Article 16


ประชาชน ใน พื้นที่ 3 จังหวัด ชายแดน ภาคใต้ ยังคง ตก อยู่ ใน สภาพ อกสั่นขวัญแขวน วิตก กังวล เกี่ยวกับ ความ ปลอดภัย ใน ชีวิต และ ทรัพย์สิน หลัง กลุ่ม คนร้าย ออก อาละวาด วางเพลิง ใช้ ปืน ไล่ เข่นฆ่า ผู้คน และ เจ้าหน้าที่ บ้านเมือง อย่าง ต่อเนื่อง ไม่ เว้น วัน ถึงขั้น ข่มขู่ จ้อง เล่นงาน ทูต ไทย ใน ต่างประเทศ ขณะ ที่ การ แก้ไข ปัญหา ของ ภาค รัฐบาล ยังคง ไร้ ประสิทธิภาพ ใน การ แก้ ปัญหา ดับ ไฟ ใต้ ให้ สงบ ราบคาบ จน กลาย เป็น แรง กดดัน ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้อง สั่ง ทบทวน มาตรการ ต่างๆ ล่าสุด มี การ จัดส่ง กำลัง ทหาร อีก 2 กองพัน ไป เสริม ทัพ รักษา ความ ปลอดภัย ใน ภาคใต้ เพิ่มเติม ด้วย

ยัน ข่าว เก่า ขู่ บึม 2 สถานทูต ไทย

เมื่อ เวลา 08.30 น. วันที่ 27 เม.ย. ที่ ทำเนียบ รัฐบาล นาย สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึง กรณี ที่ มี จดหมาย ข่มขู่ วาง ระเบิด สถาน เอกอัครราชทูต ไทย ประจำ กรุง กัวลาลัมเปอร์ ประเทศ มาเลเซีย และ สถานเอกอัครราชทูต ไทย ใน ประเทศ สิงคโปร์ ว่า ความจริง เป็น เรื่อง เก่า ที่ เกิดขึ้น ตั้งแต่ วันที่ 15 เม.ย. ซึ่ง ได้ ประสาน กับ ทางการ มาเลเซีย และ สิงคโปร์ แล้ว พร้อมกัน นี้ ยัง ได้ ส่ง เจ้าหน้าที่ รักษา ความ ปลอดภัย คอย ดูแล เอกอัครราชทูต  และ สถานเอกอัครราชทูต แล้ว แต่ ยัง ไม่ พบ สิ่ง ผิด ปกติ ใดๆ คิด ว่า เป็น แค่ กระบวน การ กลั่นแกล้ง เพราะ ชื่อ ที่ ใช้ นั้น ไม่มี อยู่ ใน รายชื่อ กระบวนการ ก่อการร้าย อย่างไรก็ตาม ทุกครั้ง รัฐบาล ก็ ไม่ ประมาท แต่ จะ ดูแล เรื่อง การ รักษา ความ ปลอดภัย และ การข่าว อย่างเต็มที่ และ ขอ ยืนยัน ว่า คน ที่ ทำงาน ก็ ไม่ รู้สึก เสียขวัญ กับ จดหมาย ข่มขู่ ดังกล่าว ล่าสุด ตน ก็ ได้ พบ เอกอัครราชทูต และ กงสุล ประจำ มาเลเซีย ก็ ปกติ ดี ไม่มี ปัญหา อะไร

