DIVISION #2 | DIVISION #3 | DIVISION #4 | DIVISION #5 | DIVISION #6 | DIVISION #7 | DIVISION #8 |
DIVISION #9 | DIVISION #10 | DIVISION #11 | DIVISION #12 | DIVISION #13 | DIVISION #14 | HOME |
DIVISION 1: HANUMAN RECEIVES ORDERS FROM RAMA |
1. Then | ๑. บัดนั้น |
Sukreep, who was high ranking, | สุครีพผู้มียศถา |
Bowed his head and received his orders with satisfaction. | ก้มเกล้ารับสั่งด้วยปรีดา |
The monkey responded to the edict." | วานรสนองพระโองการ |
The troops of both towns | อันโยธาทั้งสองนัคเรศ |
are all possessed of glory, power, and bravery. | ล้วนศักดาเดชกล้าหาญ |
To speak of intelligence, | ซึ่งจะเจรจาปรีชาชาญ |
There is only Hanuman, who has magical powers, | เห็นแต่หนุมานผู้ฤทธี |
And Chompupan the monkey chief | กับชมพูพานพานริน |
And Onkot, grandson of the magnificent Indra. | องคตหลานอินทร์เรืองศรี |
All three are exceptionally good. | ทัง้สามแต่ล้วนตัวดี |
Besides these three there is no one else. | นอกนี้ไม่เห็นผู้ใด |
Even if they meet a giant and fight. | ถึงพบยักษ์มารจะราญรอน |
They can be flexible in any situation. | ทีหักทีอ่อนก็ทำได้ |
Let these three officers go | ขอให้สามนายนี้ไป |
And pay audience to Her Majesty in the city of giants." | เฝ้าองค์อรไทในเมืองยักษ์ ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ | |
2. Then | ๒. เมื่อนั้น |
Naray, of the Race of the Sun, bearer of the discuss | พระนารายณ์สุริย์วงศ์ทรงจักร |
Listened and was filled with joy. | ได้ฟังมีความยินดีนัก |
So he turned to Hanuman and gave him orders. | จึ่งผินพักตร์มาสั่งหนุมาน |
"You who have magnificent magical power in battle. | ตัวท่านผู้เรืองฤทธิรณ |
Carry the message. | จงนำยุบลข่าวสาร |
Go to the beautiful woman. | ไปให้ถึงองค์นงคราญ |
Explain to her that I will follow." | แจ้งการว่าเราตามมา |
While saying this he grasped a ring | ตรัสพลางทางหยิบธำมรงค์ |
And the Queens royal breast cloth | กับสไบทรงกนิษฐา |
And gave them to the Son of the Wind, who had great rank, | ส่งให้ลูกพระพายศักดา |
Then he spoke eloquently. | แล้วมีวาจาอันสุนทร |
"Take these two things. | ท่านจงเอาของทั้งสองนี้ |
Go to Sita, my love. | ไปให้สีดาดวงสมร |
Tell her I am sad | ว่าเราโศกาอาวรณ์ |
And yearn for her. | ทุกข์ร้อนถึงองค์อรไท |
When you return, anything which I am wearing | กลับมาสิ่งใดที่เราทรง |
Ill. take off and give to you. | จะเปลื้องจากองค์ประทานให้ |
You, three powerful officers, | สามนายผู้มีฤทธิไกร |
go to Sita." | จงไปให้ถึงนงคราญ ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ | |
3. Then | ๓. บัดนั้น |
The Son of the Wind, who was successful and brave, | วายุบุตรวุฒิไกรใจหาญ |
Received the breast cloth and ornamented ring. | รับสไบธำมรงค์อลงการ |
He prostrated himself in happiness. | กราบกับบทมาลย์ด้วยยินดี |
Then he said, "As for your using me | แล้วทูลว่าซึ่งพระองค์ใช้ |
To go to the royal city Lanka | ให้ไปลงกาบุรีศรี |
To bring news to the Queen | แจ้งข่าวอัครราชเทวี |
If this is all you command, I can do it. | เพียงนี้พอได้ดั่งบัญชา |
But as for giving the ring | แต่ซึ่งจะถวายพระธำมรงค์ |
And the breast cloth to the Queen, | กับสไบแก่องค์กนิษฐา |
What if she is suspicious of what I tell her | เกลือกนางจะแคลงวิญญาณ์ |
And she says, "These things fell in the forest | ว่าของนี้ตกอยู่ในไพร |
And Totsakans group was out wandering for pleasure. | พวกทศกัณฐ์ไปเที่ยวเล่น |
Whoever saw them could pick them up. | ใครเห็นก็เก็บมาได้ |
What if you are lying to make me feel good, | หากแกล้งแต่งลวงประโลมใจ |
And you arent a soldier of the Discus-bearer?" | มิใช่ทหารพระจักรี |
This is what I see as being very difficult, | ข้อนี้ข้าบาทเห็นยากนัก |
Because she doesnt know me. | ด้วยนางไม่รู้้จักกระบี่ศรี |
What can I do to have the goddess | ทำไฉนจะให้พระเทวี |
End her doubts?" | สิ้นที่สงสัยในวิญญาณ์ ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ | |
4. Then | ๔. เมื่อนั้น |
The Lord of the Three Worlds | พระตรีภพลบโลกนาถา |
Heard the Son of the Wind, who had powers of perception. | ฟังลูกพระพายผู้ปรีชา |
The King replied, | ผ่านฟ้าจึงตรัสตอบไป |
"If you explain the situation | มาตรแม้นตัวท่านแจ้งสาร |
And if she is still suspicious, | เยาวมาลย์ยังคิดสงสัย |
If she says you are the devil | จะว่าเป็นพวกพาลภัย |
