สายรุ้งเป็นหญิงสาวธรรมดาๆ
หากแต่แปลกตรงที่เธอเป็นคนช่างฝันฝันของเธอมีรูปรสหลากหลายและมีความหมายต่อจิตใจของเธอเป็นล้นพ้น
ทุกคืน...ขณะที่ทุกคนในบ้านหลับสนิทเธอจะแอบมีละคร "ส่วนตัว"
ที่เธอเป็นทั้งผู้ดูและผู้เล่นไปพร้อมกัน |
Sai-roong was an
ordinary woman, except for her dreams. She was a superb dreamer, an artist.
They were dreams of extraordinary vividness and filled with meaning for her. Each
night, as her household slept soundly, Sai-roong proceeded to the elaborate, secret
productions in which she played two roles: the star and also the audience. |
เมื่อก่อนสายรุ้งมิได้เอาใจใส่กับความฝันของเธอมากนัก
แต่ต่อมาเธอก็พบว่าสิ่งพิเศษเหล่านี้สร้างพลังให้กับเธออย่างซึบซาบ
ภาพชีวิตหลายภาพเกิดจากความฝัน
ซึ่งมีหลายเรื่องทำให้สายรุ้งกลายร่างเป็นวิญญาณทิพย์ล่องลอยไปตามจินตนาการ...แม้ในยามตื่น
...บางครั้งเคยเกิดฉากตื่นเต้นจนสายรุ้งต้องตื่นขึ้นพร้อมกันความหอบเหนื่อย
ฉากลอยตัวขึ้นจากพื้นเหาะเลาะเลียบไปตามสวนผลไม้ตัดตรงไปสู่ทุ่งหญ้ากว้างเขียวชะอุ่ม
สองมือของเธอชูไปข้างหน้าสองขาเหยียดตรงพุ่งร่างออกไปด้วยแรงจากภายในเบื้องหลังมีสุนัขตัวน้อยแสนจะน่ารักแต่ทว่ากลับน่ากลัวยืนแยกเขี้ยวขาวคำรามไล่
เสียงบ๊อก บ๊อก
ครานั้น...เมื่อสายรุ้งหนีมาพ้น
เธอจะก้มลงมองภาพท้องนารูปตารางสี่เหลี่ยมเล็กๆทุกสิ่งทุกอย่างดูเขียวกระจ่างตา
ทั้งๆที่ในฝันมิได้เอ่ยถึงแสงแดด
แต่ราวกับเครื่องรับของเธอสามารถดูดภาพมาจากที่อันยาวไกล ความสดชื่นเบิกบาน
สายลมเย็นฉ่ำปะทะใบหน้า...ช่างแสนสำราญเบิกบานสุขใจ....เธอรู้สึกเสรี
ห่างไกลความเป็นจริงและรู้ว่าไม่มีใครมีโอกาสเหินฟ้าได้เช่นเดียวกับเธอ
นอกจากจะเป็นสิ่ง
หลอกลวงที่ปรากฏบนจอหนัง |
Her dreams were,
she knew, the source of her strength. They permeated and energized her. Life
rioted in her dreams, myriad scenes and countless stories in which Sai-roong often changed
form entirely, becoming pure spirit in pursuit of the subjects of her own imagination.
There had been times of late when she would wake in the morning so exhilarated that
she could scarcely crawl out of bed. |
สายรุ้งจำความรู้สึกในขณะนั้นได้มิรู้ลืม
และรู้สึกภูมิใจ... |
|
ครั้งหนึ่งในฝัน...สายรุ้งก็มีความรัก |
Once upon a dream,
Sai-roong fell in love. |
แน่แน่...ความรักของสายรุ้งจะต้องพิเศษกว่าผู้อื่น
เธอมีความรักเกิดขึ้นแก่ชายหนุ่มคนหนึ่งอย่างลึกล้ำและลึกลับเนิ่นช้ามาตราบจนบัดนี้...แม้แต่ผัวยังอิจฉาโปรดสังเกตคำว่า
"แก่" เพราะมิใช่คำว่า "กับ" |
It was true love,
and Sai-roong's love was unique. The love she felt for the man of her dreams was
profound. And not only profound but a secret, mysterious love, and so it remains to
this day. Even her husband is jealous. |
ในช่วงนั้นดูมันมีความหมายสุดซึ้งสำหรับหนุ่มสาวที่เข้าใจความต้องการของกันและกัน
ด้วยมิได้มีเพียงหมอกอุ่นแห่งกามา
หากเพราะต่างหลอมรวมกันจนกลายเป็นหนึ่งและกลายเป็นสิ่งทดแทนหากอีกฝ่ายขาดส่วนหนึ่งส่วนใดไป
สายรุ้งชื่นใจนัก เธอเต็มอิ่มในน้ำรัก
เธอพินิจกอดจูบลูบคลำไปทั่วใบหน้าของชายหนุ่มที่มีไรหนวดขึ้นเต็มขอบริมฝีปาก
ดวงตาที่เธอไม่เคยสนใจพินิจพิจารณา
แต่ทว่าจะจำได้ทันทีเมื่อมันมองเธออย่างเผยความรู้สึกและมีความหมาย
มันทำให้เธอยอมจำนน ไร้เหตุผล อบอุ่น
เธอเต็มใจจะบดขยี้ริมฝีปากบางสะอาดและหอมกรุ่นอย่างหลงใหล.... |
When a young man and a young
woman meet, when each understands the desire of the other - when, like drops of mist, they
melt together and are one. . .well, that was the sort of thing it was. Sai-roong's
heart was filled with gladness in those days or rather those nights; she felt inundated,
flooded with love as she kissed and caressed the face of the young man with the line of
stubble that was so sharp and pleasing above his upper lip. Had she ever really
looked at eyes before? Not like these eyes, so charged with desire and meaning that
she felt an overwhelming desire to be. . . vanquished; to be. . .senseless, warm, willing,
and eager to feel her lips, her own delectable and smoldering lips, crushed with abandon. |
ครั้นเช้าวันใหม่...มาเยือน
สายรุ้งก็ต้องจากพรากฝันรักไปอย่างแสนเสียดาย
เธอพยายามที่จะขอกลับไปสู่ห้วงสวาทนั้นซ้ำอีก
แม้เพียงน้อยนิด...เพื่อกล่าวคำอำลาหรือขอเห็นใบหน้าอีกสักครั้ง
แต่ทว่าไม่เป็นผล แม้สายรุ้งจะหลงใหลกับฝันรักนั้นมากขนาดไหน
เธอก็ยอมรับเหตุผลที่ว่ามิอาจฉุดรั้งเขาออกมาจากความฝันได้ หรือหากทำได้
ตัวเธอเองก็คงมีปัญหาสายรุ้งค่อยเข้มแข็งขึ้น
แต่รอยอาวรณ์รสหวานยังส่อปรากฏให้เห็นที่แววตา อดคิดไม่ได้ว่า
ในโลกแห่งความจริงจะมีคนเช่นเขาหรือเปล่าหนอ.... |
The morning after,
Sai-roong fought valiantly to remain in this electrifying dream of love, struggled with
all her being to return to her garden of love, her lair of lust. Please. .