ยัน ไทย ไม่ใช่ เป้า กลุ่ม ก่อการร้าย

ผู้สื่อข่าว ถาม ว่า ได้ ตรวจสอบ ที่ มา ของ จดหมาย ดังกล่าว หรือ ไม่ นาย สุรเกียรติ์ กล่าว ว่า ได้ ตรวจสอบ ตลอด แต่ ลำบาก เพราะ ใคร จะ ส่ง จดหมาย  มา เมื่อไร ก็ ได้ แต่ ประเทศ ที่ ถูก ข่มขู่ ก็ ร่วม ตรวจสอบ กับ ไทย มาตลอด ซึ่ง ไม่มี อะไร แต่ ข่าว ที่ ออก มา เข้าใจ ว่า ตำรวจ ของ ทางการ มาเลเซีย ให้ สัมภาษณ์ เรื่อง อื่น และ บังเอิญ ผู้สื่อข่าว มา สัมภาษณ์ ทั้งที่ เป็น เรื่อง ที่ เกิดขึ้น มา นาน แล้ว ส่วน สาเหตุ คิด ว่า มา จาก เรื่อง อะไร นั้น ทาง รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า สถานการณ์ โลก ขณะ นี้ สับสน ทั้ง ตะวันออกกลาง และ อิรัก จึง มี กลุ่ม ต่างๆ พยายาม ฉวย โอกาส ซึ่ง ไม่ได้ เกิด เฉพาะ สถานทูต ไทย เท่านั้น แต่ เกิดไปทั่ว ได้ ทำ หนังสือ แจ้ง เตือน ไป ยัง สถานทูต ไทย ใน ประเทศ ต่างๆ ให้ ระมัดระวัง เรื่อง ความ ปลอดภัย มาก ขึ้น และ เท่า ที่ การ ข่าว รายงาน มา ไทย ก็ ไม่ใช่ ประเทศ เป้าหมาย ของ การ ก่อการร้าย ส่วน ที่ มี การ มอง ว่า ไทย เป็น พันธมิตร ของ สหรัฐฯ อาจจะ เป็น เป้าหมาย ของ การ โจมตี ได้ นาย สุรเกียรติ์ กล่าวว่า ไม่น่า จะ ใช่ เท่าที่ ตน ได้ สัมผัส จาก การ เยือน ประเทศ ตะวันออกกลาง หลาย ประเทศ ทุกคน เข้าใจ ว่า ไทย ไม่ใช่ เป็น กลุ่มประเทศ ที่ ใช้กำลัง ดังนั้น สถานะ ของ ไทย จึงเป็นที่ เข้าใจ ดี แต่ ก็ มี ผู้ไม่หวังดี หลายคน พยายาม สร้าง สถานการณ์ ให้สับสน

มาเลย์ ล้อมคอก จัด ชุด คุ้มกัน เข้ม

ทางด้าน พล.ต.ท.เฉลิมเดช ชมภูนุท ผบช.ส. เปิดเผย ว่า จาก การ ประสาน สถานเอกอัครราชทูต มาเลเซีย ใน ประเทศ ไทย ซึ่ง มี เจ้าหน้าที่ ตำรวจ ระดับ ผู้ช่วยผู้บัญชาการ ประจำ อยู่ ทราบว่า กระดาษ ข่มขู่ ดังกล่าว ส่ง มา เมื่อ วันที่ 15 เม.ย. ที่ผ่านมา บอก รายละเอียด ว่า จะ มี การ ดำเนินการ 2-3 อย่าง คือ เรื่อง วาง ระเบิด สถานทูต และ ทำร้าย เจ้าหน้าที่ทูต ใน 2 ประเทศ นี้ โดย มี การ ส่ง มา จาก เมือง นาการีปันซีรัน ซึ่ง อยู่ ใกล้ กับ กรุง กัวลาลัมเปอร์ ตำรวจ มาเลเซีย ให้ ความ มั่นใจ ใน การ ดูแล สถานเอกอัครราชทูต ไทย ใน ประเทศ มาเลเซีย และ ได้ พบ อธิบดีตำรวจ ของ มาเลเซีย ซึ่ง มา ประชุม ร่วม ที่  จ.กระบี่ ก็ ได้ รับ การ ยืนยัน ว่า ทาง มาเลเซีย ได้ มี การ จัดตั้ง หน่วยพิเศษ ขึ้น มา 1 หน่วย เพื่อ ดูแล สถานทูต ไทย และ บุคคล ต่างๆ ที่ อยู่ ประจำ ใน มาเลเซีย เรียบร้อย แล้ว ใน ส่วน ของ กลุ่ม คน ที่ ส่ง จดหมาย มา ข่มขู่ พล.ต.ท.เฉลิมเดช กล่าวว่า ตอนนี้ ต้อง รอ ผล ความ คืบหน้า จาก มาเลเซีย คิด ว่า เหมือน กับ ที่ เกิดขึ้น ใน ประเทศ ไทย ที่ มี จดหมาย ข่มขู่ น่า จะ เป็น เรื่อง แฟชั่น ก่อกวน กรณี ที่ เกิดขึ้น ใน สิงคโปร์ น่า จะ เป็น ใน แบบ เดียวกัน และ ขอ ให้ ทุก ฝ่าย มั่นใจ ใน การ รักษา ความปลอดภัย

