DIVISION #1 | DIVISION #2 | DIVISION #3 | DIVISION #4 | DIVISION #5 | DIVISION #7 | DIVISION #8 |
DIVISION #9 | DIVISION #10 | DIVISION #11 | DIVISION #12 | DIVISION #13 | DIVISION #14 | HOME |
DIVISION 6: HANUMAN RESCUES SAMPATI |
66. They spent the night on the road. | ๖๖. แรมรอนมาตามมรคา |
It was fifteen leagues | ได้ห้าสิบโยชน์โดยกําหนด |
Till they came to Mount Hemtiran. | ถึงเหมติรันบรรพต |
It jutted out to the sky. | ปรากฏเงื้อมงํ้าอัมพร |
Hanuman led the soldiers | หนุมานจึ่งนําพลเดิน |
Up onto the shoulder of the mountain. | ขึ้นไปบนเนินสิงขร |
When the sun's rays were gone, | พอสิ้นรังสีรวีวร |
The monkeys travelled by moonlight. | วานรตามแสงกุณฑลมา ฯ |
ฯ ๘ คํา ฯ รุกร้น | |
67. They walk till they reached the mountain. | ๖๗. เดินไปจนถึงคีรี |
They reached the entrance of a cave. | ก็ถึงที่ปากถํ้าคูหา |
The three officers had he soldiers stop | สามนายให้หยุดโยธา |
They didn't know where to go. | ไม่รู้ว่าจะไปแห่งใด ฯ |
ฯ ๒ คํา ฯ | |
68. Then | ๖๘. บัดนั้น |
The monkey trops, large and small, | พวกพลวานรน้อยใหญ่ |
Each one was curious. | ต่างคิดฉงนสนเท่ห์ใจ |
They looked up towards the sky. | แลไปบนพื้นอัมพร |
They saw the stars and the moon scattered in the sky. | เห็นดวงดาวเดือนเกลื่อนกลาด |
They were shining | รัศมีโอภาสประภัสสร |
It was as if they could reach them with their hands. | ดั่งหนึ่งจะเอื้อมถึงกร |
The wind blew softly and continuously. | พระพายพัดอ่อนเรื่อยมา |
Dew fell, touching their bodies. | นํ้าค้างตกต้องอินทรีย์ |
The monkeys were cold, every one of them. | กระบี่เยือกเย็นถ้วนหน้า |
Some of them broke wood and started a fire. | บ้างหักไม้สีไฟเป็นโกลา |
They all warmed their bodies by the fire. | กองผิงกายาวุ่นไป ฯ |
ฯ ๖ คํา ฯ | |
69. Then | ๖๙. บัดนั้น |
Hanuman, the great soldier, | คําแหงหนุมานทหารใหญ่ |
Said to Indra's grandson | จึ่งว่าแก่หลานหัสนัยน์ |
Chompupan, of loyal heart, | ชมพูพานผู้ใจภักดี |
"Now Naray the Avatar | ปางนี้นารายณ์อวตาร |
Will descend and destroy the Giant. | ลงมาสังหารยักษี |
He has sent us to attend upon the Queen | ใช้เราไปเฝ้าพระเทวี |
In the City of Lanka. | ยังที่ลงกาพระนคร |
No matter how difficult it may be, we must go | ถึงยากลําบากก็จําไป |
To meet the Queen, Light of Love. | ให้พบอัครเรศดวงสมร |
We are determined to serve the Four-handed One | ตั้งใจอาสาพระสี่กร |
Without worrying about our lives. | อย่าอาวรแก่ชีพชีวา |
Though we die, we will maintain our honor, | ถึงมาตรตัวตายจะไว้ยศ |
So that it will appear like that of the royal bird | ให้ปรากฏดั่งราชปักษา |
Who is called Sadayu the Honorable. | อันชื่อสดายุผู้ศักดา |
The bird fought and lost his life. | สกุณาสู้เสียชีวัน |
We should do the same because we are soldiers | จึ่งควรด้วยเราเป็นทหาร |
Of the Avatar of Visnu. | องค์พระอวตารรังสรรค์ |
Our good deeds will be eternal | ความดีจะอยู่ชั่วกัลป์ |
Till the end if the sun and the moon." | จนสิ้นสุริยันจันทรา ฯ |
ฯ ๑๐ คํา ฯ | |
70. Then | ๗๐. บัดนั้น |
As for Samati the bird, | ฝ่ายสัมพาทีปักษา |
Who was cursed by the God of the Sun, | ซึ่งต้องสาปองค์พระสุริยา |
He was in the mountain cave. | อยู่ในคูหาคีรี |
He heard the speech and the commotion | ได้ยินเสียงพูดกันอึงอื้อ |