.just another minute, one second, that is all she asks. To murmur a word of parting,
to look once more upon the beloved face. But it is no use. However deep her
love, however incorrigible her infatuation, she must accept the truth: this man cannot be
dragged from the dreaming world into the waking world. (And if he could, she
reflects, it would be inconvenient, and that was a fact.) |
ขณะสายรุ้งเตรียมกายใจเพื่อออกไปปฏิบัติภารกิจประจำวัน
เธอก็เดินออกจากห้องส่วนตัวและมองผ่านเรื่อยไปยังประตูอย่างเลื่อนลอย
ฉับพลันเธอก็ขนลุกซู่รีบหดใบหน้าที่ยังมิได้ชะล้างลงแนบแอบข้างประตู
เธอมองเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังเดินผ่านหน้าบ้านไปพอดี...เธอแน่ใจ...เธอจำเขาได้ทันที
ก็เขากับเธอเพิ่งจากกันเมื่อฟ้าสางมานี้นี่นา
สายรุ้งแปลกใจที่เธอมิได้ตระหนักถึงความจริงในข้อนี้...ก็เขาอยู่บ้านหลังถัดไปนี่เองแต่กลับไม่ไยดี
จะชำเลืองมองเธอสักนิดก็ไม่ได้ |
Sai-roong gathered
her strength and rose from her bed. In the mirror, she blushed to see it in her
face: yes, the sweet agony of desire. A suspicion entered her mind: in the waking
world, could there be others like her? As she stepped from her bedroom, her eyes
drifted toward the window, the path, the gate beyond. And what she saw made her
uncombed hair stand on end, her skin tighten and shiver. Swiftly, she drew back,
hiding her unwashed face behind the door.
What could have shocked her so? Only the sight of the new
neighbor, the very young gentleman next door, striding past her gate. She was sure.
How could she not be? Why, this was the very man from whose ardent embrace
she had been dragged at dawn!
How could she not have realized it? There he lived, so near
and yet so. . .unconcerned. Had he given her so much as a sidewise glance
since moving in?
No. |
สายรุ้งถอนใจ
คิดเข้าข้างตัวเองเขาจะรู้ได้อย่างไรก็ในเมื่อมันเป็นแค่ฝัน...ฝันของเธอเพียงคนเดียว...สายรุ้งหันกลับเข้าห้องนอน
คว้าหมอนมากอด นอนกลิ้งเกลือกไปมา
สักพักเธอก็ผุดลุกขึ้นยกแขนเหวี่ยงขาท่ากายบริหาร ทุกอย่างสดชื่นขึ้น
สวยงามขึ้นและไม่เดือดร้อนใคร
ดนตรีัธรรมชาติเริ่มบรรเลงขึ้นภายในส่งจังหวะร่าเริงเร่งให้หญิงสาวต้องร้องคลอไปจนคนในบ้านเหลียวมอง
หากเธอมิได้กระดาก ทุกอย่างในบ้านตั้งแต่ส้วมจนถึงประตูรั้วดูมีความสำคัญ
มันจะต้องถูกชะล้างรูปโฉมให้สะอาดเอี่ยมเรียบร้อย เพราะเขาอาจมองหรือ....เข้ามา |
Sai-roong breathed
out a patient sigh. After all, what had she to blame him for? How could he
possibly know that he had walked into her dreams? (Much less, what he had done when
he got there.) It wasn't his fault. She turned back into her bedroom, pleased
that her husband had gone into the bathroom. She picked up her pillow, gently hugged
it, and then threw herself down on the bed and tossed back and forth a few times.
When she got back up, she felt much better. She thrusted her arms and legs out
vigorously. Everything seemed fresh and beautiful. She would be troubled by
nothing today, by no one. A chord of natural music welled up within her, the
internal music that might cause a woman to break out in tears while her household
apprehended her joyous sobs in consternation. But not Sai-roong, who would rather
keep it to herself.
