เมืองหลวง (The Capital)

วาณิช จรุงกิจอนันต์ (Wanich Jarungkidanan)

        

vanich.gif (8908 bytes)      

 


 

เมืองหลวง

 

The Capital

 

soundbutton.gif (1343 bytes) ก็ผ่านไปอีกวันผมคิดขณะเก็บของบนโต๊ะเดินออกจากที่ทำงาน ตรงดิ่งไปที่ป้ายรถเมล์ ผมอ่อนเพลียละเหี่ยใจเกินกว่าจะเดินทอดน่องมองบรรยากาศรอบๆตัวไม่มีอะไรน่าสนใจให้มองอยู่แล้ว มันก็เหมือนกันทุกวันเวลาเลิกงานมีแต่ผู้คนพลุกพล่านไปมาสีหน้าบอกบุญไม่รับกันทั้งนั้น

Another day gone. .  . . .I mused as I cleared my desk, walked out of the office and headed for the bus-stop.  I was much too exhausted to direct my attention to anything around me.  There was nothing interesting to look at anyway.  It was always the same every day at rush hour; crowds of people -- a sea of indifferent faces.

 

 

soundbutton.gif (1343 bytes) ผมชะงักนิดหนึ่งตรงบริเวณก่อสร้างตึกแถวแห่งใหม่ มีก้อนหินขนาดไม่เล็กนักก้อนหนึ่งหล่นมาตรงหน้าผม ถ้าผมเดินเร็วกว่านี้อีกนิดเดียว มันก็อาจจะหล่นมาลงบนหัวผม หินก้อนแค่นี้คงจะแค่โนไม่ถึงแตก ผมแหงนหน้ามองขึ้นไปเห็นคนงานกำลังทำงานกันวุ่นวายอยู่ไม่มีใครสนใจว่ามีก้อนหินก้อนหนึ่งเพิ่งจะหล่นเฉียดหัวผมไป      I stopped for a moment at a construction site of a new row of shophouses -- a rather large stone had just fallen at my feet.   Had I been walking a trifle faster, it would have fallen on my head.   A stone this size would merely have caused a lump; no real harm.  I looked up and saw the workers deeply involved in their work, noone having noticed that a stone had just narrowly missed my head.

 

 

soundbutton.gif (1343 bytes) ลมฝนทำท่าจะมาฟ้ามืดครึ้ม ผมเร่งเท้าขึ้นอีก อยากจะกลับถึงที่พักก่อนฝนตกแต่คงไม่มีทาง เอาแค่ขึ้นรถเมล์ไ้ด้ก่อนฝนตกก็ดีแล้ว      A wind brought signs of rain; the sky darkened.  I quickened my pace, wanting to be at the lodgings before the rain, but it seems impossible.  It would be good enough if I could only get on the bus before it poured.
soundbutton.gif (1343 bytes) ผู้คนแน่นขนัดที่ป้ายรถเมล์เหมือนเคยไม่มีใครเอาใจใส่ใครที่มาเป็นกลุ่มก็ยืนคุยกันพลางมองรถเมล์ที่วิ่งมาเข้าป้ายไปพลาง ที่มาคนเดียวแบบผมก็ยืนมองทางที่รถเมล์จะวิ่งมาอย่างเอาใจใส่ ผมนึกภาวนาในใจให้รถเมล์คันที่ผมจะขึ้นว่างสักหน่อย      The bus-stop was crowded as usual.   Noone paid any attention to anyone else.  Those with friends chatted with each other while watching the buses that arrived.  Those who were alone like me attentively watched for their buses.  I prayed that my bus would not be too crowded

 

soundbutton.gif (1343 bytes) ก็ภาวนาไปอย่างนั้นแหละดีกว่าอยู่เปล่าๆแน่ะ....แน่นขนัดยัดทะนานมาทีเดียว      Well, I knew it's not possible, but I prayed anyway, better than doing nothing.  Here it came. . .packed like a can of sardines.
soundbutton.gif (1343 bytes) ผมเบียดขึ้นไป ขาข้างหนึ่งยืนได้บนบันได มือหนึ่งหนีบหนังสือไว้กับอก อีกมือหนึ่งโหนขอบประตูไว้ ผมนึกในใจว่าโชคดีที่ขึ้นรถได้ก่อนฝนจะหล่นลงมา      I pushed my way up, one foot on the steps, one hand holding my books close to my chest, the other hand clinging to the door frame.  I felt lucky to be on the bus before it rained.

 

soundbutton.gif (1343 bytes) รถเมล์เคลื่อนตะกุกตะกักไปเพราะเป็นช่วงเข้าวงเวียน รถนานาชนิดต่างแย่งกันที่จะจ่อหัวเข้าไปในวงเวียนเพื่อจะไปได้ก่อน จ่อกันไปจ่อกันมา รถเก๋งกับรถแท๊กซี่ก็เลยจ่อเข้าไปเกยกับรถยิ่งติดกันนุงนังเพราะไม่มีใครยอมใคร รถเมล์คันที่ผมโหนกระเสือกกระสนพ้นวงเวียนมาได้ทิ้งความอลเวงไว้ข้างหลังมาติดเหนอะอยู่นิ่งๆอีกทีที่สี่แยกไฟแดง      The bus jerked its way along into the circle.  Vehicles of every kind converged upon one another to get into the circle first, and eventually a sedan and a taxi collided in their haste, making the traffic even worse, as neither would give in.  My bus managed to fight its way past the circle, leaving the confusion behind, only to come to a standstill at the traffic lights.    

 

soundbutton.gif (1343 bytes) รถติดอยู่นานเสียจนผมต้องลงมายืนบนพื้นถนน เพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้า ก็รถจะไปได้ยังไงในเมื่อมันติดไขว้ไปมาสับสนไปหมด ไฟเขียวแดงอะไรไม่มีความหมายเพราะรถที่ได้ไฟเขียวก็ไปไม่ได้ มีรถติดคาอยู่กลางสี่แยกเป็นแพ รถที่ได้ไฟเขียวนั้นแทนที่จะอยู่นิ่งก่อน รอให้รถกลางสี่แยกออกได้ไปให้พ้นๆก็ไม่ยอม ต่างคนต่างก็กระดืบเคลื่อนไปจ่อคาไว้ กะว่าเมื่อไหร่ที่คันข้างหน้า หน้าตัวพ้นไปก็จะได้ตาม ไฟเขียวได้ประเดี๋ยวเดียวก็กลายเป็นไฟแดง ทางฝ่ายไฟแดงเมื่อครู่นี้ก็กลับเป็นได้ไฟเขียวขึ้นมาก็ปฏิบัติในทำนองเดียวกันคือคลานกระดืบขึ้นมาจ่อคาไว้       With such an endless pause, I had to get off the bus and stand on the street to relax my muscles.  How could the cars move through such a mess?   The traffic lights were useless as the cars could not go through the green light because of cars stuck in the middle of the junction.  Instead of letting those in the middle go first, others tried to nose their ways into the already jammed intersection, waiting for the moment when the car in front would move forward so that they could follow suit.  Green light, red light, red light, green light; each still trying to inch its way past.

