sound.gif (1078 bytes) อ่ำเล่าว่า เมื่อเจ้าหนุ่มท่าทางขึงขังและพูดจาจริงจังหยุดพูดก็เกิดความเงียบกริบขึ้นมาทันที ไม่มีเสียงโต้แย้งจากเจ้าสองคนแรกและคนอื่นๆอีกเลย ต่อมาก็มีเสียงปรึกษากันพึมพำ ในระหว่างที่ยังมีความลังเลกันอยู่นั้น เจ้าคนเสนอคนแรกได้พูดชี้แจงอีกครู่หนึ่ง แล้วก็มีคนสามสี่คนสนับสนุนในที่สุดก็ตกลงกันว่า จะออกเงินกันคนละบาทสองบาท แล้วพวกเขาทั้งหมดกยกขบวนกันไปที่สำนักงานหนังสือพิมพ์แถวสี่กั๊กเสาชิงช้า อ่ำบอกกับนิ่มว่า "ข้าออกเงินไปกับเขาสองบาท อีตอนที่เขาออกมาจากสำนักงานหนังสือพิมพ์นั้น เขารู้สึกตัวเหมือนกับว่า ข้าไม่ใช่เจ้าอ่ำคนเก่าเสียแล้ว ตั้งแต่เกิดมาข้าไม่เคยฝันเลยว่าจะได้เป็นประโยชน์แก่ใคร แต่เดี๋ยวนี้ข้ากลายเป็นคนที่สามารถช่วยเหลือพี่น้องชาวอีสานของข้าได้แล้ว ด้วยอาศัยอ้ายตีนโต และมือด้านของข้านี่แหละ" หน้าของเขาเปล่งปลั่งและนัยน์ตามีประกายวาววาม  

Silence accompanied the finish of this speech. There was no dissent from the fellows who had preceded him. A murmuring arose from the group. They still didn't know what to do. The person who had first presented the idea spoke up, and several others presented some ideas. It was soon agreed upon that every one give one or two baht each. They traveled together as a pack to the newspaper office, right next to Sao Ching Cha.

"I gave two baht," Am told Nim. "When I left the newspaper office, I felt like I was a completely different person. Since I was born, I never dreamt that I could be of use to anyone. But now I've become someone who can help my kin up in the Northeast, by using my big old feet and my calllous old hands." His face glowed; his eyes sparkled.

sound.gif (1078 bytes) ออกจากโรงพิมพ์ อ่ำตั้งใจจะกลับบ้านแต่พอดีมีบุรุษผู้หนึ่งเรียกรถของเขาขอให้พาไปส่งที่ฝั่งธนบุรี ผู้ที่นั่งมาในรถได้ถามว่า พวกเขามีทุกข์ร้อนอะไรมาร้องแก่หนังสือพิมพ์หรือ อ่ำก็เล่าเรื่องให้ฟัง ชายผู้นั้นจึงพึมพำว่า "นี่แหละประชาชน นี่แหละคือสิ่งที่เรียกว่า
กำลังของประชาชน" อ่ำไม่สู้เข้าใจความหมายของมันนักจึงพูดต่อไปว่า "เราก็ปลื้มใจครับที่เราได้ทำประโยชน์ แต่เราก็ท้อใจเหมือนกันครับว่าเงินเล็กน้อยที่รวบรวมได้จากพวกเราคนจนๆจะเอาไปช่วยพี่น้องชาวอีสานได้สักกี่คน"
When he left the newspaper office, he had intended to go straight home, but a gentleman hailed him down and asked for a ride across the river to Thonburi. Am's passenger asked if there was some kind of trouble that the pedicab drivers had to inform the newspapers. Am told his story to the gentleman, who murmured to himself, "Here, this is what they call people's power." Am really didn't understand what the gentleman was talking about, but he said, "We were very happy that we could do something to help out, but it's also a little discouraging that we could only give a little bit of money. I mean, how many people is our money really gonna help?"