Looking about her, she became aware of the embarrassing yet
genuine fact that every item in and around her house, from the toilet to the front gate,
had assumed a new importance. She would go now to wash her face, as soon as her
husband got out of there, until it gleamed. And the house - everything must be
cleaned meticulously. After all, he was a neighbor. One never knew when he
might. . .enter. |
แต่สิ่งสำคัญ
เธอหันมาสำรวจตัวเองตั้งแต่หัวจรดปลายเท้่า
แล้วเธอก็เห็นตัวเองอย่างที่เป็นอยู่ สายรุ้งมิไ้ด้เข้าข้างตัวเอง
แม้ใบหน้าสาวในกระจกจะยังค่อนข้างสวย
แต่ส่วนอื่นๆของเรือนร่างดูเทอะทะไม่เข้าท่า...สายรุ้งบอกตัวเองเธอจะต้องปรุงแต่งตัวเองพร้อมกับเครื่องเรือนทุกชิ้นภายในบ้าน |
She turned and
inspected herself in the mirror, from head to toe. She was careful not to flatter
herself. The face, she decided, was rather pretty. Other parts might nor
be as good. As for the house, however, it was too plain, a downright homely home.
It no longer satisfied her. |
ชายหนุ่มเพื่อนบ้านเพิ่งย้ายมาอยู่แถวนี้ได้ไม่นาน
สายรุ้งเพียงแค่รู้แต่ไม่เคยพูดคุยหรือแม้แต่มองหน้าเขาชัดๆดังนั้นภาพเลือนๆของเขาที่อยู่ห่างไกลจึงดูคล้ายภาพสลัวในความฝัน
เขามิใช่ชายที่มีสิ่งใดโดดเด่นจนทำให้หญิงสาวเหลียวมอง
หากทว่าเมื่อมองแล้วเขาน่าสนใจ เพราะความฝันนี่กระมัง....
ตั้งแต่เขาเข้ามาอยู่กับเธอในฝัน....สายรุ้งจึงดูสดใสแช่มชื่นขึ้นจนแปลกสายตาเพื่อนบ้าน
จากหญิงสาวในชุดทำงานสีเรียบเป็นประจำ ก็เริ่มกลายเป็นชุดเก๋ๆระบายบ้าง
ย้วยบ้าง ดอกสีสดชื่น
แถมช้ำบางครั้งยังกล้าใส่เสื้อโปโลลวดลายนำสมัยคู่กับกางเกงทรงพอดีตัว
ผมที่ปล่อยยาวมานานบัดนี้กลายเป็นซอยทรงสั้นเข้าสมัยเจ้าหญิงแห่งเวลส์
คิ้วเขียนเข้ม...นี่คงมาจากเจน
ฟอนดาที่ใครคนหนึ่งประทับใจ
วิธีปัดมาสคาราขนตาที่ดัดไว้จนงอนช้อยเธอเคยมีเคล็ดลับตรงใช้แปรงเล็กๆแทนแท่งสำเร็จรูปที่ใช้สำหรับปัดขนตา
นั่นล่ะ...นั่นจะทำให้ขนตามองดูเป็นธรรมชาติ สายรุ้งไม่ชอบอายแชโด
เธอจึงปล่อยเปลือกตาไว้เช่นเดิมประกอบกับเธอมีสันจมูกโด่งงามประดับหน้าให้ดูเด่นอยู่แล้ว
มันเลยเป็นจุดหนึ่งที่เธอภูมิใจ
ส่วนปากซีดๆน่ะหรือ....เลือกทาลิปมันออกสีเนื้อเล็กน้อยก็คงพอ
แน่ๆ....เธอจะต้องประดับตุ้มหูห่วงเป็นรายการท้ายด้วย
เธอจะต้องฝึกทำสีหน้าแววตาตามแบบที่เห็นในหนังสือผู้หญิงทั่้วไป
โอ๊ย....ได้การ.....จะต้องทำตัวให้ดูน่าประทับใจไม่ใช่ยายแร้งทึ้งต่อไปการบริการหน้าท้องซึ่งแต่ก่อนเคยหน่ยแหนงเดี๋ยวนี้กลายเป็นรายการยอดฮิตประจำคืน
เธอทำได้ทุกอย่างเพื่อเขา....ไม่เหนื่อยหน่าย....ไม่ท้อแท้
ทำอย่างเต็มใจ....ทำด้วยความรัก |
The young man had
not lived next door very long. Sai-roong had barely met him - and then, that
dream! Quite astonishing, really. They had never spoken; their eyes had
never met. Therefore, his image was in some ways cloudy in her mind and had been so
in her dream, as well. This, she decided, was satisfactory. He was not a young
man with strong features that would announce themselves to a young woman, causing
her to turn around and have another look. No, it was definitely his role, in the
theater of her dreams that made him interesting. His performance.
It was at this time that Sair-roong began to change.
Her family and neighbors could hardly fail to notice that whereas Khun
Sai-roong had been a woman who heretofore had gone out to work every day wearing a nicely
cut dress, invariably the proper color of the day, these days she went out the door and
down the street wearing big-flowered prints, short skirts with fringed hems - and once she
had even been seen wearing a polo shirt and pants that were tight all the way up and down
her legs. Most of her hair, which she had always worn long, suddenly disappeared,
replaced by a short style that anyone would recognize who has seen the Princess of Wales.
She worked on her eyebrows until she thought they looked very like Jane Fonda's and
darkened her eyelashes, then pushed them up until they curled, disdaining the little rod
in the mascara tube in favor of a little brush, so that they would look natural.
Sai-roong decided against eye shadow and regarded her nose approvingly. In truth,
her nose was her best facial feature, straight and narrow, and she was a bit vain about
it. Just - a touch of lip gloss - yes. Finally, the earrings, the little
hoops. In the mirror, she practiced making the wide-eyed, sparkly look of the models
in the women's magazines. Ooy! She grinned at herself.