And she doesnt believe what you say, | ไม่เชื่อในคำพาที |
Then bring up the past event when I lifted the arrow | จงเอาความหลังเมื่อยกศิลป์ |
In the city of Mitila. | ในมิถินลาบูรีศรี |
My eyes and her eyes | เนตรเรากับเนตรนางเทวี |
Flirted, back and forth. Our eyes met | ถ้อยทีถ้อยเล็งประจวบกัน |
Through an opening in a palace window. | ที่ช่องบัญชรปราสาท |
Each of us felt the stirrings of passion. | ต่างคิดพิศวาสเสียวสัน |
This secret is a signal. | ความลับข้อนี้สำคัญ |
The woman will stop distrusting you." | กัลยาจะสิ้นแหนงใจ |
Having spoken, he issued orders. | ตรัสแล้วจึงมีบัญชา |
He ordered Sugriva, the great soldier | สั่งพระยาสุครีพทหารใหญ่ |
To hurry and arrange all the brave troops | เร่งจัดรี้พลสกลไกร |
To go with the three generals. | ไปด้วยกับสามเสนี ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ | |
5. Then | ๕. บัดนั้น |
The Glorious Son of the Sun | ลูกพระอาทิตย์เรืองศรี |
Received the Kings orders. | รับสั่งสมเด็จพระจักรี |
He bent his head, paid obeisance, and left. | น้อมเศียรชุลีแล้วออกมา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ | |
6. So he arranged the troops, | ๖. จึงจัดโยธาพลากร |
Two bands of soldiers, powerful in combat and brave, | สองสมุทรฤทธิรอนแกล้วกล้า |
Together with all their weapons. | พร้อมสรรพด้วยเครื่องศัสตรา |
He carried out the King's orders in full. | เสร็จตามบัญชาภูวไนย ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา | |
7. Then | ๗. บัดนั้น |
Onkot and Hanuman, who were great soldiers, | องคตหนุมานทหารใหญ่ |
And Chompupan, who was brave, and possessed magical powers, | ทั้งชมพูพานฤทธิไกร |
All of them, wise, quick, and brave, | ล้วนปรีชาไวใจฉกรรจ์ |
Each one paid obeisance | ต่างตนถวายอภิวาทน์ |
At the feet of King Naray the Creator | แทบบาทพระนารายณ์รังสรรค์ |
And his beautiful younger brother. | ทั้งพระอนุชาวิลาวัณย์ |
Then they went off to the troops. | แล้วพากันมายังพลากร ฯ Click here for picture |
ฯ ๔ คำ ฯ ปถม | |
8. The three officers led the troops off. | ๘. สามนายนำพลยุรยาตร |
They left Kantamat Mountain. | ออกจากคันธมาทน์สิงขร |
They wended their way through the forest. | ดั้นดัดลัดป่าพนาดร |
They walked off towards the Southwest. | บทจรโดยทิศหรดี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |
9. They walked a distance of three leagues. | ๙. มาได้สามโยชน์คณนา |
The sun went down over the glorious mountain. | สุริยาเลี้ยวเหลี่ยมคีรีศรี |
So they reached a lotus pond | ก็ถึงสระโบกขรณี |
In the middle of a forest. | อยู่ที่กลางป่าพนาลัย |
The water which filled the pond was clean and pure. | น้ำเปี่ยมเหลี่ยมขอบใสสะอาด |
Stalks of precious lotus were in abundant bloom. | ปทุมมาศชูก้านบานไสว |
Water plantain, water lettuce, and water chestnut alternated. | สันตวาจอกกระจับสลับไป |
There were leaves and pods, young and old, mixed together. | ใบฝักแก่อ่อนแกมกัน |
There was a school of fish. | มีหมู่มัจฉาคลาคล่ำ |
They jumped up and dived down, and swam around and around in circles. | ผุดดำว่ายเวียนเหียนหัน |
They were surrounded by plants of many kinds | ประกอบด้วยมิ่งไม้หลายพรรณ |
Like the pond in joyful heaven. | ดั่งสระในชั้นดุษฎี |
The ground was smooth sand. | ที่นั้นรายรื่นพื้นทราย |
The three officers were delighted. | สามนายมีใจเกษมศรี |
So they halted their troops | ก็หยุดพหลโยธี |
At the edge of the lotus pond. | อยู่ที่ริมสระบุษบัน ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ | |
10. Then | ๑๐. บัดนั้น |
The tough monkey troops | โยธาวานรแข็งขัน |
When night came | ครั้นค่ำย่ำแสงสุริยัน |
Prepared themselves a roaring blaze. | ก็ตรวจกันกองไฟเป็นโกลา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ | |
11. Then | ๑๑. บัดนั้น |
The three officers, who had brave hearts, | สามนายผู้ใจแกล้วกล้า |
Each one lay down | ต่างตนต่างเอนกายา |
In the midst of the monkey troops. | อยู่กลางโยธาพานริน |
The wind blew gently. | พระพายชายพัดอ่อนอ่อน |
A sweet smell of pollen moved through the air. | หอมรสเกสรขจรกลิ่น |
Dew fell, touching the earth. | น้ำค้างตกต้องแผ่นดิน |
Finally, all the troops went to sleep. | ก็พากันหลับสิ้นทั้งโยธี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ ตระ |