 

 

soundbutton.gif (1343 bytes)  กว่าตำรวจจราจรจะมายักย้ายโบกห้ามโบกให้ไปได้ รถที่ติดคาอยู่กลางสี่แยกนั่น ก็ดูจะทอดอาลัยไปตามๆกันรวมเวลาที่ติดนิ่งอยู่เฉยๆอยู่ที่สี่แยกนี่เกือบครึ่งชั่วโมง ผมน่ะอยากจะนอนบนพื้นถนนตรงที่รถติดนั่นเสียเลย เพราะปั้วเปี้ยอ่อนเพลียเต็มที      By the time the policeman came to conduct the traffic flow, the cars in the middle had lost hope, having been at a standstill for almost half an hour.   I felt like flopping down on the street from exhaustion.

 

 

soundbutton.gif (1343 bytes) พอรถเคลื่อนไปได้ฝนก็เริ่มลงเม็ดบางๆรถเมล์เคลื่อนเข้าฝ้ายประตูที่ผมโหนอยู่มีคนลงคนเดียวแต่มีคนรอจะขึ้นอยู่เป็นสิบๆคนดังนั้นกว่าคนที่ต้องการลงจะพาร่างพ้นตัวรถได้จึงออกจะทุลักทุเล เพราะคนที่รอจะขึ้นไม่ยอมหลีกทาง ต่่างเบียดเสียดยัดเยียดจุกเข้าไปที่ประตู      As the bus inched forward, it began to drizzle.  We came to a bus-stop; one passanger got off, with dozens of people waiting to get on.  The person getting off had a difficult time taking himself out the door because the people waiting would not make way for him and had jammed the entrance completely.

 

soundbutton.gif (1343 bytes) รวมทั้งผมด้วย ผมไม่ยอมปล่อยมือจากขอบประตูตีนข้างหนึ่งพักไว้บนบันไดผมไม่ต้องการจะพลาดรถแล้วลงมาติดฝนตามชายคาตึก ขณะที่ยังเบียดเสียดแย่งกันขึ้นอยู่นั้น โชเฟอร์ก็ออกรถ ผู้คนที่เบียดจุกกันอยู่ที่ประตูเบียดกันเองและโดนรถเบียดซวนเซไปหลายคน ผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งถึงกับล้มลง ผมเองต้องกระโดดด้วยขาข้างเดียวเขย่งวิ่งตามรถอีกสามสี่หน กว่าจะเหนี่ยวตัวขึ้นมายืนบนบันได้ได้      Including myself!   I would not let go of the door frame, putting one foot on the steps.  I didn't want to lose my place on the bus and get stuck in the rain under some window ledge.  As the people were still in the process of loading and unloading themselves, the bus driver took off, making all those squashed at the door lose their balance, and causing a middle-aged woman to fall down.   I had to hop on one leg a few times after the bus before I could pull myself backup on the bottom step.
soundbutton.gif (1343 bytes) ไม่ไหวแล้ว แขนผมล้าเต็มที ผมพยายามอัดตัวเองเข้าไปในตัวรถเบียดจนขึ้นมายืนบนบันได้ขั้นที่สองได้ฝนเริ่มลงเม็ดหนาขึ้น อากาศในรถร้อนระอุเพราะหน้าต่างทุกบานปืดหมด ผมรู้สึกถึงความเหนียวหนับของทุกส่วน บนผิวหนังของตัวเองพยายามใช้ไหล่ปาดเหงื่อที่ไหลมาคันยุบยิบอยู่ข้างแก้ม      It was getting too much for me; my arms were like jelly.  I tried to push my way on to the bus, and succeeded in getting to the second step.  The rain was coming down harder; the bus was very stuffy because all the windows were closed.  Every inch of my skin felt sticky, and I tried to wipe the sweat trickling down my cheeks with my shoulders
soundbutton.gif (1343 bytes)รถเมล์เข้าป้ายอีกทีหนึ่งมีคนลงสองสามคน ความที่ฝนลงเม็ดหนาจึงไม่มีคนมาเบียดรอขึ้นแน่นที่ประตู ผมเบียดตัวเองขึ้นไปยืนข้างบนได้้และพยายามแทรกตัวไปทา่งด้านหลังรถซึ่งมีอากาศให้หายใจมากกว่า ผู้โดยสารที่โดนเบียดท่าทางไม่ค่อยพอใจแต่ผมไม่สนใจ เขามีสิทธิ์จะไม่พอใจได้ ผมรู้สึกเหมือนจะเป็นลมด้วยความร้อน และความอับอากาศหายใจ กลิ่นเหงื่อไคลของใครต่อใครรอบๆตัวยิ่งทำให้วิงเ้วียน      Another bus-stop; a few people got off.   As the rain was getting quite heavy, there were no people crowding at the door.   I edged my way into the bus and tried to move towards the back where there was some breathing space.  The passengers I nudged past seemed quite annoyed, but I didn't care.  They had the right to feel annoyed, though.  I felt like fainting because of the heat and the lack of air.  The smell of sweat from all around made me feel dizzier.

 

 

soundbutton.gif (1343 bytes) ผมรู้สึกหิวข้าว รถติดมากแทบจะเคลื่อนไปไม่ได้เลย ฝนตกกระหน่ำอย่างหนัก      I was hungry.  The traffic was so bad that the cars could hardly move.  The rain was pouring down heavily.
soundbutton.gif (1343 bytes) ผมหลับตาอย่างเหนื่อยอ่อนพักหน้าตัวเองไว้บนท่อนแขนข้างที่โหนราวอยู่ ทำไมผมต้องมาลำบากลำบนอะไรอย่างนี้อยู่ในกรุงเทพก็ไม่รู้ ผมน่าจะออกไปอยู่ต่างจังหวัด ผมน่าจะอยู่ที่บ้านต่างจังหวัด ตกปลาหาหอยเลี้ยงชีพไปวันๆ      I closed my eyes wearily, and rested my face on my arm which was hanging onto the railing.  Why I had to stay and suffer like this in Bangkok I didn't know.  I should have lived in the countryside; I should have been living at home in the countryside, earning my living from day to day.
soundbutton.gif (1343 bytes) ผมอ่อนเพลียมากทีเดียววันนี้เพราะโดนนายใช้ไปธุระหลายแห่งแทบจะขาดใจตาย ตอนที่รอข้ามทางม้าลายตรงสี่แยกราชประสงค์ผมยืนอยู่กลางเกาะโดนควันจากท่อไอเสียรถยนต์ที่เร่งเครื่องผ่านไปมาเสียจนแทบกระอัก พยายามกลั้นใจไม่หายใจเอาควันพิษนั้นเข้าไป แต่กลั้นใจได้อึดเดียวก็ต้องผ่อนลมหายใจออก พอหายใจครั้งใหม่เข้าไปควันจากท่อไอเสียนี้ไม่มีอ๊อกซิเยนเอาเลย พอหายใจเข้าไปขณะที่ร่างกายกำลังต้องการอ๊อกซิเยนพอ ผมก็สำลัก หูอื้อ หน้ามืด      I was really exhasted today, running around town on errands for my boss.  I nearly lost my senses while crossing the road at the Rajprasong intersection.  I was standing on the island in the middle of the road, being gassed by the exhaust pipes from the cars accelerating past.  I tried to hold my breath so as not to inhale the poisonous gases, but soon had to slowly exhale, only to breathe in a lungful of fumes belched into my face.  I discovered that exhausting  fumes contain no oxygen at all.  In my asphyxiated condition, I choked, my ears blocked, and I felt fainted.