He would be impressed. No one could think of the new,
improved Sai-roong as -as what? Oh, dear. . .the expression that inexplicably
floated into her mind caused the wide-eyed sparkly look to be eclipsed by a frown.
It was yai gae raeng tung - a raggedy old lady ready for the vultures.
The kinds of fastidious attentions to body and face that
Sai-roong had found irksome and boring before, now became the hit activities of her
evening. She would do everything for him; she would never be tired or discouraged;
she would always be willing, always eager. Everything from the heart and with love. |
วันเวลาผ่านไป.....จากวันเป็นเดือน
จากเดือนล่วงเข้าเป็นปี มิตรภาพในฝันระหว่างเขากับเธอยังแรงกล้ามิเสื่อมคลาย |
A day became a
week; a week, a month; a whole year passed. In Sai-roong's dreams, the intimacy
between them not only failed to wane, but it raged. |
ทั้งสองพบกันในระยะไกลไม่เคยพูดจาแม้สักคำปกติเธอกับเขาต้องไปทำงานนอกบ้าน
บางครั้งสายรุ้งออกมาทีหลังเห็นเขาเดินออกหน้า เธอก็จะมองโลมไล้ไปตามหลัง
ด้วยความรู้สึกสบายใจ รักใคร่ใยดี
หากวันใดสายรุ้งออกมาเร็วและต้องเดินผ่านเขาซึ่งกำลังออกจากประตูบ้าน
สถานการณ์เช่นนี้เล่นเอาเธอแทบหมดแรง ใจเต้นไม่เป็นล่ำ
เลือดสาวฉีดขึ้นสูงจนร้อนผิวหน้า แต่มือและเท้ากลับเย็นเยียบ
สายรุ้งเคยตั้งใจว่าจะเดินส่ายสะโพกน้อยๆพองามก้าวเท้าให้เหมือนเดินบนสะพานไม้แผ่นเดียว
ลำคอยืดตรงไปข้างหน้าเปล่งประกายตาให้ดูหวานซึ้งทว่าต้องเจือจางด้วยความซื่อสักนิดคงดีพอเอาเข้าจริง
เธอกลับเบือนหน้าหลบ
ยกถุงกระดาษหรือไม่ก็กระเป๋าถือขึ้นบังทำเป็นมองหาของทำให้เดินเตะก้อนหินเซไปก็หลายครั้ง
รู้สึกอายจนต้องแอบยิ้มคนเดียวอย่างขวยเขิน....เธอตื่นเต้นไปเสียทุกครั้งที่รู้ว่าจะต้องเดินไปใกล้เขาบางทีเห็นชายหนุึ่มแต่ไกลสายรุ้งถึงกับคิดเลิกล้มการออกนอกบ้านก็หลายครั้ง |
In the waking
world, they met only at a distance, and never a word passed between them. On an ordinary day,
both of them went to work. If he left his house first, Sai-roong watched him,
stroked his back with her eyes, caressed his shoulders with her smiles, and gloated
happily behind her window. But there were times when Sai-roong stepped out of her
front door just as he opened his, and then she could not avoid walking right past him.
Those were dreadful times; they played havoc with her emotions. Her heart
would race, skip beats; her blood would rush hotly to her face while her hands and feet
became cold and sweaty.
She had practiced the way in which she would sail gracefully by
him, head held high, aloof; the way she would walk with the slightest sway in her hips, as
if she were crossing a stream on a narrow plank, carefully placing one dainty foot before
the other, her neck slightly extended, her eyes radiant, her expression mild and sweet,
yet holding a definite suggestion of straightforwardness, of sincerity and strength.
But all was to no avail. When she came face-to-face with
him, she would shrink away, evade his glance, stare into her paper bag of groceries or at
her handbag until she tripped over a stone and staggered forward, overcome with shyness,
grinning foolishly. She became so excited each time she knew she would be near him
that sometimes, seeing him from a distance, through her window, she decided that it was
easier simply to stay indoors until he was gone. This happened with depressing
frequency. |
เหตุการณ์เป็นเช่นนี้ตลอดมา
สายรุ้งเก็บความรู้สึกพิเศษและภาพการสัมผัสใหม่ๆของเขาในฝันไว้ไม่เปลี่ยนแปลง
สายรุ้งคิดว่า เธอกับเขามีความสัมพันธ์ต่อกันอย่างลึกลับ
ใช่อย่างลึกลับ....ดื่มด่ำเสียด้วย และสิ่งนี้ไม่เคยมีใครล่วงรู้
หรือเข้ามาก้าวก่ายเธอแม้แต่น้อย |
Nonetheless, Sai-roong
clung joyously to her new feelings. Their love was a profoundly mystery, a precious
secret. And it was all hers. No one knew. No one meddled in it. |
แน่ๆ.....จู่ๆเธอก็ต้องแปลกใจ
ความสุขสมแสนประหลาดเหล่านั้นได้หวนกลับมาหาเธออีกครั้ง
|
|
ในคืนหนึ่ง
เธอได้พบเขาพร้อมกับเรื่องราวตอนใหม่
ทว่าในรูปแบบเดิม....ฝันเรื่องใหม่ที่ตัวเอกยังเป็นตัวเดิม
แต่กลับเพิ่มเสริมส่งสิ่งเก่าให้คงอยู่และงอกงามมากขึ้น
พร้อมกับสร้างสิ่งใหม่ให้เกิดขึ้นราวกับสวรรค์หวาดหวั่นด้วยเกรงรสทิพย์ซึ่งจะเจือจางเพราะกาลเวลา....กระนี้หรือเธอจะมิยิ่งสุขระรี้ระริก
เธอแอบมองดูเขาในยามตื่นด้วยเสน่หาท่วมท้น ภาพของเขาติดตามเธอไปทุกหนทุกแห่ง
ทั้งในวันเวลาว่างและเวลาฉุกละหุกที่ต้องรีบเร่งเป็นพิเศษ
แต่ทว่ากลับตื่นเต้นไม่เคยลืม
แม้กระทั่งตอนมีเหตุเฉพาะหน้า
เช่นบางครั้งนั่งรถเมล์ไปทำงาน เธอได้พบเห็นอุบัติเหตุบนท้องถนน
สายรุ้งก็คิดวาดภาพไปว่าหากคนเจ็บคนนั้นเป็นเขาเธอจะต้องรัีบลงไปประคองและรีบพาเขาไปรักษาให้ดีที่สุด....เขาคงจะฟื้นขึ้นมาจับมือเธอบีบและมองดูตาซึ้งของเธออย่างขอบคุณ
บางครั้งสายรุ้งผ่านไปทางสำนักจัดหางานที่มีคนมาขอพึ่งบริการกันมากมาย
เธอก็ยังอดคิดถึงเขาไม่ได้ ถ้าเธอมีอำนาจพิเศษและเขาเดือดร้อนต้องตกงาน
เธอเองจะช่วยเขาโดยไม่มุ่งหวังสิ่งใดตอบแทน.... |
One night, she met him in a new story
(the plots tended not to vary a great deal). In the new dream, he was the same, of
course, yet she could sense a new flowering, along with the additional of some other,
rather amazing events. If their previous assignations had been paradisal, suffice to
say that on this night paradise itself shuddered.