กลุ่ม ต่อต้าน สหรัฐฯ ขู่ เล่นงาน ไทย

 รายงาน ข่าว จาก กองบัญชาการ ตำรวจนครบาล วัน เดียวกัน พล.ต.ท.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ ผบช.น.มี คำสั่ง ลับ ถึง ผบก.น.1-9 และ ผบก.สปพ. เรื่อง ให้ เฝ้า ระวัง สถานการณ์ และ กำชับ มาตรการ รักษา ความ ปลอดภัย หลัง ได้ รับ การ ประสาน ข้อมูล ข่าวสาร จาก ศูนย์ ปฏิบัติการ ข่าว (ศป.ข.) ว่า มี บุคคล อ้าง เป็น ตัวแทน กลุ่ม ต่อต้าน สหรัฐฯ เรียก ชื่อ กลุ่ม เยลโลว์-เรด โอเวอร์ซีส์ ออแกไนเซชัน หรือ Yellow-Red Overseas Organization (YROO) เตรียม ปฏิบัติการ ก่อการร้าย ต่อ พันธมิตร ของ สหรัฐอเมริกา ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไทย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ออสเตรเลีย คูเวต และ ปากีสถาน โดย ใช้ แก๊สซาริน เป็น เครื่องมือ เป้าหมาย คือ สถาน เอกอัครราชทูต ประเทศ ต่างๆ สำนักงาน สายการบิน และ เครื่องบิน ระบบ  ขนส่ง สาธารณะ โดยเฉพาะ รถไฟ ใน ประเทศ ไทย ช่วง ระหว่าง วันที่ 20-30 เม.ย.47 รวมถึง สถานการณ์การ ก่อ ความ ไม่ สงบ ใน พื้นที่ ภาคใต้ ดังนั้น เพื่อ เป็น การ ป้องกัน เหตุ ความ ไม่ สงบ ที่ อาจ เกิดขึ้น ให้ ทุก หน่วย ดำเนินการ ดังนี้ 1. เฝ้า ระวัง เหตุ ที่ อาจจะ มี การ ลอบ วาง ระเบิด ตาม สถานที่ เป้าหมาย ดังกล่าว ข้างต้น เน้น การ ปฏิบัติการ ด้าน การข่าว และ ติดตาม สถานการณ์ อย่าง ใกล้ชิด 2. ดำเนินการ ตาม มาตรการ ต่างๆ ที่ บช.น.สั่งการ ไป แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ให้ เพิ่ม ความ เข้ม ใน การ ปฏิบัติ ตาม  มาตรการ รักษา ความ ปลอดภัย ที่ตั้ง สถานที่ ทำการ ทุก หน่วย รวมถึง สถานที่ราชการ สำคัญ และ เป้าหมาย ใน เขต รับผิดชอบ อย่าง เข้มงวด

จ้อง ถล่ม 3 สายการบิน ข้ามชาติ

ขณะ เดียวกัน พล.ต.ต.สุรศักดิ์ สุทธารมณ์ รอง ผบช.น. ยัง มี คำสั่ง ลับ ด่วน ที่สุด กำชับ มาตรการ รักษา ความ ปลอดภัย สถานที่ สำคัญ หลังจาก ล่าสุด ศูนย์ ปฏิบัติการข่าว ได้รับ การ ประสาน จาก สำนักงาน สายการบิน คูเวต ประจำ กรุงเทพฯ ว่า ได้รับ จดหมาย ขู่ วาง ระเบิด เครื่องบิน ของ สายการบิน คูเวต เที่ยวบิน จาก กรุงเทพฯ ไป มะนิลา สายการบิน เกาหลีใต้ เที่ยวบิน จาก กรุงเทพฯ ไป มะนิลา และ สายการบิน ฟิลิปปินส์ เที่ยวบินจาก มะนิลา ไป เกาหลีใต้  ญี่ปุ่น และ สิงคโปร์ ใน ห้วง เวลา ตั้งแต่ วันที่ 24 เม.ย.-30 ก.ค.47 รวมทั้ง แหล่ง ผลประโยชน์ ของ เกาหลีใต้ ใน ประเทศ ไทย และ ฟิลิปปินส์ ด้วย จึง ให้ หน่วยงาน ที่ เกี่ยวข้อง เฝ้า ระวัง เหตุ ที่ อาจจะ มี การ ลอบ วาง ระเบิด สายการบิน และ แหล่ง ธุรกิจ ของ ประเทศ ดังกล่าว ข้างต้น อย่าง เคร่งครัด โดย พิจารณา ดำเนินการ อย่าง เหมาะสม อย่า ให้ เกิด ความ ตื่นตระหนก ต่อ ประชาชน

