Article 100
Sept 27, 2004 Thai Rath
ปาระเบิดถล่มงานสมโภชบาดเจ็บ9
สถานการณ์ 3 จังหวัดชายแดน ภาคใต้ ยังระอุรายวัน ล่าสุดคนร้าย อาละวาด หนักปาระเบิด บึมเขย่า เมืองกลางงาน สมโภช ศาลหลักเมืองทั้งทหารพรานและ อส. บาดเจ็บระนาว โดยเมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 26 ก.ย. ขณะที่ประชาชน หลายร้อยคน กำลังเดินเที่ยวงานสมโภช ศาลหลักเมืองยะลา บริเวณหน้าศาลากลาง จังหวัดได้เกิดเสียง ระเบิดดังสนั่น หวั่นไหว บริเวณสี่แยกวงเวียน 3 ตัดกับถนนผังเมือง 2 เขตเทศบาล นครยะลา ห่างจากบริเวณจัดงานประมาณ 200 เมตร ผู้เห็นเหตุการณ์ ต่างพากันโดดหลบหาที่กำบังกายโกลาหล
หลังสิ้นเสียงบึมปรากฏว่าร่างของทหารพราน อส.ที่ยืนรักษาการณ์บริเวณจุดเกิดเหตุ ร่วงล้มระเนนระนาดดุจใบไม้ร่วงเกือบ 10 นาย แรงระเบิดอัดตามลำตัวและแขนขา เลือดสาด กระเซ็นแดงฉานไปทั่วบริเวณ หลังจากหายตกตะลึงบรรดาชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ และเจ้าหน้าที่ต่างพากันช่วยลำเลียงผู้บาดเจ็บส่ง รพ.ศูนย์ยะลาทั้งหมด 9 นาย
ประกอบด้วย 1.นายนูรูดิง หะยีดือแน อายุ 40 ปี 2.นายรอซะ จินตรา อายุ 40 ปี 3.นายมะตอเย็บ แวกาจิ อายุ 40 ปี 4.นายมนัสพงษ์ เจ๊ะนิ อายุ 47 ปี 5.นายมะลาเซ็ง ยามู อายุ 38 ปี 6.นายอับดุลเลาะ วอหะ อายุ 47 ปี 7.นายยาการียา หะยีลาเต๊ะ อายุ 50 ปี ทั้งหมดเป็น อส.อำเภอยะหา จ.ยะลา 8.ทหารพรานมนัสชัย ศรีทวี อายุ 19 ปีและ 9.ทหารพรานจรัญ พรหมมาลา อายุ 25 ปี โดย 3 รายแรกถูกสะเก็ดระเบิด เข้าหน้าอกและขาทั้ง 2 ข้าง อาการสาหัส ที่เหลือโดนตามขาบาดเจ็บเล็กน้อย
หลังเกิดเหตุนายบุณยสิทธิ์ สุวรรณรัตน์ ผวจ.ยะลา พล.ต.ต.ธานี ทวิชศรี รอง ผบช.ภ.9 พล.ต.ต.ปริญญา ขวัญยืน ผบก.ภ.จ.ยะลา พ.ต.อ.นราศักดิ์ เชียงสุข รอง ผบก. พ.ต.อ.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนชัย ผกก.สภ.อ.เมืองยะลา พ.ต.ท.สมศักดิ์ ตั้งนภาดล รอง ผกก.(สส.) พ.ต.ท.อภัย คงสุจริต รอง ผกก.(ป.) พร้อมกำลังและเจ้าหน้าที่วิทยาการเขต 12 ยะลาไปที่เกิดเหตุ บริเวณจุดบึมมรณะพบหลุมลึกประมาณ 6 นิ้ว กว้าง 2 ฟุต ใกล้กันพบรถปิกอัพโตโยต้า ทะเบียน 6 ฌ-4668 กรุงเทพมหานคร ของ อส.ยะหา ถูกสะเก็ดระเบิดกระจกด้านคนขับแตกกระจาย จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่วิทยาการพบเศษระเบิดจำนวนหนึ่ง แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นระเบิดชนิดใด
สอบปากคำพยานเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุกลุ่ม อส.และทหารพรานเหยื่อบึมมหาภัยได้มารักษาการณ์ บริเวณงานสมโภชศาลหลักเมืองยะลาซึ่งเป็นวันสุดท้ายโดยมีกำลังทหาร ตำรวจ ทหารพราน อส.และ ตชด.มาดูแลความสงบร่วม 2,000 นาย และไม่คาดว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้น วินาทีนั้นมีคนร้าย 2 คนซ้อน จยย.ไม่ทราบยี่ห้อและทะเบียน คนขี่สวมหมวกกันน็อกและคนซ้อนสวมหมวกแก๊ปสีขาว ซิ่งผ่านกลุ่มผู้บาดเจ็บแล้วคนซ้อนได้ปาระเบิดสังหารใส่กลุ่มทหารพรานและ อส.เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ส่วนสาเหตุเจ้าหน้าที่สันนิษฐาน 2 ประเด็นฝีมือวัยรุ่นเบ่งเข้างานฟรีแล้วถูกขวางเลยไม่พอใจ กับเรื่องโจรใต้สร้างเรื่องเขย่าเมือง
ขณะที่ จ.นราธิวาส เกิดเหตุคนถูกยิงอีก 2 ราย โดย พ.ต.ท.ชาตินัย สังข์ทอง รอง ผกก.(สส.) สภ.อ.รือเสาะ น.ท.จักรพงษ์ อภิมหาธรรม ผบ.พัน ร.1 ฉก.นราธิวาส นำกำลังตำรวจและนาวิกโยธินเดินทางไปสอบสวนคนถูกยิงตายอยู่ในสวนลองกอง บ้านสูเป๊ะ หมู่ 2 ต.เรียง อยู่บนเทือกเขาบูโดเขตรอยต่อ อ.รามัน จ.ยะลา พบศพนายลาเต๊ะ เจ๊ะแว อายุ 49 ปี เจ้าของสวน นอนจมกองเลือดเสียชีวิตภายในสวน มีบาดแผล ถูกยิงด้วยกระสุน .38 ซุปเปอร์ ที่ลำตัว ท้องและลำคอรวม 3 นัด ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุน 3 ปลอก สาเหตุกำลังสอบสวนสืบสวนว่ามาจากเรื่องส่วนตัว หรือฝีมือโจร
อีกราย ร.ต.ท.เจนวิทย์ อุ่นเสียม ร้อยเวร สภ.อ.ระแงะ จ.นราธิวาส พ.ต.อ.ไมตรี แสงอรุณ ผกก. พร้อมกำลังตำรวจและนาวิกโยธิน ไปสอบสวนเหตุยิงกันที่บ้านบือแจง หมู่ 4 ต.บองอ พบเพียงกองเลือด ส่วนคนถูกยิงถูกนำส่ง รพ.ระแงะ และเสียชีวิตระหว่างทาง ชื่อนายสงัด วิเชียรรัตน์ อายุ 32 ปี อยู่หมู่ 2 ต.ตันหยงลิมอ อ.ระแงะ ลูกจ้างประจำโครงการชลประทานนราธิวาส มีหน้าที่ควบคุมการก่อสร้างฝายทดน้ำบ้านบือแจง ถูกยิงด้วยกระสุนขนาด 11 มม. ที่แขนซ้ายทะลุใต้รักแร้ 1 นัด และกลางหลัง 2 นัด สอบสวนทราบว่า ถูกคนร้าย 2 คน ซ้อน จยย.ยิงใส่ 3 นัดซ้อน คาดเป็นการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มโจร
กรณีชาวบ้านหมู่ 4 บ้านไอบาตู ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส กว่า 1,000 คน ชุมนุมกันที่หน้าโรงเรียนบ้านไอบาตู เพื่อต้องการให้ทหารพรานร้อย ร.4302 ที่อยู่ในโรงเรียนไอบาตูออกไปจากพื้นที่ เนื่องจากเข้าใจว่านางซาปีเยาะ ซัมซูเด็ง อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 77/1 บ้านไอบาตู ถูกกระสุนปืนอัดลมของทหารพรานยิงพลาดมาถูกหน้าแข้งนั้น พล.ท.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี แม่ทัพภาคที่ 4 ได้เดินทางไปพบกับนางซาปีเยาะ ซัมซูเด็ง ที่เป็นต้นเหตุให้ชาวบ้านชุมนุมขับไล่ทหารพราน เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง โดย พล.ท.พิศาลได้สอบถามนางซาปีเยาะ ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งนางซาปีเยาะบอกว่า ขณะนั่งซ้อนท้าย จยย. มีนายสาลาฮูดิง สะแลแม ลูกชายเป็นคนขี่รถ ปรากฏว่าถูกกระสุนปืนอัดลมยิงมาถูกที่หน้าแข้งซ้าย และเห็นทหารพรานที่อยู่ในโรงเรียนถือปืนอยู่คาดว่าทหารพรานยิงนก หรือกระรอก พลาดมาโดน
จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 4 ได้ตรวจดูบาดแผลที่หน้าแข้งของนางซาปีเยาะ พบมีลักษณะฟกช้ำ ขนาดเม็ดถั่วเขียว จึงประสานงาน น.พ.วฤทธิ์ ลอยวิรัตน์ แพทย์เวร รพ.สุไหงปาดี มาตรวจอีกเพื่อความแน่นอนและถูกต้องว่าถูกกระสุนปืนหรือไม่ หลังการตรวจ น.พ.วฤทธิ์เปิดเผยว่า ลักษณะฟกช้ำที่หน้าแข้งเป็นการโดนกระแทกไม่รุนแรง ไม่เหมือนโดนกระสุนปืน
ต่อมา พล.ท.พิศาลได้เดินทางไปที่ที่ว่าการ อ.สุไหงปาดี ประชุมร่วมกับ นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ กับนายนัจมุดดีน อูมา ส.ส.นราธิวาส พ.อ.สุริยะ สมิทธิ รอง ผบ.พล.ร.5 พ.อ.ประเสริฐ ขวัญชัย ผบ.ฉก.สันติ นายไพโรจน์ จริตงาม ปลัดอำเภอ หน.ฝ่ายบริหารงานปกครอง น.พ.วฤทธิ์ ลอยวิรัตน์ แพทย์เวร รพ.สุไหงปาดี และกำนันผู้ใหญ่บ้าน เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่ง พล.ท.พิศาล กล่าวในที่ประชุมว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถ้าทหารผิดก็ต้องทำขวัญ แต่เรื่องนี้เป็นการเข้าใจผิด ต้องทำความเข้าใจกับชาวบ้าน ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง สอบถามทหารพรานแล้วไม่มีใครใช้ปืนอัดลม และแพทย์ก็ตรวจแล้วว่าเป็นรอยฟกช้ำที่โดนกระแทก แต่แปลกใจว่าในพื้นที่นี้ฆ่ากันตายหลายครั้งหลายราย ทั้งไทยพุทธและมุสลิม แต่ชาวบ้านไม่เคยออกมาแสดงอย่างนี้ แต่คราวนี้มีชาวบ้านออกมาแสดง
พล.ท.พิศาลกล่าวด้วยว่า กองทัพได้เริ่มเปิดยุทธศาสตร์เกมรุกกับกลุ่มผู้ไม่หวังดี ถ้ามีเหตุความขัดแย้งเราต้องรีบลงไปหาข้อเท็จจริง ก่อนที่มือที่ 3 จะสวมรอยปลุกระดมชาวบ้านให้เกลียดชังเจ้าหน้าที่ และจะไม่มีการย้ายหรือถอนกำลัง ต้องทำตามวาระ ในเดือนตุลาคมต้องมีการโยกย้ายอยู่แล้ว ทุกจุดที่ส่งทหารไปปฏิบัติหน้าที่ มีชาวบ้านทั้งชอบและไม่ชอบ แต่จุดหลักคือสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นเป็นหลัก
ขณะที่ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร รมว.กลาโหม กล่าวว่า สาเหตุการชุมนุมขับไล่ทหารพรานของชาวบ้านเป็นการยั่วยุ ของกลุ่มวัยรุ่นที่มีปัญหากับทหารพราน หวังสร้างสถานการณ์ ซึ่งแม่ทัพภาคที่ 4 และคณะแพทย์ ไปตรวจสอบบาดแผลของผู้ที่อ้างว่าถูกยิง พบเป็นเพียงรอยฟกช้ำจากสะเก็ดหินเท่านั้น เมื่อนำทหารพรานทั้ง 8นาย มาให้ชี้ตัว ผู้บาดเจ็บกลับไม่สามารถชี้ตัวได้ หากเป็นการกุเรื่องขึ้นมา สมควรต้องถูกประณาม ส่วนทหารพรานต้องดูแลพื้นที่ต่อไป