"อ้า
อ้ายตีนสองข้างนี่เอง อ้ายตีนโตสองข้างนี่เอง ที่เป็นชีวิตของกู"
เขารำพึงด้วยความปีติยินดีที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลยในชีวิต "อ้า
อ้ายมือสองข้างที่จับอยู่บนแฮนด์เหล็กนี่เอง
อ้ายมือสองข้างที่ด้านและแข็งของกูนี่เอง ที่เป็นชีวิตของกู
ที่ชีวิตของกูและลูกเมียของกูตั้งอยู่ได้ ชะ อ้ายนี่เอง...." |
"Yes, these two
feet, these two, big old feet are my life," he reflected with a delight he had never
felt before." These two grubby paws that hold these handlebars, these two callous, old paws of mine are my life. Me, my
children, my wife, we can go on living because of you all."
|
ในบ่ายวันนั้น
ลูกชายหญิงสองคนของเขาซึ่งมีอายุระหว่างห้าถึงเจ็บขวดวิ่งเข้าวิ่งออกอยู่ห้อง
บางครั้งก็ออกมายืนที่นอกชานประตู ป้องหน้าเบิ่งตามองไปตามท้องถนน
ในทิศที่พ่อของเขาเคยขับรถกลับมาบ้าน ขณะนั้นยายออกมาเก็บผักบุ้งในคูหน้าบ้าน
ทางฟากถนนอีกด้านหนึ่ง ทั้งที่แดดกำลังกล้า แม่กำลังทำอะไรกุกกักอยู่ในครัว
เสียงเด็กสองพี่น้องบ่นกันว่า เมื่อไรพ่อถึงจะกลับมา
แล้วก็นำตัวอันมอมแมมวิ่งกลับเข้าไปในครัว แต่ก็ถูกแม่ตะเพิดออกมา
เพราะไปซักถามเซ้าซี้ในเรื่องที่แม่ตอบไม่ได้
แล้วเด็กก็วิ่งกลับออกมายืยอยู่ที่หน้าบ้านเบิ่งตามองไปทางเก่า
บ่นและปรับทุกข์กันเรื่องเดิม เมื่ออ่อนใจเข้าก็กลับเข้าไปในห้อง |
That afternoon, his son and daughter, aged
between five and seven, scuttled back and forth between the front porch and the hut's one
room. They would rest in the room for a spell, then rush out to the porch to peer down the
lane in the direction from which their father would return home. Grandmother also was in
front of the house, picking the morning glory that grew in the ditch on the other side of
the lane, even as the sun was beating down. Mom was busy working in the kitchen.
The two siblings grumbled about their father's tardiness, and then dashed their grubby
bodies back into the hut. Their mother soon shooed them out because of their pesky
questions, none of which she could answer. And they would run outside again, and strike
their poses, looking for their father, voicing their same complaints. And when they became
discouraged, they ran inside again.
|
มีเสียงกระดิ่งที่ชินหูเด็กดังขึ้นที่หน้าบ้านทั้งสองคนวิ่งถลาออกมาจนแทบจะหล่นลงไปในกองโคลนหน้าบ้าน
เมื่ออ่ำจอดรถและเดินไปบนสะพานแผ่นเล็กและขึ้นไปอยู่บนชานหน้าห้องเรียบร้อยแล้ว
เด็กสองคนก็เข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังขอขนมกินและตั้งกระทู้ต่างๆเขาส่งห่อขนมเล็กๆให้ลูกห่อหนึ่ง
พลางก็ยกผ้าที่มีสีสันดังถูกรมด้วยเขม่าไฟขึ้นมาซับเหงื่อตามหน้าและมือซึ่งไหลออกมาราวกับเม็ดฝน
เขาเดินตรงเข้าไปในครัว
โดยยังมิได้ตอบกระทู้ของเด็กๆและเด็กๆก็ลืมกระทู้ของเขาไปพักหนึ่ง
ขณะที่ง่วนอยู่กับ
การแบ่งกึ่งแบ่งแย่งกันกินขนม "ทำไมมาช้าไปล่ะ เด็กมันคอยและบ่นกันใหญ่
มันกลัวจะไม่ได้ไปเที่ยวสนามหลวง" นิ่ม
ปราศัย |
When the familiar ringing of a bell reached their ears, both rocketed themselves out the door
so fast they almost overshot the front porch and fell into the mud that made up their
yard. Once Am parked his pedicab and made his
way to the porch, both children hugged him from the front and back, asked for sweets, and
showered him with questions. Am gave them each a candy while wiping the sweat from his
brow with his blackened handkerchief. He walked straight to the stove without answering
his children, who had already forgotten their questions as they absorbed themselves in
their treats.
"Why are you so late?" Nim
asked. "The kids have been waiting for you. They were afraid you wouldn't take them
to Sanam Luang. " |