"ทักษิณ" ไม่ สน ขู่ บึม 2 สถานทูต

ที่ อาคาร ชินวัตร 3 ถนน วิภาวดีรังสิต เมื่อ ช่วง บ่าย วัน เดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง จดหมาย ขู่ วาง ระเบิด สถานทูต ไทย ใน มาเลเซีย และ สิงคโปร์ ว่า เรา ไม่ ได้ ประมาท แต่ ก็ ไม่ ได้ เชื่อ และ จะ ป้องกัน มากกว่า เท่าที่ ตรวจสอบ การ ขู่ วาง ระเบิด เกิด ขึ้น ตั้งแต่ เมื่อ 2 สัปดาห์ ที่แล้ว  เป็น เรื่อง เก่า ที่ ไม่ มี มูล อะไร แต่ ได้ สั่ง ให้ เพิ่ม มาตรการ คุมเข้ม แล้ว เพื่อ ความ ไม่ ประมาท

จี้ ก้น รมต.ร่วม แก้ ปัญหา ภาคใต้

 ผู้สื่อข่าว รายงาน จาก ทำเนียบ รัฐบาล ว่า ใน การ ประชุม ครม. วันที่ 27 เม.ย. ก่อน ที่ จะ เข้า สู่ วาระ การ ประชุม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ หยิบยก ปัญหา ความ ไม่ สงบ ทาง ภาคใต้ มา หารือ กับ ครม.ว่า การ แก้ปัญหา ใน 3 จังหวัด ชายแดน ภาคใต้ ขอ ให้ รัฐมนตรี ทุกคน ที่ เกี่ยวข้อง ติดตาม การ ดำเนินการ ตาม นโยบาย ที่ ให้ ไว้ ทั้ง 2 เรื่อง ดังนี้ คือ เรื่อง ของ การ จัดสรร อัตรา กำลัง ข้าราชการ ใน 3 จังหวัด ชายแดน ภาคใต้ เพื่อ ให้ ได้ ข้าราชการ ที่ ดี และ เต็มใจ ทุ่มเท ไป ทำงาน ใน พื้นที่ นอกจากนี้ เรื่อง การ สร้าง งาน ใน พื้นที่ ภายใต้ ภารกิจ ของ แต่ ละ กระทรวง ขอ ให้ รัฐมนตรี ช่วย กัน  คิด  เร่ง ดำเนินการ เพื่อ ช่วย แก้ปัญหา ความยากจน ให้ คน ใน พื้นที่ ทั้งนี้ ขอ ให้ รัฐมนตรี รายงาน ความ คืบหน้า ใน ที่ ประชุม ครม. สัปดาห์ เว้น สัปดาห์  และ ยัง มี เรื่อง ของ การเบิกจ่าย งบประมาณ ใน การ แก้ปัญหา พื้นที่ 3 จังหวัด ชายแดน ภาคใต้ ด้วย เพราะ ยัง ล่าช้า อยู่ ดังนั้น ขอ ให้ สำนัก งบประมาณ  สภาพัฒน์ และ กระทรวงการคลัง ไป ร่วมกัน พิจารณา เร่งรัด ให้ มี การเบิกจ่าย รวดเร็ว ขึ้น

