบาล

นายกฯยังกล่าวด้วยว่า เท่าที่รัฐบาลนี้เข้ามาบริหารประเทศจนถึงขณะนี้ ถึงแม้ว่าจะมีเสียงวิจารณ์โจมตีรัฐบาลอยู่มากมายหลายเรื่อง แต่ก็ไม่มีเรื่องไหนที่สามารถมาบั่นทอนรัฐบาลได้เลย แต่มีอยู่เรื่องเดียวที่ต้องยอมรับว่ามันบั่นทอนรัฐบาลนี้ คือ เรื่องปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ ที่ผ่านมาพรรคไทยรักไทยมีการทำโพลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ การดำเนินการนโยบายต่างๆของรัฐบาล ประชาชนทั่วประเทศก็ยังมีความพึงพอใจอยู่ในระดับสูง แต่เรื่องปัญหาภาคใต้ คือเรื่องเดียวที่มีผลกระทบต่อความนิยมของรัฐบาล ดังนั้น ทุกฝ่ายต้องเร่งร่วมมือกันแก้ไขอย่างบูรณาการ เพราะปัญหาภาคใต้ที่เกิดขึ้นก็มีนักการเมืองทั้งระดับท้องถิ่นและนักการเมืองระดับชาติ มักจะใช้เหตุการณ์ในภาคใต้มาเป็นเงื่อนไขทางการเมืองด้วย

เตรียมตะลอนทัวร์ภาคใต้รอบ 2

ต่อมาเวลา 14.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจักรภพ เพ็ญแข โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุม ครม.ว่า ภายในสัปดาห์หน้านายกฯจะเดินทางไปภาคใต้เพื่อดูปัญหาอีกครั้ง ขณะนี้ยังไม่มีการกำหนดรายละเอียดการเดินทาง แต่นายกฯได้คำตอบแล้วว่า จุดใหญ่ของปัญหาในภาคใต้ คือเรื่องท้องถิ่นเกือบทั้งหมด ไม่มีการแทรกแซงจากภายนอกอย่างที่คิดกัน นอกจากใช้เป็นข้ออ้างในบางครั้งเท่านั้น และมีนักการเมืองใช้สถานการณ์เป็นเครื่องมือเพื่อเป็นประโยชน์ เพราะเป็นปีเลือกตั้ง หากไม่มีก็จะไม่รุนแรง หรือถูกนำมาเป็นเงื่อนไข สำหรับการไปภาคใต้คราวนี้นายกฯ จะไปติดตามด้านการข่าว การเมือง มากกว่าเรื่องเศรษฐกิจ นอกจากนี้ จะไปแก้ปัญหาเรื่องครูอัตราจ้าง เนื่องจากได้รับการร้องเรียนว่าทำงานหนัก แต่ขาดความมั่นคง ไม่มีอนาคตที่ชัดเจน จึงได้สั่งการให้กระทรวงศึกษาฯไปดูว่าอัตราครูที่ว่างอยู่หลังการใช้นโยบายโมชัล ซับเปอเรชั่นจะพิจารณาครูอัตราจ้างเป็นลำดับแรกเพื่อเป็นครูประจำได้หรือไม่ ทั่วประเทศมีครูอัตราจ้าง 3.5 หมื่นคน ภาคใต้รับครูอัตราจ้างแล้ว 3 พันคน ส่วนคนที่ขอย้ายมีเพียง 700-800 คนเท่านั้น แต่มีผู้สมัครสอบเป็นครูที่ภาคใต้ 6 พันคน จึงไม่ต้องห่วงเรื่องครูไม่พอ