 

 

soundbutton.gif (1343 bytes) ผมอยากกลับบ้านต่างจังหวัดจริงๆอยากกลับมากแต่ผมไม่รู้จะกลับไปทำอะไร ไม่มีงานอะไรให้ทำ แค่ตกปลาหาหอยอย่างว่าน่ะ ไม่ทำให้ผมมีชีวิตอยู่ได้หรอก ถึงยังไงก็ต้องมีเงินซื้อขาวจะไปรับจ้างแบกหามเป็นจับกังโรงสีก็ไม่ไหว แบกอะไรกับเขาไม่ไหว      I really wanted to go back home upcountry, very, very much.  But I didn't know what I could do.  There was no work there, except for various odd jobs.  I could not survive on that.  I needed money to buy food, but working as a coolie in a rice mill was out of question.   I couldn't possibly lift such heavy loads.

 

soundbutton.gif (1343 bytes) รถเมล์เคลื่อนไปได้อีกหน่อย ฝนยังตกและน้ำตามถนนก็เริ่มเจิ่ง รถยิ่งติดหนักเพราะเริ่มมีรถเสีย      The bus made another lurch forward; it was still raining, and the streets were beginning to flood.  The traffic got worse because some cars broke down.
soundbutton.gif (1343 bytes) อากาศในรถอ้าวจนบอกไม่ถูก ทุกคนในรถที่ผมมองเห็นต่างกระสับกระส่าย รถติดอยู่นาน อากาศก็ร้อนอ้าว ความจริงความเย็นของน้ำฝนน่าจะช่วยได้บ้าง แต่ความที่รถแน่นมาก หน้าต่างทุกบานปิดหมด ไอตัวของผู้โดยสารก็เลยอบอยู่ในรถ ยิ่งรถติดก็บยิ่งอบ ร้อนจนผมคิดว่าผมกำลังจะเป็นบ้า      It was indescribably stuffy in the bus.   Everyone in sight seemed restless.  The traffic jam was endless, and it was so hot.  Actually, the rain should have helped to relieve the heat, but since the bus was so crowded and all the windows were closed, all the passengers baked together in the bus.  The longer the bus stood still, the worse it became.  It was so hot that I thought I was going crazy.
soundbutton.gif (1343 bytes)  ขาของผมเมื่อยและผมรู้สึกอยากนั่งเต็มที ไม่มีใครมีทีท่าว่าจะลุกขึ้น เด็กสองคนมากับแม่อยู่ตอนกลางของรถก็ยืนเกาะพนักเก้าอี้อยู่ ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงนั้นไม่ได้คิดจะลุกให้ ผมไม่โทษเขาหรอกผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าถ้าผมได้นั่งตอนนี้ ผมจะลุกให้ใครหรือเปล่า      My legs were weary, and I wanted to sit down.  No one showed any sign of getting up.  Two little boys with their mother in the middle of the bus had to stand clinging to the back of the seat.  The man in the seat showed no sign of letting them sit down. I didn't blame him; I wasn't sure whether I would get up for anyone were I to have a seat at this moment.

 

soundbutton.gif (1343 bytes) ผมพยายามเบียดไปจนได้ยืนอยู่หลังสุดหันหน้าไปทางหลังรถเพื่อจะได้หายใจสะดวกขึ้น
soundbutton.gif (1343 bytes) นับเวลาจากที่ผมขึ้นรถเมล์คันนี้มาก็ชั่วโมงหนึ่งแล้ว ระยะทางยังอีกไกลเหลือเกินกว่าผมจะถึงที่พัก ผมหลับตาอย่างอ่อนระโหย ถอนใจเหนื่อยหน่ายท้อแท้
     I inched my way along until I reached the very back, and stood facing the back of the bus so that I could breathe.  I had already been on this bus for an hour, and there was still a long way to go before I reached my destination.  I closed my eyes wearily, and sighed hopelessly.

 

soundbutton.gif (1343 bytes) เวลาอย่างนี้แหละที่ผมอยากกลับบ้านต่างจังหวัดและผมไม่เข้าใจว่าทำไมผู้นถึงได้ยัดเยียดกันอยู่ในกรุงเทพ เพัียงแต่ผมเลือกได้ ผมจะไม่อยู่เมืองใหญ่ที่เลวร้ายอย่างนี้ แต่นั่นแหละคงจะมีใครๆอีกเป็นหมื่นเป็นแสนที่คิดอย่างเดียวกับผมเพียงแต่ว่าเขาจะเลือกได้      At times like this, I wanted to go back home upcountry, and I couldn't understand why everyone had to crowd into Bangkok.  If only I had a choice, I wouldn't stay in this dreadful city.  But then there must be hundreds of thousands of other people who had the same idea and, like me, would have returned home if they had had the choice.
soundbutton.gif (1343 bytes) รถเมล์กระเสือกกระสนไปถึงป้ายอีกป้ายหนึ่งว่าที่จริงมันก็ถึงมาตั้งนานแล้วละเพียงแต่ว่าไม่มีใครรู้เท่านั้นเอง จนกระทั่งโชเฟอร์ขยับรถไปได้อีกครั้งและกระเป๋าตะโกนถามหาคนลง      The bus continued its painful journey to another stop.  Actually, it had arrived quite a while ago, but no one had noticed until the bus driver startd to move off, and the conductor called out to ask if anyone was getting off.
soundbutton.gif (1343 bytes) ผู้ชายที่นั่งอยู่หลังสุดขยับตัวเนื่องจากผมหันหน้าไปทางหลังรถผมจึงสังเกตเห็นก่อนใครผมนึกขอบคุณ เขาอยู่ในใจขณะที่เขาลุกขึ้นอย่างลำบากเพราะไม่มีที่ว่างพอที่จะให้เขาทรงตัวขึ้นได้ง่าย เขาต้องเท้าพื้นเก้าอี้ไว้ด้วยมือข้างหนึ่งและใช้อีกมือหนึ่งขึ้นไปคว้าราวไว้      A man right at the back moved.   Since I was facing the back, I saw him before anyone else.  I thanked him silently while he was struggling to get up as there was no room for him to stand upright easily.  He had to hold on to the back of the seat with one hand while reaching for the rail with the other.

 

soundbutton.gif (1343 bytes) ผมแยงขาเข้าไปจองที่ไว้ก่อนเพราะมีใครแถวนั้นอีกสองสามคนที่ขยับตัวและทำท่าจะเข้ามานั่ง ผมรู้สึกเสียใจแทนสองสามคนนั่น แต่ขออภัยเถิดขอผมนั่งก่อนเถิด ผมไม่ไหวแล้ว ผมกำัลังจะเป็นลมด้วยความเมื่อย ความเหนื่อยและความหิวบวกกับความอ่อนเพลีย      I stuck my foot out to take the seat because a few others had moved with the same intention.  I felt sorry for them, but then again, I did need to sit down.   I've had enough.  I felt ready to faint from weariness, hunger and exhaustion.