After this, certain images of him were ever in her mind, even on
days when she was so busy and harried that you would have thought nothing could distract
her from her tasks. Sitting on the bus on her way to work, if Sai-roong saw an
accident along the road, she would imagine that he was the injured person. . .
She screams for the bus to stop, rushes into the road.
Sinking into the gutter, she cradles him with exquisite tenderness until at last he begins
to regain consciousness. He clutches her hand feebly, gratefully, peers deeply and
groggily into her dark and troubled eyes, and mouths the words "Thank. . .
you."
Or the bus might pass a line of people outside the unemployment
office.
He is out of work, wretched, desperate. She, powerful
and well connected, pulls every string she can to get him a job. And what does she
expect in return? Nothing, nothing at all, not even thanks. It doesn't matter.
|
โอ....เปลี่ยนเรื่องใหม่ดีกว่า....สายรุ้งตัดฉาก
ตัดเรื่องอุบัติเหตุบนท้องถนนและความเดือดร้อนของเขาออกไป.....เอาเรื่องรถไฟที่เธอใกล้ชิดคงดีกว่า
หากเกิดรถไฟชนกันเบาๆเบาๆเท่านั้นนะ
รถไฟชนกันโดยไม่มีผู้โดยสารคนใดได้รับบาดเจ็บร้ายแรง นอกจากหัวโนและเคล็ดขัดยอก
แน่แน่....เหตุจะต้องเกิดตอนกลางคืน
ทีนี้ไฟฟ้าบนรถก็ดับวูบลงท่ามกลางความตระหนกตกใจเธอกับเขาซึ่งนั่งตรงกันข้ามและหัวเข่าจดจ่อใกล้กันมาตลอดทางจะกลิ้งหลุ่นร่วงลงจากเก้าอี้นั่ง
เขาคงรีบประคองกอดเธอให้ลุกขึ้นท่ามกลางความมืด ภายนอกโบกี้รถไฟคงจะเปลี่ยน
ถ้างั้นรถไฟคงต้องเดินทางไปต่างจังหวัดสินะ แน่ละ....เขา
จะคอยระวังเหตุเภทภัยให้เธอไม่ห่างกาย โอ....มันจะ
เป็นความหอมหวานและสองเราจะออกไปเที่ยวเสี่ยงภัยด้วยกัน
เขาจะประทับใจเธอไม่มีวันลืม |
That one wasn't much.
She changed the scene. The one about the train wreck. . .yes! The train
wreck was excellent.
Sitting across from each other on the train, suddenly they
are thrown from their seats by a tremendous crash. It is a train wreck to be sure,
but no one is hurt, except for a few bumped heads and ordinary bruises. Night has
fallen, and all the lights in the train have gone out wuth the crash. Before the
crash, each has been intensely aware of the other's knees. It has been impossible to
avoid brushing knees as they shifted position. Now, he reaches for her, seizes her
shoulders to prevent her from being harmed. But that is not all - he pulls her
fiercely to him. Without a word, they hurry from the train into the dark night,
clinging to each other. The train has been on its way to - where? - all right,
up-country somewhere, and now they huddle together in sweet warmth, defying the blear cold
of the dark, lonely night. Bangkok is far behind them. Bravely, they set off
for - wherever - to face whatever hardships.
The train wreck was one of her favorites. |
ครั้งหนึ่ง
สายรุ้งคลับคล้ายคลับคลา เธอไม่แน่ใจว่านั่นเป็นฝันจริงหรือว่าฝันดิบ
เมื่อเธอกลับจากธุระนอกบ้านเดินมาตามทางเข้าบ้านอันขรุขระ
เผอิญจริงๆฝนเกิดตกลงมาอย่างหนัก
สายรุ้งไม่อยากเสียเวลาหลบฝนจึงเดินต่อไปเรื่อยๆ แม้เธอจะรีบเดิน
แต่ก็เดินไม่ได้รวดเร็วเพราะสภาพผิวถนนไม่อำนวย ความว่างเปล่าปราศจากผู้คน
เม็ดฝนใสสะอาดตกลงมาจากกลางหาวไม่ขุ่นมัวเช่นดอกเทียนมันชโลมไล้เส้นผมบนศีรษะจนชุ่มเป็นสายหยาดซึมเข้าไปแนบนิ่มเนื้อจากเนินมจรดปลายเท้า
แ่ต่ดินโคลนก็กระหวัดกระเด็นขึ้นมาเปื้อนเป็นดอกดวงตั้งแต่ปลีน่องถึงแผ่นหลัง
สายรุ้งเดินช้าๆพลางลูบใบหน้าเย็นชื่นพอไม่ให้หยาดฝนเข้าตา
ยามนั้นทั้งฟ้าและพายุไม่ปรากฏแต่ก็เป็นเหตุให้ความคิดลึกๆของเธอโผล่หน้าออกมาเยี่ยมกราย....นี่ถ้าเธอมีร่มกางกั้นและเดินมาพบเขากำลังติดฝนอยู่ข้างทาง
เธอจะทำประการใด เธอจะออกปากน่ะซิ....เธอจะชวนเขาเข้ามาหลบอยู่ในร่มของเธอ
แล้วก็เดินแนบข้างไปพร้อมกัน
ร่มคันนี้จะต้องไม่กว้างนัก.....จะได้คลุมสองร่างไว้ไม่มิดความหนาวเย็น
ลมพัดละอองฝนเย็นเยือกไออุ่นจากผิวกายของกันและกัน
เขาคงไม่รีบหลบหลัีกไปไหนเสีย ตอนน้้นเธออดใจสั่นคิดเอาเองไม่ได้ว่า
เขาจะโอบเอวเํธอเข้าไปอยู่ในวงแขนของเขาช้าๆ
เธอเองก็จะเบียดให้ชิดให้แน่นให้สนิทไปกับอ้อมอกกว้างที่อาจมีขนนุ่มนิ่มซุกซ่อนอยู่ภายใน
และ....แน่แน่....บางทีเขาอาจจะขอร้องให้เธอเดินเลยบ้านของเธอไปอีกเล็กน้อย |
One day, after
work, as Sai-roong trudged up the bumpy path to her house, rain suddenly began to pour
from the sky. She hurried on as best she could, alone in the deluge and without an
umbrella. The raindrops were fat and clear, she noted, as she pushed the tendrils of
sodden hair back from her face. She looked down and saw that in only a moment the
rain had soaked her from the damp curves of her breats down to her feet.
Unfortunately, the mud beneath her feet splashed up with each step, making ugly dark
splatters on the backs of her calves and her skirt. She slowed her steps, placing
her feet carefully, wiping her eyes with both hands so that she could see where she was
going. And then, as suddenly as it had begun, the torrent ceased.
But her imagination remained in the storm. . .
They meet just as the rain begins to fall in earnest.
She raises her umbrella. What to do? With a demure smile, she invites him to
share her umbrella. They walk on, side by side, but this umbrella is not large
enough, not wide enough to cover two bodies. They are forced to press closer
together. It is so cold now; the wind blows, chilly and clammy, but under the
umbrella they breathe in the mingled, fragrant vapors of two warm, damp bodies. She
wonders if he will encircle her waist with his strong arm and pull her close, and if he
does - yes, he has done it now - and fits against him snugly, deliciously aware of
the broad chest that, under his raincoat and shirt, is covered with fine, soft hair, and
then, without a word, they pass the gate that leads to her house and turn toward the gate
to his own. . . |
ในสังคมที่ไม่กว้างใหญ่นัก
การจัดงานพิธีมงคลหรืออัปมงคลใดๆก็ตาม
ย่อมเป็นที่กล่าวขวัญกันก่อนถึงวันงานเสมอ ข่าวการแต่งงานของเขาก็เช่นกัน
แทบทุกปากจะเอ่ยไปในทางเดียวกันว่าคู่บ่าวสาวคู่นี้สมกันราวกับกิ่งทองใบหยก
ไม่ว่าจะดูฐานะหรืออุปนิสัยใจคอ ช่างเหมาะสมและแสนดี
แล้วการ์ดเชิญก็ปลิวร่อนไปถึงบรรดาผู้คนที่รู้จักมักคุ้น....เพื่อแสดงความนับถือ
เพื่อประกาศตัวคู่ครอง เพื่อถอนทุนคืน
แต่แน่ละ....สายรุ้งก็ได้รับการ์ดใบนี้เช่นกัน |
In a small society - a
neighborhood, for example - long before the event the preparations for an auspicious
occasion, or any sort of celebration on the part of one houshold, tend to become the chief
subject of conversation in all households. The news of his impending marriage set
this process into fervent action.
Yes, he was going to be married.
Every mouth spoke as one, extolling the felicity of the match,
the perfect rightness of the bride and groom for each other, whatever may have been said
before the date was set. For the excitement of a wedding has the effect of
dissipating previous cavils concerning any incompatibilities of social position,
disposition, and the like. It was now perfectly clear that the couple was a perfect
match - a jade leaf for a golden branch - and so on and on. Soon, the
neighborhood was aflutter with those cards of invitation that show respected for the
invited, proclaim the intentions of the betrothed, and tacitly announce that gifts will be
graciously accepted.
Naturally, Sai-roong and her family received such an invitation.
|
"ขอมอบความปรารถนาดีอย่างจริงใจ
ขอให้ความสุขจงมีแต่คู่บ่าวสาวตลอดกาลนาน....เทอญ" |
"Please accept
our best and most sincere wishes. . ." No. "We wish every happiness.
. .to the bride and groom. . .forever. . ." No. . . |
เชยจัง....นั่นคือข้อความที่สายรุ้งเฝ้าเวียนเขียนอ่านหลังจากแก้แล้วแก้อีกนับสิบครั้ง
ภายหลังหายจากอาการช็อคเมื่อทราบข่าวหัวใจของเธอก็หล่นวูบราวกับดอกไม้เหี่ยวเฉา
หมดสิ้นน้ำบ่อใดมาหลั่งรดให้สดชื่นคืนเดิม |
How dreadful it
was. Sai-roong sighed, tore up her tenth attempt, and began again. Having at
last recovered sufficiently from the shock of the announcement, she faced the wearying
task of composing the requisite note to the bride and groom. At first, her heart
withered like a flower ripped cruelly from its earthy bed. What pond was there from
which to draw the water that could restore her faded petals? None, none.
|
ครานั้น....แม้ในฝันก็พบแต่ความผิดหวังและหวาดกลัว
บางครั้งเธอฝันอยากไปขึ้นรถไฟ
แต่วิ่งอย่างไรก็วิ่งไม่ทัน.....อยากจะเหินฟ้าก็ไม่มีเรี่ยวแรงจะกางแขนออกบิน
บางทีเธอฝันเห็นงูใหญ่แผ่พังพานเลื้อยเข้ามาหา....ช่างน่าขยะแขยงจริงๆเธอกลัวาสุดขีดใช้เสียมทำสวนฟาดงูใหญ่ตัวนั้นจนแหลก
กระนั้นความตกใจและขยะแขยงก็ยังมีอยู่จนตกใจตื่นบางครั้งสายรุ้งมีโอกาสได้พบเจ้าสาวของเขาในฝันเสียด้วย
หล่อนเข้ามาแทรกตรงกลางและทำหน้างอให้เห็น....ฝันแทบทุกบทตอนในระยะนั้นมีแต่บั่นทอนจิตใจ |
In the first,
terrible weeks her dreams were visited only by disappointment and fear. Sometimes
she dreamed that she was trying to board a train that had already left; running with all
her might, she knew that she could never catch up. Once she sprang up to fly into
the sky, as she had done a thousand times in other dreams, but her arms had not the
strength to lift her up. And then there was the horrible snake dream. A huge
cobra reared up, flared its hood, began undulating toward her. It was indescribably
disgusting as it writhed about, coming ever nearer. She was petrified for a moment,
then looked about wildly, her glance at last falling upon the garden spade, which she
grabbed and raised above her head. She brought it down with all her might and
smashed the hideous snake to a pitiful little pile of pulp. She awoke with a
pounding heart.
Sometimes the bride herself would appear in a dream, standing in
Sai-roong's way with a sulky face. Whatever the story, nearly every dream these days
was another slash at her heart. |
วันนั้น....วันที่เขาเดินตามหลังพ่อของเขาเข้ามาในบ้านของเธอ
สายรุ้งถึงกับมีอาการสั่นเหมือนลูกนกตกน้ำ เธอรีบหลบไปอยู่หลังบ้าน
ปล่อยให้คนอื่นไปต้อนรับกัน แน่แน่....งานมงคลสมรสครั้งนี้ไม่มีแม้แต่เงาของเธอ
เธอไม่มีความกล้าจะเข้าไปอวยพรให้เขา |
On the day itself,
according to custom, the young man followed his father into all the neighboring houses,
formally inviting everyone to his nuptials. When the two men came through the
gate of her home, it was all Sai-roong could do to flee to the back of the house, leaving
her husband to welcome them. Not so much as her shadow would fall upon the happy
occasion itself. She knew that she had not the courage to pour the water of blessing
over the happy couple's hands; she could not trust herself to look down upon the bowed
heads joined by the white thread - no, she simply could not do it. |
สายรุ้งเฝ้านั่งถามนอนถามตัวเองอยู่หลายคืน....เธอได้รับความผิดหวังใดจากเขาหรือ....เขาเสียสัจจะข้อใดแก่เธอหรือ
เธอสูญเสียสิ่งใดให้เขาหรือ
เมียของเขาช่วงชิงเอาสิ่งใดไปจากเธอหรือ...เปล่าเลย...ไม่มีเลย...ทั้งสองมิได้เคยทำร้ายเธอสักครั้ง
เวลาพานพบเพียงผิวเผิน เธอแอบสังเกตเท่าที่หางตาจะเหลือบเห็น
เขาเองยังมีท่าทีนอบน้อมต่อเธอและในความฝัน....เขาก็ยังทำให้เธอเป็นสุขเหมือนเดิม.... |
For many nights,
she lay brooding into her pillow, interrogating herself. How had he disappointed
her? What sin had he committed against her? What had she lost to him?
And, finally, what had his bride stolen from her? Nothing. Neither bride nor
groom had done her injury.
As time passed and she observed him, as far as she could observe
him from the corner of her eye, she saw that he behaved with as much respect toward her as
he ever had: a proper nod, a slight bow as he hurried off to work or returned home.
But he was gone from her dreams. And then, one night just as she was drifting off to
sleep, there he was, waiting. He had returned to her. That night, he made her
very happy. |
นี่เขาจะมีโอกาสมาเยี่ยมเธออีกบ้างไหมหนอ....
สายรุ้งกังขา |
She wondered if he
would have as much time for her in the future. |
แต่ความกังขาก็สิ้นไปเมื่อสายรุ้งคิดใหม่เข้าข้างตัวเอง
ก็เราต่างมีความรักและมีอิสระอันไร้ขอบเขตอยู่แล้วนี่นา
เขาจะมาหาเธออีกเมื่อไรก็ได้...ถ้าเขาต้องการ |
As she thought
through her situation, over the weeks that followed, she came to realize the truth.
She had it all: not only perfect love but also absolute freedom. |
และความมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้นอีกจนได้
มันก็ึคงไม่แตกต่างจากสิ่งแปลกประหลาดทั้งหลายในโลก
แม้เขาจะมีครอบครัวไปแล้วอย่างมีความสุข แต่เขาก็ยังมาหาสายรุ้งก็พอใจ
เธอไม่คิดทะเยอทะยานจะเรียกร้องสิิทธิอันเลื่อนลอยจากเขามากไปกว่าที่เคยได้
ดังนั้นเขากับเธอจึงมิได้สูญเสียสิ่งใดให้แก่กัน
เมียของเขากับลูกที่น่ารักต่างก็มีความสุขกันมาตลอด
สายรุ้งเคยพบลูกกับเมียของเขาในบางครั้งและเธอก็บอกตัวเองทันทีที่พบคนทั้งสอง
เจ้าหนูน้อยผิวคล้ำคล้ายพ่อไม่มีผิด
ไม่เห็นเหมือนแม่สักนิดบางครั้งดูจะเหมือนเธอไปด้วยซ้ำ...เมื่อสายรุ้งพบเด็กน้อยคราใด
เธออดมองใบหน้าเยาว์วัยและดวงตาสว่างไสวนั้นมิได้ทุกครั้ง
ช่างคมวาวไม่ผิดนัยน์ตาคนเป็นพ่อปากนัยน์ตาคนเป็นพ่อปากน้อยๆน่ารัักมักยิ้มร่าอวดฟันขาวเมื่อพบเห็น....ตะโกนเรียกป้า....ป้า....
สายรุ้งอ้าแขนขอโอบกอด เจ้าหนูก็ยินยอมให้เธอกอดและหอมแก้มโดยดี
กลิ่นแก้มและเคราสะอาดของคนเป็นพ่อ เมียของเขาก็โอบอ้อมอารี
กระันั้นฝันรักของสายรุ้งก็ยังมีเลิกราหรือบิดเบน
เธอยังแอบลอบมองเขาพร้อมกับฝันให้ครอบครัวของเขามีความสุข....หากลูกเมียและเขาประสบความเดือดร้อนขึ้นเมื่อใดสายรุ้งก็ถือเป็นหน้าที่อย่างเคร่งครัดที่จะต้องเข้าช่วยเหลือ |
Miraculously (of
miracles do happen in life), everything had worked out perfectly. He was married,
happily it seemed; and then, the children came. He was busy, but he came to Sai-roong regularly, if not quite as frequently as before. She was
satisfied. After all, she had never meant to be greedy.
No one lost anything. His wife and his sweet children were
obviously content. Sai-roong saw them nearly every day. The children
were darkly handsome, like their father, which was not surprising. The surprising
thing - infact, the truly amazing thing about them, Sai-roong gradually discovered - was
their unmistable resemblance to herself.
She continued to observe him from a distance, but she became
quite bright eyes and fresh faces, their adorable smiling mouths, the white teeth that
showed when they cried out to her - "Auntie! Auntie!" She would hold out
her arms to them, and they would run to her - yes, they loved her! They let her hold
them fast - his children - let her press her face to theirs. At those times,
the fragrant baby powder that clung to their tender cheeks would cause a sharp pang in her
breast, recalling the clean scent of their father's face on some recent night.
His wife was always friendly and pleasant.
Really, there was no reason at all for the dreams to
change, much less cease. Should he and his family ever fall upon hard times, she
would consider it her moral duty to do everything in her power to aid and assist them.
|
กาลเวลาใส่ปีก....แต่สายรุ้งก็มิได้ขาดหายจากสิ่งอันเป็นพลังลึกลับที่ส่งแรงสนับสนุนในฝันให้เธอตลอดมา
เบื้องหลังผลงานสำคัญต่างๆที่สำเร็จลุล่วงผ่านไป
ก็คงเพราะมีเขาเป็นกำลังใจสำคัญ รวมทั้งผลงานชิ้นนี้ด้วย
|
It was quite the ususal thing in her
dreams, for Sai-roong to sprout wings; she had always been able to do it. But now
she realized that the force that propelled her flights through the sky came fom within,
from her love for him. Truly, this love had enabled her to overcome many
difficulties in her life and to achieve her most important ambitions. |
หลายปีล่วงผ่านมา
สายรุ้งก็ยังเป็น "คุณสายรุ้ง" ของบรรดาเพื่อนบ้านละแวกชานเมืองแห่งนั้น
ซึ่งมักจะพูดถึงเธอลับหลังทำนองว่า |
Years passed. Sai-roong
remained a person who was respected throughout the neighborhood.
|
"แกเป็นคนเงียบๆใจดี
ท่าทางดูกระฉับกระเฉง ทั้งๆที่อายุมากแล้ว....ขยันทำงานพอๆกันทั้งผัวทั้งเมีย" |
"Khun Sai-roong? A quiet
lady," people would say, "but a good-hearted one. It is
wonderful how efficiently she does everything, even now that she is getting on.
A good worker, Khun Sai-roong. And the husband, too." |
จนป่านนี้
สายรุ้งก็ยังไม่กล้ามองหน้าชายในฝันของเธออย่างชัดเจน
เธออยากปล่อยให้เขาเป็นเพียงภาพเลือนๆที่ลอยอยู่ไกลๆแต่ทว่าเข้ามาใกล้เธอได้ทุกเมื่อ....เมื่อต้องการ |
To this day, Sai-roong has never looked directly into the eyes of the man next door. She prefers
not to, lest his image becomes too clear. She likes him just the way he is: a little
burred, a little distant, a mystery, a dream of love.
And after all, any time she wants him to come a little closer. .
.there he is. |