อาก้าถล่มรอง สว.ตม.หวิดม้วย

ส่วนสถานการณ์นองเลือดยังมีเกิดขึ้นรายวัน กลุ่มโจรภาคใต้ยังอหังการใช้อาวุธปืนสงคราม ไล่ยิงถล่มเจ้าหน้าที่ตำรวจบาดเจ็บอีกราย โดยเมื่อเวลา 00.10 น. คืนวันที่ 27 เม.ย. ร.ต.อ.วีรยุทธ ตาฮา ร้อยเวร สภ.อ.สายบุรี จ.ปัตตานี รับแจ้งมีเหตุยิงกันบริเวณสามแยกบ้านบือแนราเมาะห์ หมู่ 4 ต.มะนังดาลำ อ.สายบุรี จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.ปรีชา ยั่งยืน ผกก. กำลังผสมทหารและ ตชด.รุด ไปร่วมตรวจสอบ พบรถกระบะโตโยต้าไทเกอร์ สีบรอนซ์ ทะเบียน บจ 2 พัทลุง เสียหลักพุ่งตกลงไปข้างทาง สภาพประตูด้านคนขับถูกยิงเป็นรู 2 แห่ง กระจกบังลมหลังและกระจกบังลมหน้าแตกกระจายหมดทั้งบาน คมกระสุนเฉี่ยวแขนและลำตัวด้านขวาของ ร.ต.อ.เรวัติ ศรีจันทร์ทับ รอง สว.ด่านตรวจคนเข้าเมือง อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เจ้าของรถบาดเจ็บเล็กน้อย ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนอาก้าตกอยู่รวม 4 ปลอก พุ่งปมเรื่องส่วนตัว-ฝีมือโจรใต้

จากการสอบสวนทราบว่า ร.ต.อ.เรวัติเสร็จจากทำธุระที่บ้านเพื่อน กำลังขับรถกลับบ้านพักในตลาดสายบุรี ขณะรถวิ่งมาถึงจุดเกิดเหตุ มีคนร้ายเป็นชาย 2 คนสวมชุดดำ ไม่สวมหมวกกันน็อก ใช้รถ จยย.ฮอนด้าไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนไล่แซงประกบขึ้นมาทางด้านขวา โชคดีที่ ร.ต.อ.เรวัติเหลือบไปเห็นจึงหักรถหลบเข้าข้างทาง เป็นจังหวะเดียวกับที่คนร้ายเหนี่ยวไกยิงใส่รวม 5 นัด กระสุนจึงแค่เฉี่ยวไม่ถูกจุดสำคัญ ร.ต.อ.เรวัติ ชักปืนพกยิงตอบโต้ไป 4 นัด แต่ไม่ถูก 2 คนร้ายรีบเร่งเครื่องหลบหนีไปทาง อ.สายบุรี ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามวิทยุสกัดจับ แต่ไม่พบวี่แวว สำหรับสาเหตุของการถูกปองร้ายในครั้งนี้เบื้องต้นตั้งไว้ 2 ประเด็น คือเป็นฝีมือโจรก่อการร้ายล่าเด็ดหัวตามแผนใบไม้ร่วง หรือเรื่องส่วนตัว ซึ่งจะได้สืบสวนต่อไป

รัว 4 นัดฆ่าโหดหนุ่มสายลับทหาร

อีกรายฆ่าโหดสายลับทหารเกิดขึ้นเมื่อเวลา11.40 น. วันเดียวกัน พ.ต.ต.สมจิตต์ สุวรรณชาตรี สารวัตรเวร สภ.อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี รับแจ้งมีคนถูกยิงบาดเจ็บบนถนนสายปะนาเระ-สายบุรี หมู่ 4 บ้านเตราะหักต.น้ำบ่อ อ.ปะนาเระ รุดไปตรวจสอบพบเพียงรถ จยย. ฮอนด้าเวฟ สีน้ำเงิน ทะเบียน กนฉ 491 ปัตตานี ล้มตะแคงข้างอยู่กลางถนนพร้อมกองเลือดกองใหญ่ ส่วนผู้บาดเจ็บถูกนำส่ง รพ.ปะนาเระ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา ทราบชื่อนายสมคิด พรหมมินทร์ อายุ 44 ปี บ้านเดิมอยู่ จ.นครพนม แต่มาประกอบอาชีพรับซื้อทองตามหมู่บ้าน ถูกยิงด้วยกระสุนปืน .38 บริเวณลำตัว ใบหน้าและแขนขวารวม 4 นัด สอบสวนเบื้องต้นทราบว่าผู้ตายนอกจากจะมีอาชีพเร่รับซื้อทองตามหมู่บ้านต่างๆแล้ว ยังทำงานเป็นสายลับให้กับทหารหน่วยข่าวกรองด้วย ก่อนเกิดเหตุมีคนร้ายเป็นชาย 2 คน สวมชุดดำขี่รถ จยย.ไม่ทราบยี่ห้อไล่ตามมาติดๆ ก่อนจะเร่งเครื่องแซงประกบยิงจนเสียชีวิตดังกล่าว ส่วนสาเหตุน่าจะเป็นฝีมือกลุ่มโจรล่าเด็ดหัวแก้แค้น