รับ "ไฟ ใต้" บ่อน ทำลาย รัฐบาล

นายกฯ ยัง กล่าว ด้วย ว่า เท่าที่ รัฐบาล นี้ เข้า มา บริหาร ประเทศ จนถึง ขณะนี้ ถึงแม้ว่า จะ มี เสียง วิจารณ์ โจมตี รัฐบาล อยู่ มากมาย หลาย เรื่อง แต่ ก็ ไม่ มี เรื่อง ไหน ที่ สามารถ มา บั่นทอน รัฐบาล ได้ เลย แต่ มี อยู่ เรื่องเดียว ที่ ต้อง ยอมรับ ว่า มัน บั่นทอน รัฐบาล นี้ คือ เรื่อง ปัญหา ความ ไม่ สงบ ใน พื้นที่ ภาคใต้ ที่ผ่านมา พรรค ไทยรักไทย มี การ ทำ โพล สำรวจ ความคิดเห็น ของ ประชาชน ทั่ว ประเทศ การ ดำเนินการ นโยบาย ต่างๆ ของ รัฐบาล ประชาชน ทั่ว ประเทศ ก็ ยัง มี ความ พึงพอใจ อยู่ ใน ระดับ สูง แต่ เรื่อง ปัญหา ภาคใต้ คือ เรื่อง เดียว ที่ มี ผลกระทบ ต่อ ความ นิยม ของ รัฐบาล ดังนั้น ทุก ฝ่าย ต้อง เร่ง ร่วมมือ กัน แก้ไข อย่าง บูรณาการ เพราะ ปัญหา ภาคใต้ ที่ เกิดขึ้น ก็ มี นักการเมือง ทั้ง ระดับ ท้องถิ่น และ นักการเมือง ระดับ ชาติ มัก จะ ใช้ เหตุการณ์ ใน ภาคใต้ มา เป็น เงื่อนไข ทาง การเมือง ด้วย

เตรียม ตะลอน ทัวร์ ภาคใต้ รอบ 2

ต่อมา เวลา 14.30 น. ที่ ทำเนียบ รัฐบาล นาย จักรภพ เพ็ญแข โฆษก ประจำ สำนัก นายกรัฐมนตรี แถลง ภายหลัง การ ประชุม ครม.ว่า ภาย ใน สัปดาห์ หน้า นายกฯ จะ เดินทาง ไป ภาคใต้ เพื่อ ดู ปัญหา อีกครั้ง ขณะนี้ ยัง ไม่มี การ กำหนด รายละเอียด การ เดินทาง แต่ นายกฯ ได้ คำตอบ แล้ว ว่า จุดใหญ่ ของ ปัญหา ใน ภาคใต้ คือ เรื่อง ท้องถิ่น เกือบ ทั้งหมด ไม่ มี การ แทรกแซง จาก ภายนอก อย่าง ที่ คิด กัน นอกจาก ใช้ เป็น ข้ออ้าง ใน บางครั้ง เท่านั้น และ มีนักการเมือง ใช้ สถานการณ์ เป็น เครื่องมือ เพื่อ เป็น ประโยชน์ เพราะ เป็น ปี เลือกตั้ง หาก ไม่ มี ก็ จะ ไม่ รุนแรง หรือ ถูก นำ มา เป็น เงื่อนไข สำหรับ การ ไป ภาคใต้ คราวนี้ นายกฯ จะ ไป ติดตาม ด้าน การ ข่าว การเมือง มากกว่า เรื่อง เศรษฐกิจ นอกจากนี้ จะ ไป แก้ ปัญหา เรื่อง ครู อัตราจ้าง เนื่องจาก ได้ รับ การร้องเรียน ว่า ทำงาน หนัก แต่ ขาด ความ มั่นคง ไม่ มี อนาคต ที่ ชัดเจน จึง ได้ สั่งการ ให้ กระทรวงศึกษาฯ ไป ดู ว่า อัตรา ครู ที่ ว่าง อยู่ หลัง การ ใช้ นโยบาย โมชัล ซับเปอเรชั่น จะ พิจารณา ครู อัตรา จ้าง เป็น ลำดับ แรก เพื่อ เป็น ครู ประจำ ได้ หรือ ไม่ ทั่ว ประเทศ มี ครู อัตรา จ้าง 3.5 หมื่น คน ภาคใต้ รับ ครู อัตรา จ้าง แล้ว 3 พัน คน ส่วน คน ที่ ขอ ย้าย มี เพียง 700-800 คน เท่านั้น แต่ มี ผู้ สมัคร สอบ เป็น ครู ที่ ภาคใต้ 6 พัน คน จึง ไม่ ต้อง ห่วง เรื่อง ครู ไม่ พอ

 อาก้า ถล่ม รอง สว.ตม.หวิด ม้วย

ส่วน สถานการณ์ นอง เลือด ยัง มี เกิดขึ้น รายวัน กลุ่ม โจร ภาคใต้ ยัง อหังการ ใช้ อาวุธ ปืน สงคราม ไล่ ยิง ถล่ม เจ้าหน้าที่ ตำรวจ บาดเจ็บ อีก ราย โดย เมื่อ เวลา 00.10 น. คืน วันที่ 27 เม.ย. ร.ต.อ.วีรยุทธ ตาฮา ร้อยเวร สภ.อ.สายบุรี จ.ปัตตานี รับแจ้ง มี เหตุ ยิง กัน บริเวณ สามแยก บ้าน บือแนราเมาะห์ หมู่ 4 ต.มะนังดาลำ อ.สายบุรี จึง พร้อม ด้วย พ.ต.อ.ปรีชา ยั่งยืน ผกก. กำลัง ผสม ทหาร และ ตชด.รุด ไป ร่วม ตรวจสอบ พบ รถ กระบะ โตโยต้า ไทเกอร์ สี บรอนซ์  ทะเบียน บจ 2 พัทลุง เสีย หลัก พุ่ง ตกลง ไป ข้างทาง สภาพ ประตู ด้าน คน ขับถูกยิงเป็นรู 2 แห่ง กระจกบังลมหลังและกระจกบังลมหน้าแตกกระจายหมดทั้งบาน คมกระสุนเฉี่ยวแขนและลำตัวด้านขวาของ ร.ต.อ.เรวัติ ศรีจันทร์ทับ รอง สว.ด่านตรวจคนเข้าเมือง อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เจ้าของรถบาดเจ็บเล็กน้อย ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนอาก้าตกอยู่รวม 4 ปลอก พุ่งปมเรื่องส่วนตัว-ฝีมือโจรใต้

จากการสอบสวนทราบว่า ร.ต.อ.เรวัติเสร็จจากทำธุระที่บ้านเพื่อน กำลังขับรถกลับบ้านพักในตลาดสายบุรี ขณะรถวิ่งมาถึงจุดเกิดเหตุ มีคนร้ายเป็นชาย 2 คนสวมชุดดำ ไม่สวมหมวกกันน็อก ใช้รถ จยย.ฮอนด้าไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนไล่แซงประกบขึ้นมาทางด้านขวา โชคดีที่ ร.ต.อ.เรวัติเหลือบไปเห็นจึงหักรถหลบเข้าข้างทาง เป็นจังหวะเดียวกับที่คนร้ายเหนี่ยวไกยิงใส่รวม 5 นัด กระสุนจึงแค่เฉี่ยวไม่ถูกจุดสำคัญ ร.ต.อ.เรวัติ ชักปืนพกยิงตอบโต้ไป 4 นัด แต่ไม่ถูก 2 คนร้ายรีบเร่งเครื่องหลบหนีไปทาง อ.สายบุรี ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามวิทยุสกัดจับ แต่ไม่พบวี่แวว สำหรับสาเหตุของการถูกปองร้ายในครั้งนี้เบื้องต้นตั้งไว้ 2 ประเด็น คือเป็นฝีมือโจรก่อการร้ายล่าเด็ดหัวตามแผนใบไม้ร่วง หรือเรื่องส่วนตัว ซึ่งจะได้สืบสวนต่อไป

รัว 4 นัดฆ่าโหดหนุ่มสายลับทหาร

อีกรายฆ่าโหดสายลับทหารเกิดขึ้นเมื่อเวลา11.40 น. วันเดียวกัน พ.ต.ต.สมจิตต์ สุวรรณชาตรี สารวัตรเวร สภ.อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี รับแจ้งมีคนถูกยิงบาดเจ็บบนถนนสายปะนาเระ-สายบุรี หมู่ 4 บ้านเตราะหักต.น้ำบ่อ อ.ปะนาเระ รุดไปตรวจสอบพบเพียงรถ จยย. ฮอนด้าเวฟ สีน้ำเงิน ทะเบียน กนฉ 491 ปัตตานี ล้มตะแคงข้างอยู่กลางถนนพร้อมกองเลือดกองใหญ่ ส่วนผู้บาดเจ็บถูกนำส่ง รพ.ปะนาเระ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา ทราบชื่อนายสมคิด พรหมมินทร์ อายุ 44 ปี บ้านเดิมอยู่ จ.นครพนม แต่มาประกอบอาชีพรับซื้อทองตามหมู่บ้าน ถูกยิงด้วยกระสุนปืน .38 บริเวณลำตัว ใบหน้าและแขนขวารวม 4 นัด สอบสวนเบื้องต้นทราบว่าผู้ตายนอกจากจะมีอาชีพเร่รับซื้อทองตามหมู่บ้านต่างๆแล้ว ยังทำงานเป็นสายลับให้กับทหารหน่วยข่าวกรองด้วย ก่อนเกิดเหตุมีคนร้ายเป็นชาย 2 คน สวมชุดดำขี่รถ จยย.ไม่ทราบยี่ห้อไล่ตามมาติดๆ ก่อนจะเร่งเครื่องแซงประกบยิงจนเสียชีวิตดังกล่าว ส่วนสาเหตุน่าจะเป็นฝีมือกลุ่มโจรล่าเด็ดหัวแก้แค้น

ส่งไปรษณียบัตรขู่ 3 พ่อเมืองใต้

เมื่อเวลา 10.00 น. วันเดียวกันนายวิชม ทองสงค์ ผวจ.นราธิวาส ได้มีคำสั่งด่วนแจ้งผ่านทางวิทยุสื่อสารถึงนายอำเภอทั้ง 13 อำเภอของจังหวัดว่า เมื่อวันที่ 26 เม.ย. ได้มีไปรษณียบัตรจากกลุ่มคนที่อ้างตัวเป็นสมาชิกกลุ่มมูจาฮีดีนปัตตานี ส่งถึง ผวจ.ทั้ง 3 จังหวัดภาคใต้ขู่ว่าจะออกปฏิบัติการล่าเด็ดหัวข้าราชการผู้บริสุทธิ์ เพื่อตอบโต้การแก้ปัญหาของทางราชการที่จับตัวชาวมุสลิมผู้บริสุทธิ์ไปเข่นฆ่า พร้อมทั้งระบุว่ามีเป้าหมายที่จะเล่นงานไม่ต่ำกว่า 100 จุด โดยจะใช้วิธีการรบแบบจร-ยุทธ ซึ่งได้รับการฝึกฝนมาจนชำนาญ จึงสั่งให้นายอำเภอเตรียมพร้อม และจัดกำลังดูแลความปลอดภัยอย่างเต็มที่เพื่อความไม่ประมาท

ระเบิดซุกกล่องบึมกลางเมืองยะลา

ส่วนเมืองยะลาคนร้ายลอบวางระเบิดแสวงเครื่องบึมสนั่นเมืองรับอรุณ โดยเมื่อเวลา 06.30 น. เช้าวันเดียวกัน พ.ต.ท.ประสิทธิ์ ศรีดี สวป.สภ.อ.เมืองยะลา รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ว่าพบวัตถุต้องสงสัยถูกนำมาวางทิ้งไว้ด้านหลังที่นั่งพักของตำรวจสายตรวจ ซึ่งด้านข้างทั้ง 2 ฝั่ง กั้นเป็นล็อกๆขายของแบ่งให้เช่าเกือบ 20 ห้อง ตรงข้ามห้างซุปเปอร์ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ ถนนระนอง ในเขตเทศบาลนครยะลา พบกล่องพลาสติกสีม่วงสูงประมาณ 4 นิ้ว กว้าง 1 ฟุต มีฝาปิดมิดชิดและมีเทปกาวสีน้ำตาลพันรอบ จึงประสานชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดของ บก.ภ.จ.ยะลา นำปืนยิงน้ำแรงดันสูง (วอเตอร์แคนนอน) สำหรับตัดทำลายวงจรจุดชนวนระเบิด มาทำลายกล่องต้องสงสัยดังกล่าว ปรากฏว่า ขณะที่กำลังเตรียมทำลาย กล่องดังกล่าวก็เกิดระเบิดขึ้นมาเองเสียงดังสนั่นหวั่นไหว พร้อมๆกับมีเปลวเพลิงสว่างวูบขึ้นมากระจายไปรอบๆ พร้อมทั้งมีเศษสะเก็ดระเบิดจำพวกตะปู ลูกปราย และเศษเหล็กชิ้นเล็กๆปลิวกระจัดกระจายเกลื่อน แต่โชคดีที่มีการกันประชาชนออกห่างจากจุดดังกล่าวจึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ

พาวเวอร์เจลผสมปุ๋ยยูเรียที่ถูกปล้น

จากการตรวจสอบพบเศษชิ้นส่วนของโทรศัพท์มือถือรุ่น 3310 เศษปุ๋ยยูเรีย และเศษดินระเบิดพาวเวอร์เจลอีกจำนวนหนึ่ง เบื้องต้นจากสภาพความเสียหายและพื้นที่ที่เกิดเหตุคาดว่าคนร้ายต้องใช้ปุ๋ยยูเรียไม่ต่ำกว่า 2 กก. ผสมน้ำมันโซล่าและเศษวัสดุที่เป็นอันตรายอย่างลูกปราย ตะปู และเศษเหล็กจำนวนหนึ่ง มีระเบิดพาวเวอร์เจลไม่ต่ำกว่าครึ่งปอนด์เป็นตัวทำลาย จุดชนวนระเบิดด้วยโทรศัพท์มือถือที่ตั้งค่าเอาไว้ล่วงหน้า หรือใช้วิธีโทรศัพท์เข้ามาที่เครื่องซึ่งติดตั้งไว้กับระเบิด หมายจะเล่นงานตำรวจสายตรวจของ สภ.อ.เมืองยะลา ที่มักจะแวะเวียนเข้ามานั่งพักเป็นประจำ แต่บังเอิญมีคนมาพบเข้าเสียก่อน คนร้ายซึ่งคาดว่าน่าจะซุ่มสังเกตการณ์ อยู่ไม่ไกลเห็นท่าไม่ดีชิงจุดระเบิดทำลายหลักฐานทิ้ง ด้าน พ.ต.อ. ปริญญา ขวัญยืน รักษาการ ผบก.ภ.จ.ยะลากล่าวว่า ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าปุ๋ยยูเรียที่พบเป็นส่วนผสม ของระเบิดครั้งนี้เป็นตัวเดียวกับที่ถูกปล้นไปจากโรงโม่หินมนู-นิตยาเมื่อประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมาหรือไม่ ซึ่งจะได้ตรวจสอบต่อไป

เอ็ม 16 ถล่ม ส.ต.อ.เจอสวนโจรเจ็บ

อีกรายสิบตำรวจเอกถูกซุ่มยิงถล่มด้วยเอ็ม 16 รอดตายฉิวเฉียด เกิดขึ้นเมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 27 เม.ย. ร.ต.ต.สุโชค ผู้มีโชคชัย ร้อยเวร สภ.อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี รับแจ้งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกยิงบาดเจ็บ บนถนนสายบ้านดีปิง หมู่ 5 ต.ตะโละดือรามัน อ.กะพ้อ จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบพบรถจยย.คาวาซากิ สีแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนล้มอยู่ข้างทาง บริเวณป่าละเมาะฝั่งตรงข้ามพบกองเลือดกองใหญ่ และปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 ตกอยู่ถึง 15 ปลอก ส่วนผู้บาดเจ็บซึ่งเป็นเจ้าของรถ จยย.ทราบชื่อ ส.ต.อ.วีระโชติ ชัยลาภ อายุ 28 ปี ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม สภ.อ.กะพ้อ ถูกยิงด้วยกระสุนปืนเอ็ม 16 ที่หน้าแข้งซ้ายทะลุ 1 นัด สอบสวนทราบว่าเพิ่งเสร็จจากสอนเยาวชน ในหมู่บ้านดีปิงเตะฟุตบอลตามโครงการมวลชนสัมพันธ์ ขณะขี่รถจยย.มาถึงจุดเกิดเหตุ มีคนร้าย 2 คน สวมชุดดำดักซุ่มอยู่ข้างทาง ใช้ปืนเอ็ม 16 กราดยิงใส่เป็นชุด โชคดีที่ไหวตัวทันกระโดดลงจากรถ กระสุนถูกที่หน้าแข้ง ยึดรถ จยย.เป็นที่กำบัง ชักปืน.357 ยิงสวนไปจนหมดกระสุน ถูก 1 ใน 2 คนร้าย ที่หน้าท้องและแขนขวา มีเพื่อนอีกคนพยุงไปขึ้นรถ จยย.ขี่หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ทาง ร.ต.ต.สุโชคจึงแจ้งวิทยุระดมสายตรวจเร่งสกัดจับ และตรวจค้นตามโรงพยาบาลและคลินิกต่างๆ แต่ยังไม่พบวี่แวว ส่วนประเด็นปองร้ายคาดว่าน่าจะเป็นฝีมือกลุ่มโจรภาคใต้สร้างสถานการณ์ ส่วนปลอก กระสุนเอ็ม 16 ได้ส่งไปตรวจสอบดูว่าตรงกับปืนที่ถูกปล้นไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมาหรือไม่