วันหนึ่งมีพระสงฆ์หนุ่ม ๔ รูป
นั่งสนทนากันอยู่ที่คั่นบันไดหน้าพระอุโบสถวัดบวรนิเวศ ก่อนเวลาพระลงอุโบสถ
พอเด็กมาบอกกับพระองค์หนึ่งว่า คุณแม่อนกลับมาแล้ว พระองค์นั้นตอบว่า
เออแล้วเด็กก็ไป |
พระองค์หนึ่งจึงถามว่า
คุณสมบุญจะสึกเมื่อไรกำหนดแล้วหรือยัง พระสมบุญจึงตอบว่า
ยังไม่แน่คอยโยมอินอยู่ พรุ่งนี้จึงจะไปปรึกษาแกดู จึงจะตกลงได้ ก็คุณล่ะ
จะออกวันสิบสองค่ำนี้แน่หรือสึกแล้วจะไปเข้าที่ไหน ทำอะไรบอกกันบ้างสินะ
ผมเองนี่ยังลังเลที่สุด ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรเข้าที่ไหน |
พระทรัพย์จึงว่า คุณเข็มนะ
แกมันไปไหนไม่ได้พ้นศาลาลูกขุนไปได้หรอก ด้วยแกมันคร่ำเสียทางนั้นแล้ว
ผิดนักก็ออกหัวเมืองเท่านั้นแหละแน่ แน่ะ
ถ้าเป็นยกกระับัตรหรือคุณปลัดขึ้นละอย่าลืมผมนะ ไปติดไปต้อยเข้าล่ะ
อย่าเรียกค่าเชิงประกันให้มันเหลือเกินไปล่ะ
อ้ายตำราเลือกประกันของคุณละผมคร้ามนัก |
พระเข็มจึงตอบว่า
คุณก็เหมือนกันแหละไปไหนไม่พ้นหละ
อีกหกวันก็จะแต่งตัวแห่เสด็จฟ้อไปเหมือนเมื่อวานซืนนี้อีก ผมต้องขอสัญญามั่งนะ
เผื่อถูกดีไก่ฎีกาเข้าบ้าง และเป็นที่พึ่งบ้างนะขอรับ คุณเหลงอย่างไร
ยิ้มไปทีเดียว กริ่มใจที่ได้เปรียบเพื่อน มะรืนนี้ก็ ฮึ ฮึ อย่านะขอรับ
เขาว่าถ้าใจยังไม่ขาดละยังเป็นปาราชิกได้นะขอรับคุณพระครูท่านว่าอย่างนั้นจริงๆนะ |
พระทรัพย์จึงว่า อย่าไปล้อท่านเลย
ท่านกริ่มเพราะท่านไม่เหมือนกับเราๆนี่ สึกออกไปแล้วยังต้องหา
ท่านสึกออกไปนอนกิน มันผิดกันจริงๆ คุณเลี้ยงเพื่อนไว้ใช้
ถึงมันยากมันจนมันก็ยังเป็นนคน ถึงไม่มีทรัพย์ก็ยังมีน้ำใจ
ไม่มีบุญอำนาจก็ยังสามารถจะฟันไม่ได้จริงๆนะขอรับ |