 

 

soundbutton.gif (1343 bytes) ผมนั่งลง หงายหน้าไปจนต้นคอพาดกับพนักเบาะตั้งใจว่าจะหลับแต่หลับไม่ลง มันร้อนเหงื่อซึมจนชุ่มเสื้อและรู้สึกเหนอะหนะตามขาเพราะอบอยู่ในกางเกงยีนหนา      I sat down and leaned back against the seat, intending to sleep but couldn't.  It was so hot that I was sweating profusely and my legs felt sticky in my thick jeans.
 soundbutton.gif (1343 bytes)  เมื่อหลับไม่ได้ผมจึงนั่งตัวตรงวางหนังสือไว้บนตัก หลับตาภาวนาให้รถเคลื่อนที่ไปได้เร็วๆ ความอึดอัดจากความร้อนและกลิ่นเหงื่อไคลนั้นเหลือจะบรรยาย ผมรู้สึกตัวเองเป็นเหมือนนักโทษที่โดนเขาจับยัดมาในรถ เพื่อพาไปยังสถานที่แห่งหนึ่งแห่งไหนก็ไม่รู้ แต่คงจะไม่ใช่ที่ดีนักหรอก      Since I couldn't sleeep, I sat upright, put my books on my lap, closed my eyes and wished that the bus would get a move on quickly.  The suffocation from the heat and the sweat was indescribable.  I felt like a prisoner being packed into the bus and transferred to some unknown  and most likely undesirable destination.

 

soundbutton.gif (1343 bytes) โอย....ผมครางอยู่ในใจ รถเมล์เคลื่อนไปได้อีกพักหนึ่งแล้วก็ติด      I whimpered silently.  The bus moved another inch and stopped.
soundbutton.gif (1343 bytes) คนที่นั่งเก้าอี้หลังสุดตัวเดียวกับผมมีเจ็ดคน ผมสังเกตดูหน้าตาแต่ละคนแล้วคิดว่าคงไม่มีใครมีความรู้สึกต่างจากผม ผมนั่งเป็นคนที่สามนับจากด้านติดประตู คนที่นั่งริมสุดด้านนั้นเป็นผู้ชายหน้าตาท่าทางเซ่อๆบอกว่ามาจากบ้านนอก อาจจะมากรุงเทพได้ไม่นาน คงจะเป็นพวกอีสาน หน้าตาเขามีเค้าให้เดาเช่นนั้นได้ เขาปลดกระดุมเสื้อออกมาสามเม็ด เห็นอกเป็นแผง เหงื่อจับเป็นมันทีเดียว ท่าทางเขาล่ำสันดี น่ากลัวจะเข้ามาทำงานก่อสร้าง ผมคิดเรื่อยเปื่อยอย่างไม่รู้จะทำอะไรดี       There were seven passengers on the back seat with me.  I studied their faces and saw that they all felt the same as I.   I  was the third from the door.  The first one was a man, with a blank look on his face that reflected his upcountry background -- probably new to Bangkok.   From his face, I guessed he may be from the Northeast.  He unbuttoned his shirt, revealing his chest which glistened with sweat.  He was quite sturdy and well-built. . . a construction worker, I aimlessly thought with nothing better to do.

 

 

soundbutton.gif (1343 bytes) คนถัดมานั่งติดกับผมเป็นผู้ชายเหมือนกันหน้าตาท่าทางคล้ายๆผม น่าจะทำงานบริษัทเป็นพนักงานชั้นผู้น้อยเหมือนผม คนที่นั่งเลยผมไปเป็นหญิงนุ่งผ้าซิ่น อาจจะเป็นแม่ค้าถัดจากผู้หญิงนุ่งซิ่นเป็นผู้หญิงอีกคนหนึ่งยังสาวอยู่ คงจะทำงานบริษัทเหมือนกัน เครื่องแต่งตัวของเธอสีม่วงทั้งชุด อาจจะเป็นพวกทำงานตามห้างสรรพสินค้าหรือไม่ก็พวกขายของตามร้าน      The person next to me was also a man.   He looked obviously like a low-ranking office worker like me.  On my right was a woman in a sarong, possibly a vendor.  Next was a young woman, probably an office girl.  She was dressed in a purple uniform, may be a department store salesperson or a shopkeeper.

 

 

soundbutton.gif (1343 bytes) คนถัดไปเป็นผู้ชาย สวมเสื้อยืด ผมเดาไม่ออกว่าเขาควรจะทำงานอะไร คนนริมสุดถัดไป คงจะเป็นนักศึกษา เป็นผู้ชายแ่ต่งตัวคล้ายนักศึกษา      Next was a man in a T-shirt.  I couldn't decide what to make of him.  At the end of the row was a student, a young man dressed like a university student.
soundbutton.gif (1343 bytes) ผมนั่งมองพวกเขาผ่านๆแล้วกลับมานั่งหลับตาต่อ รถมาติดอยู่เฉยๆที่สี่แยกอีกแห่งหนึ่ง จอดนิ่งและนาน เพราะมีรถตายอยู่กลางสี่แยก ฝนซาเม็ดลงบ้าง ผมมองออกนอกหน้าต่าง เห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังเข็นรถ แต่ก็เข็นไปไหนไม่ได้ เพราะรอบๆรถของเขามีรถติดกันอยู่เต็มไปหมด ถ้าเขาเข็นไป ดีไม่ดีอาจจะไปกระแทกเอากับรถที่ติดๆกันอยู่ที่นั่นก็ได้      I glanced past them, then closed my eyes.   The bus had come to yet another standstill at an intersection because a car had broken down.  The rain was letting up.  I looked out of the window and saw a man pushing a car.  He was getting nowhere because cars were blocking him in every direction, and he didn't want to bump into any of them.

 

 

soundbutton.gif (1343 bytes) น่าเห็นใจเขาอยู่เหมือนกันร่างเขาโชกชุ่มไปด้วยน้ำฝน คนบนรถเมล์คันที่ผมนั่งมองอยู่ด้วยสีหน้าที่ปราศจากความรู้สึก อาจจะมีนึกสมน้ำหน้าอยู่ในใจบ้าง      He was a sorry sight -- drenched with rain.  The people on the bus looked at him indifferently; some might even think that he deserved it.
soundbutton.gif (1343 bytes) คงจะมีแหละน่า เป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่หรือ      It was possible, and only natural,   wouldn't you agree?
soundbutton.gif (1343 bytes) นี่ผมจะต้องนั่้งทรมานอยู่อย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหน ผมอยู่บนรถเมล์นรกคันนี้มาเกือบสองชั่วโมงแล้ว มันร้อน ความร้อนอบอ้าวในรถไม่ได้เบาบางลงเลย ผมรู้สึกคันยุบยิบไปทั้งตัวส่ายหน้าเป่าลมรดหน้าอกตัวเองอย่างท้อแท้      How much longer did I have to sit here suffering like this?  It had been almost two hours on this hell of a bus.  It was hot; the suffocating heat had not eased at all.  I felt itchy all over and shook my head, blowing onto my chest futilely.

 

soundbutton.gif (1343 bytes) ไม่มีใครบนรถพูดจากันเลย คนที่ยืนๆกันอยู่ข้างหน้าผม แน่นไปหมดนั้น ต่างยืนกันนิ่งๆ บางคนก้มหน้า บางคนมองตรงๆไปข้างหน้าอย่างไม่มีจุดหมาย บางคนมองไปที่พื้นถนน อันนองไปด้วยน้ำ ผมรู้ทีเดียวว่าทุกคนกำลังใช้ความอดกลั้นอดทนคิดดูแล้ว ความอดทนของมนุษย์นี้ช่างสูงไม่ใช่เล่น จนอยู่ในภาวะที่ทารุณอย่างนี้ ก็ไม่มีใครเอ่ยปากบ่น ไม่มีใครพูด ไม่มีใครมีทีท่าว่าจะลงจากรถไปให้พ้นๆ      No one on the bus spoke at all.  Each of those squeezing in front of me were standing silently, some looking down, some looking aimlessly in front of them, and some looking at the flooded road.  I knew that everyone's patience was being tried.  How great is man's limit of endurance!  Even under such tormenting conditions like this, not a soul complained.  No one said a word; noone showed any sign of leaving the bus.

 

soundbutton.gif (1343 bytes) ถ้ารถคันนี้เป็นรถบรรทุกนักโทษจริงๆก็ดีขออย่างเดียวให้มันวิ่งพาผมออกไปนอกเมือง ไปที่ไหนก็ได้ขอให้ไปนอกเมืองที่ซึ่งรถไม่ติดอย่างนี้ ที่ซึ่งมีลมเย็นพัดผ่านได้ที่ซึ่งไม่ต้องปิดหน้าต่างรถทุกบานจนร้อนอ้าวอบจนเจียนร่างกายละลายเหลวอย่างนี้    If only this bus were really a truckload of prisoners. . .  just carry me out of the city, anywhere away from the city, where there were no traffic jams, where the wind could blow, where we didn't have to close all the bus windows until our bodies were ready to melt away like this.
soundbutton.gif (1343 bytes) ผมรู้สึกว่าผมกำลังจะหมดความอดทน ผมได้นั่งก็นับว่าดีกว่าคนอีกครึ่งบนรถคันนี้แล้ว แต่ความร้อนอบนั้นกำลังจะทำให้ผมเป็นบ้า      I was coming to the end of my tether.   With a seat, I was better off than half the other passengers, but the suffocating heat was driving me crazy.
soundbutton.gif (1343 bytes)  ผมคิดถึงบ้านเกิดที่ต่างจังหวัดคิดถึงแฟนผม เพียงแต่ผมมีเงินสักก้อนไม่ต้องใหญ่มากแล้วก็มีงานทำที่แถวบ้าน ผมก็คงไม่ต้องมานั่งทรมานทรกรรมเหมือนอย่างนี้ผมคงแต่งงานกับแฟนผมได้      I thought of my hometown upcountry, of my girlfriend.  If only I had had a sum of money, just a small sum, and a job near home, I wouldn't have been submitting myself to this torture.  I would have got married with my girlfriend.
soundbutton.gif (1343 bytes) ทำไมผู้คนบนรถเมล์ถึงได้นั่งเป็นเบื้อเหมือนเป็นใบ้กันหมดอย่างนี้รวมทั้งตัวผม ทำไมไม่มีใครพูดจากันบ้าง คุยอะไรสนุกๆเล่่าสู่กันฟังแทนที่จะนั่งนิ่งๆทรมานอย่างนี้ เม็ดฝนยังคงโปรยอยู่บางๆแต่ความร้อนในรถเมล์มิได้บรรเทาลง....ร้องเพลงไงล่ะ ทำไมไม่มีใครร้องเพลงขึ้นมา ทำเป็นว่ารถคันนี้เป็นรถทัศนาจรไปต่างจังหวัด ร้องเพลงกันซี ร้องซี นั้งเป็นใบ้เหมือนคนบ้ากันอยู่ทำไมมีประโยชน์อะไรที่จะมานั่งทรมานนิ่งๆอย่างนี้ ร้องเพลงกันซี Why did they all sit here like zombies?   Including me!  Why didn't anybody talk?  Say something fun  instead of silently suffering like this.  It was still drizzling, but the heat in the bus had not lessened. . .Sing!  Why doesn't somebody sing?  Pretend that we were on a coach on a journey upcountry.  Sing! Sing! Why do you all sit there like dumbbells?   What's the use of suffering silently like this?  Sing!
soundbutton.gif (1343 bytes) ไม่มีใครร้องเพลงขึ้นมาเหมือนที่ผมอยากให้มี เพลงลูกทุ่ง ร้องเพลงลูกทุ่ง เพลงอะไรก็ได้ เอาเพลงเร็วๆก็ได้ ช้าๆก็ได้ ขอให้ร้องแล้วกัน ผนตกรถติด ของสุรชัยไงเร้ว...ใครก็ได้ร้องเพลงหน่อย เอ้าน้ำท่วมก็ได้ น้ำท่วมน้องว่าดีกว่าฝนแล้ง พี่ว่าน้ำแห้งให้ฝนแล้งเสียยังดีกว่า....ของศรคีรีไง ร้องหน่อย ร้องหน่อย ผมจะเป็นลูกคู่      No one sang,on as I wished he would. . .Country songs!  Sing a country song, any song, fast song, slow song.  Just sing!  What about "Raining and the Traffic Jam" by Surachai. . .  Come, sing.   Uh!  What about "Flooding" ? "You said flood was better than drought.  But I think drought is better. . ." by Sornkheeree.  Sing!   Sing!  I'll be the chorus.
soundbutton.gif (1343 bytes)  ผมคิดคร่ำครวญอยู่ในใจ รถเคลื่อนไปอีกและติดอีกทีที่สี่แยกนิ่งและนานผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะสลายละลาย หลับตาหายใจยาว ผมคิดว่าผมไม่เหลือความอดทนอยู่้แล้ว ผมควรจะลงจากรถแวะกินก๋วยเตี๋ยวสักชาม แล้วนั่งเล่นในร้านก๋วยเตี๋ยวสักพักให้อาการดีขึ้นแล้วค่อยรอรถคันต่อไป      I went on thinking wistfully to myself.   The bus moved and stopped at another intersection -- a long stop.  I felt myself melting and disintegrating.  I closed my eyes and breathed deeply.  My patience was gone.  I should get off the bus, have a bowl of noodles and bide my time in the shop until I feel better, and then catch another bus.
soundbutton.gif (1343 bytes) ผมอยู่บนรถเมล์นรกโลกันต์คันนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว
....หอมเอยหอมดอกกระถิน
รวยระรินเคล้ากลื่นกองฟาง
เห็ดตับเต่าขึ้นอยู่ริมเถาหญ้านาง
มองเห็นบัวสล้าง ลอยปริ่มริมบึง...
     I couldn't stay on this damned bus any longer.

A sweet smell of a kratin flower,

mingling with the odor of hay,

Tab-tao mushrooms grows by ya-nang vines,

The water-lily blossoms in the pond. . . 
soundbutton.gif (1343 bytes)  มนต์รักลูกทุ่ง เสียงใครหนอใครเปิดวิทยุหรือไรผมชะงักจากการลุกขึ้นนั่งลงอย่างเก่า....เสียงดีีรอ้งเพราะ มนต์รักลูกทุ่ง ไอ้หนุ่มอีสานคนนั้นนั่นเอง ไอ้เพื่อนยากร้องต่อ ร้องต่อผมมองเขายิ่มให้ แต่เขาไม่เห็นสนใจ เขาหลับตามือกุมประสานกันไว้บนตัก เขาร้องเพลงเป็นและเสียงดี ร้องเพราะ  "Mon rahk luke toong"  Who sang the song?  Has someone turned on the radio?   I froze in my premeditated attempt to get up, and remained in my seat. . . Nice voice, sings well.  "Mon rahk luke toong"  It's the northeastern fellow!   Keep singing, my friend, keep singing.  I looked at him, smiled at him, but he didn't pay any attention.  His eyes were closed, his hands clasped on his lap.   He could sing well and he had a beautiful voice.
soundbutton.gif (1343 bytes) อยากจะเด็ดมาดอมหอมหน่อย
ลองเอื้อมมือค่อยๆก็เอื้อมไม่ถึง
อยากจะแปลงร่างเป็นแมลงภู่ผึ้ง
แปลงได้จะบินไปคลึง
เคล้าเจ้าบัวตูมบัวบาน....
. . .I'd like to pick  the water-lily  to savor the smell
I attempted to reach one but couldn't
How I longed to transform into bees
If I could, I would fly
to fondle both the buds and blooms of  water-lilies
soundbutton.gif (1343 bytes) เพราะมาก....ผมกล่าวชมเขาอยู่ในใจ ลืมความเคร่งเครียดจากความร้อนอบเสียสิ้น มีเสียงหัวเราะคิกๆดังมาจากคนที่ยืนเบียดกันอยู่ข้างหน้าผม ผมมองหาว่าเป็นใคร ในใจนึกตำหนิเขา คนที่ส่งเสียงหัวเราะนั้น ทุกคนที่ผมมองเห็น รวมทั้งทุกคนที่นั่งเก้าอี้เดียวกับผม มองดูเจ้าหนุ่มนักร้องคนนั้นเป็นตาเดียว แต่เขาไม่สนใจเลย เขาไม่ลืมตา     Beautiful!  I thought, forgetting all about the strain from the heat.  Someone standing in front giggled.  I looked to see who it was, silently reproaching that person. Everyone I saw, including all on the back seat, stared at the  singer, but he didn't care; his eyes were closed, oblivious to all around him.
soundbutton.gif (1343 bytes) หอมดินเคล้ากลิ่นไอฝน....
โอย...ใจผมลอยเตลิดกลับบ้าน
ต่างจังหวัด ในวูบเดียวที่เขาขึ้นท่อนนีั้
The smell of the earth mingling with the misty rain,

My heart leapt back to my home upcountry as soon as he started this strain.

soundbutton.gif (1343 bytes) อวลระคนหอมแก้มนงคราญ.....
ผมคิดถึงแฟนผม แฟนผมเธอน่ารัก ผมจน ผมไม่มีเงิน ผมแต่งงานกับเธอไม่ได้
Coalescing with the sweet smell of a lass' cheek. . .

I missed my girlfriend.  She was lovely.  I was poor. I had no money.  I couldn't marry her.

soundbutton.gif (1343 bytes) ขลุ่ยเป่าแผ่ว พริ้วผ่านทิวแถวต้นตาล

มนต์รักเพลงชาวบ้านลูกทุ่งแผ่วมา....

นั่นไง...ที่นี่แหละหลังบ้านผมที่ต่างจังหวัด ต้นตาลเป็นทิว ผมเป่าขลุ่ยเป็น ผมเป็นนักร้อง เชียร์รำวงแถวบ้าน

 

The sound of the bamboo flute
Meanders through the row of palm trees,

The magical folk song softly drifting by. . .

That's it. . . Behind my countryside house, there were rows of palm trees.  I could play a bamboo flute; I used to be a singer for a local dance at the neighborhood fairs. 
soundbutton.gif (1343 bytes)ได้คันเบ็ดสักคันพร้อมเหยื่อ

เห็นไหม หาปลาไง ลงเรือไปตกปลา ผมคลอเสียงในคอตามเขาไปอย่างลืมตัว
Just a fishing rod and some bait. . .

See, it's fishing.  Boating out to fish.  I hummed along with him unconsciously.

soundbutton.gif (1343 bytes) มีน้องนางแก้มเรื่อนั่งเคียงตกปลา

เป็นความฝันของผม ฝันที่จะให้แฟนผมลงเรือไปตกปลากับผม ความฝันที่ผมได้แต่ฝัน
With a rosy-cheek lass by my side. . .fishing

A dream!  My dream!  I dreamt to have my girlfriend row a boat to fish with me.  An impossible dream.

 

soundbutton.gif (1343 bytes) ทุ่งรวงทองของเรานี้มีคุณค่า

มนต์รักลูกทุ่งบ้านนา

หวานแว่วแผ่วดังกังวาน.....
Our golden rice-field is priceless,

The magical folk song,

sweet, soft, and echoing. . .
soundbutton.gif (1343 bytes) ผมหลับตา ผมไม่ต้องการได้ยินเสียงหัวเราะคิกๆของใครบนรถนี่เลย ผมไม่ต้องการเห็นสายตาที่มองเหมือนไอ้หนุ่มคนที่กำลังให้ความสุขกับผมนี้เป็นบ้า แต่ผมรู้สึกว่าบรรยากาศบนรถเมล์นี้ดีขึ้น ดีขึ้นอย่างประหลาด ถึงเสียงหัวเราะคิกๆนั้นจะเป็นเสียงที่ผมไม่ต้องการได้ยิน แต่ก็ทำให้บนรถเมล์ที่ร้อนเหมือนนรกโลกันต์นี้มีชีวิตขึ้น      I closed my eyes.  I didn't want to hear someone giggling.  I didn't want to witness the look  as if he were crazy when he was giving such bliss.  But I had a feeling that the atmosphere on the bus was better, strangely better.  Though the giggle was the sound I didn't want to hear, it revived this hellish bus.
soundbutton.gif (1343 bytes)โอ้เจ้าช่อนกยูง แว่วเสียงเพลงมนต์รักลูกทุ่ง

น้ำหอมน้ำปรุงที่แก้มนงคราญ
Oh! my love, the sound of the magical folk song,

The sweet fragrance of your cheeks. . .

soundbutton.gif (1343 bytes) จบแล้วซ้ำท่อนแรกหน่อยเถิด ไอ้เพื่อนยากยังไม่อิ่มเลย อีกเที่ยวเถิดน่า ร้องเลย ไอ้หนุ่มคนนั้น ไอ้เพื่อนยากของผมไม่ร้องต่อ ยังคงนั่งอยู่ท่าเดิมและไม่ลืิมตา ผมปรบมือดังสนั่นอยู่คนเดียว แล้วก็มีเสียงปรบมือจากอีกสองสามคนที่นั่งอยู่แถวเดียวกับผม รวมทั้งผู้หญิงนุ่งผ้าถุงที่นั่งติดกับผมด้วย มีอีกสองสามคนที่อยู่แถวกลางปรบมือด้วย แต่ผมไม่เห็น ด้านหน้ารถมีเสียงคุยกันจ้อกแจ้ก เสียงกระเป๋ารถพูดขึ้นกลั้วเสียงหัวเราว่า "เสียงดี"     Ending.  Repeat the first part again, Buddy.  I haven't had enough yet.  One more time, come on!  That young fellow, my buddy, didn't sing.  He sat still, not opening his eyes.  I applauded loudly; a few people who sat on the same row as myself, including the woman in a sarong did the same.  A few others in the middle row also clapped their hands but I couldn't see them.  In the front, there was a loud talk.  The conductor laughingly said, "Beautiful voice."
soundbutton.gif (1343 bytes) รถเมล์เริ่มเคลื่อนไปได้ใหม่และวิ่งไปได้ระยะสั้นๆรถเมล์วิ่งเข้าป้าย ขณะที่รถจอดที่ป้ายนั้น เด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังจะลงจากรถก่อนลงเขาหันมาทางหนุ่มนักร้อง พูดใส่หน้าว่า "ไอ้บ้า"      The bus moved on again, and shortly came to a bus stop.  A youth, getting off the bus, turned to the singer and said, "Idiot!"

 

soundbutton.gif (1343 bytes) ผมไม่รู้ตัวว่าผมทำอะไรลงไป แต่ก่อนที่เด็กหนุ่มคนนั้นจะก้าวพ้นรถ ผมก็ลุกพรวดเดียวเอื้อมมือไปคว้าคอเสื้อเขาไว้ได้ "ลื้อนั่นแหละวะบ้า"      I wasn't quite aware of what I was doing.   But before  the lad could get off the bus, I had seized his collar and yelled, "You, idiot!"
soundbutton.gif (1343 bytes) ผมตวาด เด็กหนุ่มคนนั้นท่าทางตกใจ หน้าซีดเมื่อผมไม่เห็นทีท่าว่าเขาจะฮึดฮัด ผมจึงปล่อยคอเสื้อเขา แล้วถอยกลับมานั่งอย่างเก่ารถเมล์เคลื่อนออกจากป้าย ไอ้หนุ่มนักร้องไม่ได้ลืมตาด้วยซ้ำไป เขายังคงนั่งอยู่ท่าเก่า มีความเงียบในรถผมมองหน้าหนุ่มนักร้อง อยากให้เขาร้องเพลงอีก แต่เขาก็นั่งนิ่ง      I yelled at him.  He looked shocked and went pale.  Seeing that he didn't show any sign of retaliation, I let go of his collar and went back to my seat.  The bus moved away from the bus stop.  The singer didn't even opened his eyes.  He still sat in the same position.   Silence.  I looked at him, wishing that he would sing again but he remained still.
soundbutton.gif (1343 bytes) รถเมล์เคลื่อนมาติดอีกครั้งตรงสี่แยกก่อนจะเลี้ยว ถ้าเลี้ยวไปถนนก็โล่ง แต่รถก็ติดอยู่นาน ไม่มีทีท่าว่าจะพ้นสี่แยกไปได้ ความร้อนยังคงระอุอบ....ร้องเพลงซิไอ้เพื่อนยากร้องซี ร้องเพราะนี่นา ร้องซี ผมเรียกร้องเขาอยู่ในใจ มีใครหลายคนแอบมองผมเขาคงประหลาดใจมาก ที่เห็นปฏิกิริยาที่ผมแสดงออกกับเด็กหนุ่ม เมื่อครู่นี้แต่ผมไม่สนใจสายตาของใคร ผมชำเลืองไปทางหนุ่มนักร้องของผม ภาวนาให้เขา้ร้องเพลงอีก      The bus was caught again at another intersection before making a turn, which if it could, the road would be clear.  But it stopped for a long time with no signs of moving.  The heat was stifling.   Sing, Buddy, sing!  You have such beautiful voice.  Sing, I pleaded silently.   Many eyes were focused on me; probably surprised at my behavior.  But I didn't care what anybody thought.  I glanced at my fellow singer, hoping he would sing.
soundbutton.gif (1343 bytes) เพราะพี่มันจน คนที่ไหนไม่แล...

ฮะฮ่า....ไกลบ้านของขวัญชัย
เพชรร้อยเอ็ด....คำภาวนาของผมเป็นผล ไอ้หนุ่มเพื่อนยากของผมร้องแล้ว เสียงเขาดังกังวานไปทั้งรถทีเดียวไม่มีเสียงหัวเราะคิกๆแล้ว ผมดีใจจริงๆ

      Because I'm poor, nobody cares

     Ah-ha!. . ."Far from Home" by Kwanchai Petchroi-et. . .My pray was answered.  My buddy was singing.  His voiced echoed through the bus.  No giggles this time and I was glad.

soundbutton.gif (1343 bytes) ต้องจากบ้านจากพ่อและแม่
คงชะแง้คอยวันฉันมา

แม่ผมก็เหมือนกัน เสียงของไอ้หนุ่มนี่ มันโหยฟังสะเทือนใจดีแท้

I have to leave home, Mom and Dad

They probably wait for the day I will go back. . .

My mom, too.  This young man's voice was haunting and stirring.
soundbutton.gif (1343 bytes) ต้องจากไกลมาลัยบ้านป่า
จากทุ่งนามาหางานทำ

ไอ้เพื่อนยาก เราก็เหมือนกันน่ะซี
I have to leave Malai, my wild flower,

Leaving the rice-field to search for a job. . .

Hey, just like me, Buddy.
soundbutton.gif (1343 bytes) เพราะพี่มันจนต้องดิ้นรนเรื่อยไป

เข้าสู่กรุงสู่กรุงวิไล หัวใจพี่เศร้าระกำ

เศร้า ผมก็เศร้า ก็มันน่าเศร้า โถ...
มาลัยบ้านป่า อนิจจาแฟนผม เมื่อไหร่เล่าหนอ เมื่อไหร่เล่าที่ผมจะได้กลับไปบ้าน ไปแต่งงานกับเธอ

Because I was poor,
I have to continuously struggle,

Heading to the capital, the civilized city.  My heart soars.

Sad, I'm sad too.  Well, it's heart-breaking. .   Wildflowers.  Alas, my girlfriend.  When, oh when could I go back and marry her?
soundbutton.gif (1343 bytes) ทำงานเหงื่อกายไหลฉ่ำ

ตากแดดหน้าดำ ต้องทำเพราะจน

ใช่แล้วไอ้เกลอ เหมือนกันใช่แล้ว ไอ้เพื่อนยาก ขอเป็นเพื่อนด้วยคนเถอะวะ ผมมองเขาอย่างชื่นชม หนุ่มนักร้องไม่สนใจใครเลย เขายังหลับตา ผมจ้องหน้าเขาไม่วางตาหลายคนบนรถทำเช่นเดียวกับผม กระเป๋ารถเดินมายืนที่บันไดยิ้มๆและมองหนุ่มนักร้องของผม

Sweating and straining

Blackened by the sun, but I have to do it because I'm poor.

     Yeah, Buddy, me too.  That's right, my friend, may I be your friend?  I  looked at him admiringly, but he didn't pay attention to anyone.  He still closed his eyes.  I stared at him like many others on the bus.  The conductor walked to stand on the steps, smiling and looking at my young singer.
soundbutton.gif (1343 bytes) มาลัยจ๋า....

นี่ มันต้องอย่างนี้ คนร้องเพลงลูกทุ่ง
เป็นต้องอย่างนี้ เสียงจ๋าของเขานั้น
โหยหวนเอื้อนยาวทอดหาย ผมเผลอเคาะนิ้วกับหนังสือให้จังหวะ

Malai, my love. . .

Perfect!  A country singer must be like this.  His "love" was so long and haunting.  I absent-mindedly tapped my fingers on my books.

soundbutton.gif (1343 bytes) ...อย่าว่าพี่จาก

เพราะความจนยากต้องจากหน้ามล

เมื่อพี่ไกล ทรามวัยอย่าบ่น

ถ้าพี่หายจนหน้ามลคงสบาย

Don't complain when I leave,

Because I'm poor, I have to leave you.

When I'm away, please don't complain.

When I'm rich, you'll be happy.

soundbutton.gif (1343 bytes) ใช่แล้วมาลัยบ้านป่า ใช่แล้วมาลัยจ๋า แฟนผมไม่ได้ซื้อมาลัยหรอก แต่ผมอยากให้แฟนผมชื่อมาลัยเหลือเกินเชียวตอนนี้ หนุ่มนักร้องขยับตัวหยดน้ำใสกลิ้งจากตา ผ่านร่องแก้มกร้านของเขา ผมใจหายวูบ น้ำตาหรือเปล่า น้ำตาจริงๆขนตาเขาชุ่มทีเดียวเปียกเกาะกันเป็นแผง โถ.....ไอ้เพื่อนยาก ผมตีบตันพลอยแน่นจมูก ขอบตาร้อนไปด้วย      That's right, wildflowers.   Yes, Malai.  My girlfriend's name was not Malai.  But at this moment, I really wanted it to be.  The singer moved.  A teardrop rolled down his rough cheek.  My heart sank.  Were they tears?  They were!  His eye-lashes were wet and clung to one another in clumps.  Oh!  My friend, I was deeply touched; my nose and my eyes felt hot.
soundbutton.gif (1343 bytes) เพราะไกลเธอ เผลอใจลอย.....

ลอย ผมก็ลอย ใครเล่าจะไม่ลอย ถ้าเป็นอย่างผม ไกลคนที่รักและไม่มีแววว่าจะสมหวังอย่างนี้

Away from you, my heart wanders. . .

Wanders, mine too.  Whose doesn't if he were like me?   Far from his loved ones with no hope at all.

soundbutton.gif (1343 bytes) คิดถึงเธอ คิดถึงเธอบ๊อยบ่อย

ใจลอยกระวนกระวาย

น้ำตาผมทำท่าจะเอ่อ แต่น้ำตาของไอ้หนุ่มหยาดลงมาเป็นสาย เสียงเครือสะท้านของเขาได้ความรู้สึกสะเทือนใจเหลือเกินโดยเฉพาะตรงที่่ว่า คิดถึงเธอ คิดถึงเธอ บ๊อยบ่อย ผมตีบตื้นในลำคอ รถเมล์เริ่มเคลื่อนออกช้าๆ

Missing you, missing you so often,

My troubled mind wanders. . .

    My eyes grew misty, but the young man's face was streaming with tears. His shaking voice was extremely touching, especially during the last refrain- - "Missing you, missing you often,"  I almost choked.  The bus started to move slowly.
soundbutton.gif (1343 bytes) ตัวไกลหัวใจอยู่ใกล้

เจ้าอย่านอกใจละเมื่อพี่ไกลบ้านนา

ผมไม่แน่ใจนักหรอก ผมจากแฟนผมมานานแล้ว จดหมายก็ไม่ได้เขียนถึงกัน ผมปรบมือเมื่อเขาร้องจบมีเสียงปรบมือตามผมดังก้องไปทั้งรถ ผมเสก้มหน้าขยี้ตาและลูบหน้า เพื่อทำลายคราบน้ำตาของตัวเองเพราะไม่ต้องการให้ใครเห็น

I'm so far away, but my heart is closed to you.

Don't be unfaithful when I'm away from home.

     I was not so sure.  I had been away from my girlfriend for quite a while without sending any letter to each other.   I pretended to look down, rubbed my eyes and face to wipe away the tears since I didn't want anybody to see them.
soundbutton.gif (1343 bytes) เสียงปรบมือและเสียงหัวเราะเบาๆยังคงดัง ขณะที่รถเลี้ยววิ่งไปตามถนนอีกสายหนึ่ง      Clapping and gentle laughing ensued as the bus turned into another road.
soundbutton.gif (1343 bytes) รถจอดป้าย ไอ้หนุ่มนักร้องลุกขึ้น กระเป๋าซึ่งมองดูอยู่ ตะโกนเสียงดัง "เดี๋ยวพี่ นักร้องจะลง"      The bus stopped, and the young singer stood up.  The conductor shouted loudly, "Wait!  The singer is getting off."
soundbutton.gif (1343 bytes) ทุกคนหันมามอง มีเสียงปรบมือดังอีก หนุ่มนักร้องของผมไม่ได้สนใจกับเสียงปรบมือ คราบน้ำตายังชื้นอยู่บนหน้า      Everybody turned to look.  Another round of applaud but my singer was indifferent.  His face was still wet with tears.
soundbutton.gif (1343 bytes) เขาก้าวลง นังไม่ถึงที่พักแต่ผมก้าวลงตามเขาไป หนุ่มนักร้องลงจากรถได้ก็ทำท่าจะเร่งเดิน ผมนึกไม่ออกว่าผมควรจะทำอย่างไร จะทักถามหรือคุยกับเขาว่าอย่างไร      He stepped down.  This was not my destination but I followed him.  The young singer started walking at a brisk pace.  I didn't know what to do, or what to say to him.
soundbutton.gif (1343 bytes) "เดี๋ยวก่อน ขอโทษเถิดถามจริงๆบ้า หรือเปล่า" ผมถามไปอย่างลุกลี้ลุกลน      "Wait,  I'm sorry.  Are you really insane?"  I asked, stumbling over my words.
soundbutton.gif (1343 bytes) "เปล่า...." หนุ่มนักร้องส่ายหน้า

"....แต่อยากบ้าเหมือนกัน" เขาตอบผม แล้วเดินหายไปในกลุ่มคนที่เบียดเสียดกันรอรถเมล์แถวนั้น

     "No. . ." He shook his head.

     ". . .but I'd like to be."   He answered and disappeared among the crowd at the bus stop.



Translation & design: Jenjit
1998