Article 70
ทรงกำชับจนท.ทุกฝ่ายอย่าให้โจรทำร้ายปชช.
ในยามสถานการณ์เลวร้ายจากความไม่สงบในภาคใต้ก่อปะทุขึ้นทุกวัน จนกลายเป็นแดนมิคสัญญี แต่ ขณะเดียวกันน้ำพระทัยของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถได้มีกระแสพระราชดำรัสให้ทุกฝ่ายรู้รักสามัคคีร่วมใจแก้ปัญหาในภาคใต้ โดยเมื่อเวลา 15.05 น. วันที่ 29 ก.ย. สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้มีกระแส พระราชดำรัสในโอกาสเสด็จฯ ไปในพิธีสวนสนามของราษฎร อาสารักษาหมู่บ้านและงานพระราชทานธง "พิทักษ์ป่าและชีวิต" และรวมพลังมวลชน ณ พลับพลาพิธีหน้ากองอำนวยการร่วมรักษาความปลอดภัยทักษิณ จ.นราธิวาส ว่า ข้าพเจ้ามีความยินดีที่ได้มาพบกับคณะลูกเสือชาวบ้าน คณะราษฎรอาสารักษาหมู่บ้านได้ฟังคำกล่าวปฏิญาณของท่านทั้งหลาย รู้สึกมีความซาบซึ้งและประทับใจที่ท่านได้แสดงเจตจำนง อย่างแน่วแน่ที่มีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และพร้อมที่จะรวมพลังปฏิบัติ หน้าที่ของตนในการป้องกันชีวิต ทรัพย์สิน ตลอดจนช่วยกันรักษาทรัพยากรของชาติไว้
"แผ่นดินไทยเป็นที่อยู่อาศัยของคนไทย ซึ่งประกอบด้วยบุคคลหลายเชื้อชาติ หลายภาษาและศาสนาอยู่ร่วมกันมาด้วยสันติสุขเป็นเวลาช้านาน ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเลือกนับถือศาสนาใดก็ได้ ตามความเชื่อศรัทธาของตน คนไทย มีจิตใจโอบอ้อมอารี มิได้มีความรังเกียจเดียดฉันท์บุคคลต่างศาสนา ดังจะเห็นได้จากการที่ประเทศไทยเรามีวัด มีมัสยิดและโบสถ์คริสต์ กระจายอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง บางแห่งวัดและมัสยิดอยู่ใกล้กัน แต่ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางระหว่างชนต่างศาสนา จึงเป็นที่กล่าวขวัญยกย่องของคนต่างชาติว่าเมืองไทยเป็นเมืองแห่งสันติสุข"
"แต่มาบัดนี้มีการลอบประทุษร้ายต่อชีวิต ทำลายทรัพย์สินของราษฎรผู้ซึ่งทำมาหากินโดยสุจริตมีแทบจะทุกวัน ทำให้เกิดการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักยิ่งในครอบครัว บางคนเป็นหัวหน้าครอบครัว ซึ่งเป็นเสาหลักของบ้านทำให้ครอบครัว พ่อแม่ลูกต้องพลัดพรากจากกัน โดยไม่มีวันได้กลับมาพบกันอีก ข้าพเจ้ามีความเห็นใจและสงสารบุคคลเหล่านั้น ที่ต้องประสบชะตากรรมโดยไม่รู้ตัว บางครอบครัวลูกยังเล็กยังจำหน้าพ่อไม่ได้ พ่อก็ต้องจากไปโดยไม่มีวันกลับ เป็นที่น่ารันทดใจอย่างยิ่ง ถ้าหากเหตุการณ์เช่นนี้มาเกิดกับครอบครัวของใครบ้าง ก็คงจะต้องมีความเศร้าโศกเสียใจไม่แพ้กัน"
ข้าพเจ้าจึงขอวิงวอนเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ตลอดจนประชาชนทั้งหลายว่า ถึงเวลาแล้วที่ท่านทั้งหลายต้องร่วมใจกันให้แน่นแฟ้น สามัคคีกันปฏิบัติหน้าที่ด้วยความกล้าหาญเสียสละ เพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน อย่าปล่อยเป็นอันขาดให้มีการทำร้ายประชาชน เช่นที่แล้วมาอีกเลย ทั้งนี้เพื่อความมั่นคงของประเทศชาติของเรา อันเป็นที่ รักยิ่งของพวกเราทุกๆคน ขอให้ท่านจงมีจิตใจมุ่งมั่นที่จะตอบแทนพระคุณแผ่นดินให้สม กับที่บรรพบุรุษของเราได้รักษาแผ่นดินผืนนี้ไว้ ให้เป็นมรดกตกทอดมาถึงพวกเราทุกคน ขออวยพรให้ท่านทั้งหลายที่มาร่วมชุมนุม ณ ที่นี้ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย จงมีสุขภาพแข็งแรง แคล้วคลาดจากภัยอันตรายทั้งปวง ขอให้ประสบความสุขและโชคดีโดยทั่วกัน
ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ยังเดือดไม่เลิก ล่าสุดโจรใต้ลอบยิงลูกจ้างแขวงการทางสังเวยอีกศพ โดยเมื่อเวลา 09.10 น. วันที่ 29 ก.ย. 47 พ.ต.ท.วนา อวะภาค รอง ผกก.(สส.) สภ.อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส พ.ต.อ.อนุกูล ไกรทอง ผกก.สภ.อ.บาเจาะ พร้อมกำลังตำรวจ ทหารไปสอบสวนเหตุยิงกันตายบนถนนสายบาเจาะ-บ้านทอน หมู่ 2 บ้านบูเก๊ะสูดอ ต.บาเระใต้ พบศพนายกลั่น ทองสี อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 88/1 หมู่ 6 ต.ดอน อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ลูกจ้างประจำแขวงการทางบ้านทอน อ.เมืองนราธิวาส นอนตายอยู่ข้างรถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้า ทะเบียน กรน 130 นราธิวาส ถูกยิงด้วยกระสุน .357 ที่กลางหลัง 2 นัด และแขนขวา 1 นัด สอบสวนทราบว่า ผู้ตายขี่รถ จยย.จะไปทำงานถึงที่เกิดเหตุถูกคนร้าย 2 คน ซ้อนรถ จยย.ประกบยิงแล้วหลบหนีไป
ที่โรงแรมซีเอส จ.ปัตตานี ร.ท.ไชยยศ วิพุทธานุพงษ์ อธิบดีอัยการเขต 9 เป็นประธานอบรมโครงการเสริมสร้างประสิทธิภาพบุคลากร ในกระบวนการยุติธรรมเพื่อความเป็นธรรมแก่ประชาชน โดยมีข้าราชการฝ่ายปกครองและตำรวจในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้าร่วมอบรม หลังการอบรม ร.ท.ไชยยศเปิดเผยว่า การ ทำงานของเจ้าหน้าที่ต้องใช้วิทยาการแผนใหม่ หรือนิติวิทยาศาสตร์ในการสอบสวนคดีอาญาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งดีกว่าพยานบุคคลถึง 100 คน และสามารถเอาผิดได้ชัดเจนกว่า
ด้านนายเสนอ จันทรา ผวจ.ปัตตานี ได้ออกสารจังหวัดระบุว่า ขณะนี้ฝ่ายตรงข้ามได้เปลี่ยนยุทธวิธีในการก่อความไม่สงบและทำร้ายเจ้าหน้าที่ ทางจังหวัดจึงได้วางมาตรการรักษาความปลอดภัยทั้งจัดชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน 400 แห่ง แห่งละ 30 คน เพิ่มมาตรการด้านการข่าวเชิงลึก ปรับปรุงการตั้งจุดตรวจและเข้มงวดในการลาดตระเวน สำหรับคดีสังหารนายรพินทร์ เรือนแก้ว ผู้พิพากษาศาล จ.ปัตตานี ตอนสายวันเดียวกัน พ.ต.อ.โพธิ สวยสุวรรณ ผกก.สภ.อ.เมืองปัตตานี พร้อมกำลัง นำตัวนายอับดุลเลาะ ปะซี ผู้ต้องหาไปฝากขังที่ศาลจังหวัดปัตตานี 12 วัน และนำตัวกลับมาคุมขังตามเดิมเพื่อสอบสวนขยายผล
ขณะเดียวกัน ทางกองทัพภาคที่ 4 ส่วนหน้า ค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี ได้ออกแถลงการณ์ถึงคำรับสารภาพของ นายอุบดุลเลาะ ปาซี ผู้ต้องหาฆ่าผู้พิพากษาศาล จ.ปัตตานี ว่า นายอับดุลเลาะยอมรับว่าได้รับการ ชักชวนจากนายอันนุงวา กาซอ ผู้บงการ โดยพูดหว่านล้อมว่า การละหมาด การให้ทานนั้นได้บุญก็จริง แต่การได้ขึ้นสวรรค์เพื่อไปเสพสุขนั้น มีสิทธิ์เท่าเทียมกับคนอื่น เพราะทุกคนทำเหมือนกัน แต่การฆ่าคนมีโอกาสได้ขึ้นสวรรค์ มากกว่าคนอื่น นอกจากตัวเองแล้วญาติพี่น้องยังได้ขึ้น สวรรค์ด้วย ซึ่งบนสวรรค์ดีกว่าโลกมนุษย์ 70 เท่า กินเหล้า กินเบียร์ได้ และมีผู้หญิงสวยไว้ปรนเปรอ พร้อมกันนี้นายอับดุลเลาะยังได้เข้าพิธีสาบานตนด้วย โดยมีนายอันนุงวาเป็นคนทำพิธีให้ ซึ่งทั้งหมดถือว่าเป็นการบิดเบือน คำสอนศาสนาที่เป็นอันตรายอย่างยิ่ง