sound.gif (1078 bytes)ถูกแล้วเป็นหน้าที่ของเจ้าของบ้านเช่าจะต้องการที่อยู่สำหรับจะซุกหัวนอน และขณะที่ห้องเช่าขนาดโรงรถหรือโรงม้า ก็กลายเป็นของหายากนักหนา กฎเกณฑ์ต่างๆที่ถูกต้องก็ถูกระงับใช้ชั่วคราว คำตอบจากเจ้าของห้องจึงมีว่า ถ้าอยากอยู่ก็จัดการซ่อมเอาเอง ถ้าไม่พอใจก็ไปหาที่อยู่เอาใหม่ได้ Right!    It was the landlord's responsibility to arrange for the repair of the roof.   But in a time when everyone needed a hole in the wall to get some sleep, even a hut the size of a stable became a precious commodity.  Rules and regulations temporarily had been shelved.  The response from the landlord was thence if they wanted to continue to live there, then they had to fix it themselves. I f they weren't satisfied, they were welcome to look for another place to live. 
sound.gif (1078 bytes)ข้อที่อ่ำและนิ่มจะพอใจนั้นมันก็ยากอยู่ แต่การย้ายไปอยู่ที่อื่นนั้น มันยังยากกว่าตั้งร้อยตั้งพันเท่า เพราะฉะนั้นอ่พก็ต้องกัดฟันเข้ารับภาระซ่อมมันเสียเอง เขาต้องหยุดประกอบอาชีพหนึ่งวัน เที่ยวกูหนี้ยืมสินเพื่อนฝูงมาซื้อพัสดุ สำหรับการซ่อม-แซมและลงมือทำการซ่อมแซมด้วยตนเอง มันอาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อยขี้ประติ๋วสำหรับบางท่าน แต่สำหรับอ่ำซึ่งทำมาหากินใส่ท้องไปวันต่อวัน และต้องเลี้ยงดูครอบครัวถึงห้าคนเช่นนี้ มันก็เป็นภาระหนักสำหรับเขาพอดู It's impossible that Am and Nim would be satisfied; but  finding a new place to live would be many times more difficult.  As a result, Am gritted his teeth and took on the duties of repairing the hut by himself.  He took a day off from supporting his family's livelihood, borrowed some money from his friends, bought the supplies needed for the repair, and set to work.   It may seem like an insignificant episode for some, but for Am, whose work allowed the five people in his household to live day-to-day, the burden was substantial enough.
sound.gif (1078 bytes)การผจญภัยครั้งใหญ่ของเขาอีกครั้งหนึ่งเกิดขึ้นในขณะที่เขาไปช่วยเพื่อนบ้านขนของ ใครคนหนึ่งเผลอโยนปี๊บลงมาบนเท้าของเขา มุมปี๊บเจาะเอาเนื้อบนเท้าทำให้เกินบาดแผลเล็กๆขึ้นมาถ้าตัวเขาหรือพวกพ้องของเขารู้จักวิธีรักษาที่ถูกทางแล้ว มันก็เป็นแต่แผลเล็กน้อยที่จะรักษาให้หายได้ในสองสามวัน แต่เพราะว่าเขาไม่รู้จักวิธี เขาจึงต้องใช้เวลารักษาอันยืดยาวและต้องทนทุกข์ทรมานเสียยิ่งกว่าพวกเสี่ยที่ได้รับบาดแผลจากกระสุนปืน Am's another big misadventure occurred when,
as he helped a neighbor carry some belongings, someone recklessly dropped a kerosene can on his foot.  A comer of the can nicked the top of his foot, leaving a small scratch.  If he or his friends knew the proper way to treat the wound, it would have remained a small scratch, healing in two or three days.  Instead, the recovery process was drawn out, during which he suffered the worst pain, worse even than that felt by a wealthy man recovering from a bullet wound.
sound.gif (1078 bytes)นขั้นต้นเขาเอาขี้ผึ้งชนิดหนึ่งที่รักษาโรคได้สารพัด ตั้งแต่ขนาดแมงต่อยจนถึงอหิวาตกโรคทาเข้าที่แผลแล้วก็ออกไปขี่รถตามปกติ ต่อมาแผลนั้นกลัดหนองและขยายเหวอะหวะออกไป เขาก็จัดการพอกยาตามคำบอกเล่าจองเพื่อนบ้านคนนั้นคนนี้ต้องป่วยอยู่กับบ้าน ออกไปถีบรถทำมาหากินไม่ได้เป็นเวลาตั้งครึ่งเดือน จนกระทั่งท่าสุภาพบุรุษใจบุญผู้หนึ่งในถนนซอยทราบเรื่องเข้า เขาได้มอบยาซัลฟาห่อหนึ่งให้เขาไปรักษาตัว อาการป่วยของเขาจึงค่อยดีขึ้นตามลำดับ จนกระทั่งออกไปขี่รถได้เป็นปกติ At first, he used an ointment known for its power to heal various ailments, from insect bites to cholera, then went out to work as usual.  The wound began to fester.   It grew ever larger.  He began to coat on various herbal remedies as prescribed by this friend or that, until he was so ill he couldn't leave the house.   He wasn't able to pedal for his livelihood for half a month.  Finally, a kindhearted gentleman who lived down the road heard of Am's hardship and delivered a package of sulfa drugs with which to treat himself. Am's condition improved gradually, until one day he could return to work.
sound.gif (1078 bytes)ในระหว่างออกไปทำมาหากินไม่ได้นั้น ครอบครัวของเขาต้องกระเสือกกระสนดิ้นรนเพื่อยังชีวิตให้รอดไปวันหนึ่งๆได้อย่างไรนั้นเป็นเรื่องที่มีแต่ความสังเวช เรื่องของเขามันก็เหมือนเราจับปลาตัวหนึ่งมาทิ้งไว้บนบก ปลามันกระเสือกกระสนดิ้นรนจนสุดกำลัง เพื่อหาทางไปลงน้ำฉันใด นั่นแหละคือความกระเสือกกระสนดิ้นรนของเขาละ "มันก็ต้องดิ้นรนไปจนกว่าจะเกล็ดแห้งนั่นแหละ" อ่ำเคยพูดให้เพื่อนฝูงฟัง While he couldn't work, his family struggled to survive.  It's a story for which one can only feel compassion. Like a fish out of water, which strains to the last of its strength to find a way back to water, such was the struggle of Am's family.