ส่งไปรษณียบัตรขู่ 3 พ่อเมืองใต้

เมื่อเวลา 10.00 น. วันเดียวกันนายวิชม ทองสงค์ ผวจ.นราธิวาส ได้มีคำสั่งด่วนแจ้งผ่านทางวิทยุสื่อสารถึงนายอำเภอทั้ง 13 อำเภอของจังหวัดว่า เมื่อวันที่ 26 เม.ย. ได้มีไปรษณียบัตรจากกลุ่มคนที่อ้างตัวเป็นสมาชิกกลุ่มมูจาฮีดีนปัตตานี ส่งถึง ผวจ.ทั้ง 3 จังหวัดภาคใต้ขู่ว่าจะออกปฏิบัติการล่าเด็ดหัวข้าราชการผู้บริสุทธิ์ เพื่อตอบโต้การแก้ปัญหาของทางราชการที่จับตัวชาวมุสลิมผู้บริสุทธิ์ไปเข่นฆ่า พร้อมทั้งระบุว่ามีเป้าหมายที่จะเล่นงานไม่ต่ำกว่า 100 จุด โดยจะใช้วิธีการรบแบบจร-ยุทธ ซึ่งได้รับการฝึกฝนมาจนชำนาญ จึงสั่งให้นายอำเภอเตรียมพร้อม และจัดกำลังดูแลความปลอดภัยอย่างเต็มที่เพื่อความไม่ประมาท

ระเบิดซุกกล่องบึมกลางเมืองยะลา

ส่วนเมืองยะลาคนร้ายลอบวางระเบิดแสวงเครื่องบึมสนั่นเมืองรับอรุณ โดยเมื่อเวลา 06.30 น. เช้าวันเดียวกัน พ.ต.ท.ประสิทธิ์ ศรีดี สวป.สภ.อ.เมืองยะลา รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ว่าพบวัตถุต้องสงสัยถูกนำมาวางทิ้งไว้ด้านหลังที่นั่งพักของตำรวจสายตรวจ ซึ่งด้านข้างทั้ง 2 ฝั่ง กั้นเป็นล็อกๆขายของแบ่งให้เช่าเกือบ 20 ห้อง ตรงข้ามห้างซุปเปอร์ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ ถนนระนอง ในเขตเทศบาลนครยะลา พบกล่องพลาสติกสีม่วงสูงประมาณ 4 นิ้ว กว้าง 1 ฟุต มีฝาปิดมิดชิดและมีเทปกาวสีน้ำตาลพันรอบ จึงประสานชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดของ บก.ภ.จ.ยะลา นำปืนยิงน้ำแรงดันสูง (วอเตอร์แคนนอน) สำหรับตัดทำลายวงจรจุดชนวนระเบิด มาทำลายกล่องต้องสงสัยดังกล่าว ปรากฏว่า ขณะที่กำลังเตรียมทำลาย กล่องดังกล่าวก็เกิดระเบิดขึ้นมาเองเสียงดังสนั่นหวั่นไหว พร้อมๆกับมีเปลวเพลิงสว่างวูบขึ้นมากระจายไปรอบๆ พร้อมทั้งมีเศษสะเก็ดระเบิดจำพวกตะปู ลูกปราย และเศษเหล็กชิ้นเล็กๆปลิวกระจัดกระจายเกลื่อน แต่โชคดีที่มีการกันประชาชนออกห่างจากจุดดังกล่าวจึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ

พาวเวอร์เจลผสมปุ๋ยยูเรียที่ถูกปล้น

จากการตรวจสอบพบเศษชิ้นส่วนของโทรศัพท์มือถือรุ่น 3310 เศษปุ๋ยยูเรีย และเศษดินระเบิดพาวเวอร์เจลอีกจำนวนหนึ่ง เบื้องต้นจากสภาพความเสียหายและพื้นที่ที่เกิดเหตุคาดว่าคนร้ายต้องใช้ปุ๋ยยูเรียไม่ต่ำกว่า 2 กก. ผสมน้ำมันโซล่าและเศษวัสดุที่เป็นอันตรายอย่างลูกปราย ตะปู และเศษเหล็กจำนวนหนึ่ง มีระเบิดพาวเวอร์เจลไม่ต่ำกว่าครึ่งปอนด์เป็นตัวทำลาย จุดชนวนระเบิดด้วยโทรศัพท์มือถือที่ตั้งค่าเอาไว้ล่วงหน้า หรือใช้วิธีโทรศัพท์เข้ามาที่เครื่องซึ่งติดตั้งไว้กับระเบิด หมายจะเล่นงานตำรวจสายตรวจของ สภ.อ.เมืองยะลา ที่มักจะแวะเวียนเข้ามานั่งพักเป็นประจำ แต่บังเอิญมีคนมาพบเข้าเสียก่อน คนร้ายซึ่งคาดว่าน่าจะซุ่มสังเกตการณ์ อยู่ไม่ไกลเห็นท่าไม่ดีชิงจุดระเบิดทำลายหลักฐานทิ้ง ด้าน พ.ต.อ. ปริญญา ขวัญยืน รักษาการ ผบก.ภ.จ.ยะลากล่าวว่า ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าปุ๋ยยูเรียที่พบเป็นส่วนผสม ของระเบิดครั้งนี้เป็นตัวเดียวกับที่ถูกปล้นไปจากโรงโม่หินมนู-นิตยาเมื่อประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมาหรือไม่ ซึ่งจะได้ตรวจสอบต่อไป

เอ็ม 16 ถล่ม ส.ต.อ.เจอสวนโจรเจ็บ

อีกรายสิบตำรวจเอกถูกซุ่มยิงถล่มด้วยเอ็ม 16 รอดตายฉิวเฉียด เกิดขึ้นเมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 27 เม.ย. ร.ต.ต.สุโชค ผู้มีโชคชัย ร้อยเวร สภ.อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี รับแจ้งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกยิงบาดเจ็บ บนถนนสายบ้านดีปิง หมู่ 5 ต.ตะโละดือรามัน อ.กะพ้อ จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบพบรถจยย.คาวาซากิ สีแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนล้มอยู่ข้างทาง บริเวณป่าละเมาะฝั่งตรงข้ามพบกองเลือดกองใหญ่ และปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 ตกอยู่ถึง 15 ปลอก ส่วนผู้บาดเจ็บซึ่งเป็นเจ้าของรถ จยย.ทราบชื่อ ส.ต.อ.วีระโชติ ชัยลาภ อายุ 28 ปี ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม สภ.อ.กะพ้อ ถูกยิงด้วยกระสุนปืนเอ็ม 16 ที่หน้าแข้งซ้ายทะลุ 1 นัด สอบสวนทราบว่าเพิ่งเสร็จจากสอนเยาวชน ในหมู่บ้านดีปิงเตะฟุตบอลตามโครงการมวลชนสัมพันธ์ ขณะขี่รถจยย.มาถึงจุดเกิดเหตุ มีคนร้าย 2 คน สวมชุดดำดักซุ่มอยู่ข้างทาง ใช้ปืนเอ็ม 16 กราดยิงใส่เป็นชุด โชคดีที่ไหวตัวทันกระโดดลงจากรถ กระสุนถูกที่หน้าแข้ง ยึดรถ จยย.เป็นที่กำบัง ชักปืน.357 ยิงสวนไปจนหมดกระสุน ถูก 1 ใน 2 คนร้าย ที่หน้าท้องและแขนขวา มีเพื่อนอีกคนพยุงไปขึ้นรถ จยย.ขี่หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ทาง ร.ต.ต.สุโชคจึงแจ้งวิทยุระดมสายตรวจเร่งสกัดจับ และตรวจค้นตามโรงพยาบาลและคลินิกต่างๆ แต่ยังไม่พบวี่แวว ส่วนประเด็นปองร้ายคาดว่าน่าจะเป็นฝีมือกลุ่มโจรภาคใต้สร้างสถานการณ์ ส่วนปลอก กระสุนเอ็ม 16 ได้ส่งไปตรวจสอบดูว่าตรงกับปืนที่ถูกปล้นไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมาหรือไม่