Article 18


สร้างขวัญให้ครูใต้
บทนำ

คงจะมีครูใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จำนวนมากที่อยากจะย้อนถามไปถึง นายอดิศัย โพธารามิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่ให้สัมภาษณ์ว่า ครูใต้ยังมีขวัญและกำลังใจดี ลองให้นายอดิศัยมาเป็นครูที่นี่ดูบ้างเอาไหม จะได้รู้ว่าสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ จะทำให้ครูมีขวัญและกำลังใจดีไปได้อย่างไร แต่เนื่องจากนายอดิศัยไม่ได้ลงไปในพื้นที่และไม่เปิดช่องทางให้ครูได้แสดงออกซึ่งความรู้สึก นายอดิศัยจึงให้สัมภาษณ์เสมือนกับไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

เหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงอยู่ในขั้นวิกฤต โรงเรียนถูกเผาอีกแล้ว การลอบทำร้าย และฆ่าประชาชนและเจ้าหน้าที่เกิดขึ้นเป็นรายวันอย่างไม่รู้จักจบสิ้น กระทั่งครูที่สอนหนังสือต้องขออนุญาตจากทางราชการให้สามารถพกปืนได้เพื่อป้องกันตนเอง ซึ่งกระทรวงมหาดไทย โดยนายโภคิน พลกุล รัฐมนตรีว่าการ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ทางราชการไม่ขัดข้อง ได้มอบให้ทางจังหวัดและอำเภอเป็นผู้อนุญาต อย่างไรก็ตาม มีครูประมาณ 700 คน ที่ขอย้ายออกจากพื้นที่ ด้วยเกรงความไม่ปลอดภัยจะเกิดขึ้นกับตนเอง

การที่ครูขอพกอาวุธปืนไว้ป้องกันตนเองเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ปรากฏการณ์เช่นนี้ไม่เพียงแต่ยืนยันถึงความร้อนแรงของไฟใต้ที่นับวันจะคุโชนมากขึ้น หากยังผลกระทบต่อความรู้สึกของผู้คนทั่วไปอีกด้วย นั่นก็คือครูในมือข้างหนึ่งถือชอล์กเขียนกระดานดำเพื่อสอนลูกศิษย์ให้มีความรู้ตามหน้าที่ แต่มืออีกข้างหนึ่งต้องถือปืนเพื่อใช้ยิงต่อสู้หากมีคนร้ายจะเข้ามาทำร้ายหรือก่อความเสียหายกับตนเองหรือลูกศิษย์ ซึ่งไม่รู้ว่ามือซ้ายหรือมือขวาที่ควรจะถือปืน ขณะเดียวกันมีหลักประกันใดที่จะรับรองความปลอดภัยให้กับครูเพราะครูถูกอบรม ถูกสั่งสอนให้ถือชอล์ก อธิบายบทเรียน ไม่ใช่ให้เป็นนักยิงปืน

ขวัญและกำลังใจจะสร้างให้บังเกิดขึ้นกับครูได้ก็ด้วยฝีมือการบริหารราชการของรัฐบาล การประกาศอย่างง่ายๆ ของคนระดับรัฐมนตรีว่าจะคัดเลือกครูเข้าไปทดแทนกับครูที่ขอย้ายตัวเองออกไปก็ดี การที่ทางกองทัพจะส่งทหาร 2,000 นาย ลงไปในพื้นที่ และประจำอยู่ตามโรงรียนก็ดี จะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นแน่หรือ การแก้ไขปัญหาด้วยวิธีการต่างๆ ควรจะสอบถามและฟังความต้องการของครูและคนในพื้นที่ด้วย ไม่เช่นนั้นอาจกลายเป็นการ "เกาไม่ถูกที่คัน" ก็ได้

การพัฒนา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยการทุ่มงบประมาณลงไปไม่สามารถกระทำให้เห็นผลได้ในเร็วกัน การปรับยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบก็ยังไม่ลงตัว ข้อเสนอของนายจาตุรนต์ ฉายแสง รองนายกรัฐมนตรี ที่ลงไปทำประชาคมในพื้นที่ก็ถูกดึงเอาไว้ยังไม่นำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ระหว่างนี้จึงยังแทบไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงในทางปฏิบัติของภาครัฐ กฎอัยการศึกก็ยังประกาศใช้ ไม่มีการยกเลิก โรงเรียนใกล้จะเปิดเทอมเข้ามาทุกที จึงนับเป็นเรื่องน่าเห็นใจและน่าห่วงใยต่อสวัสดิภาพของครูเป็นอย่างยิ่ง