And the mention of the name of Sadayu the Bird. | ออกชื่อสดายุปักษี |
They said he was dead. | ว่าสุดสิ้นชีพชีวี |
He was shocked. | มีความตระหนกตกใจ |
I shall go inquire about this, | ตัวกูจะไปถามดู |
To find out the truth." | ให้รู้เท็จจริงเป็นไฉน |
Having thought this, he hurried out | คิดแล้วก็รีบออกไป |
From the sparkling jeweled cave. | จากในถํ้าแก้วแพรวพรรณ ฯ |
ฯ ๖ คํา ฯ | |
71. The noise of feet treading on stone | ๗๑. เสียงเท้าที่เหยียบศีลา |
Sounded like thunder exploding. | สําเนียงดั่งฟ้าคะนองลั่น |
It resounded throughout the forest | กึกก้องทั่วท้องอารัญ |
As if the mountain were collapsing. | เพียงบรรพตนั้นจะแหลกลาน ฯ |
ฯ ๒ คํา ฯ คุกพาทย์ | |
72. Then | ๗๒. บัดนั้น |
The leaders of the monkey squadrons | วานรนายหมวดทหาร |
Together with the common soldiers | สิ้นทั้งไพร่พลบริวาร |
Heard the agitated noises. | ได้ยินเสียงสะท้านสะเทือนมา |
They were filled with fear | ตระหนกตกใจไม่มีขวัญ |
And shook as if it were the end of their lives. | ตัวสั่นเพียงสิ้นสังขาร์ |
The men ran around in an uproar. | วิ่งแยกแตกกันเป็นโกลา |
They didn't know what was happening. | ไม่รู้ว่าเหตุผลประการใด ฯ |
ฯ ๔ คํา ฯ | |
73. Some jumped, some leaped, some crawled. | ๗๓. บ้างโลดบ้างโผนโจนคลาน |
Some climbed tall trees. | บ้างปีนทะยานขึ้นไม้ใหญ่ |
They hid behind rocks in confusion. | แอบชะง่อนหินผาวุ่นไป |
They were going out of their minds. | ไม่เป็นอารมณ์สมประดี |
Only the three skilled soldiers | ยังแต่สามทหารชาญณรงค์ |
Stood bravely and didn't run off. | อาจองยืนอยู่ไม่หลีกหนี |
Each one swung his knife and trident. | ต่างแกว่งพระขรรค์แกว่งตรี |
They waited to fight fiercely. | คอยทีต่อกรรอนราญ ฯ |
ฯ ๔ คํา ฯ | |
74. Then | ๗๔. บัดนั้น |
Sampati the Brave | พระยาสัมพาทีใจหาญ |
When he came to the mount of Surakan Cave | ครั้นถึงปากถํ้าสุรกานต์ |
Stood bravely looking around. | ยืนทะยานเหลือบแลแปรไป |
He looked left and right. | พินิจพิศเพ่งซ้ายขวา |
He didn't see anyone coming or going. | จะเห็นใครไปมาก็หาไม่ |
It made him curious. | ให้คิดฉงนสนเทห์ใจ |
"How has it come to be like this?" | เหตุใดมาเป็นดั่งนี้ |
When he saw the three monkeys | พอแลเห็นสามวานร |
Standing at the edge of the rocks | ยืนอยู่ริมชะง่อนคีรีศรี |
He was very happy. | แสนโสมนัสยินดี |
So he asked, | จึ่งมีวาจาถามไป |
"This royal bird Sadayu, | อันสดายุราชปักษา |
What danger befell him | เกิดเหตุภัยมาเป็นไฉน |
So that you said he was dead? | ท่านจึ่งว่าสิ้นชีวาลัย |
Who dared to kill him?" | คือใครองอาจรอนราญ ฯ |
ฯ ๘ คํา ฯ | |
75. Then | ๗๕. บัดนั้น |
The Son of the Wind, the brave hearted one, | วายุบุตรวุฒิไกรใจหาญ |
Listened and gave an answer. | ได้ฟังจึ่งตอบพจมาน |
"Once upon a time, the Avatar, who has four hands, | เดิมพระอวตารสี่กร |
Performed rites at Kota | สร้างพรตอยู่ยังโคทา |
With Laksmana and Lady Sita, the Lovable. | กับพระลักษณ์นางสีดาดวงสมร |
He lived the life of a forest ascetic. | โดยเพศชีป่าพนาดร |
He made merit. | ถาวรจําเริญสวัสดี |
Totsapak thought of a plan | ทศพักตรมันคิดอุบาย |
To have Marit the giant, the younger brother of his mother, | ให้มารีศน้าชายยักษี |
Change his body into a deer | นิมิตกายกลายเป็นมฤคี |
To go fool the goddess Lady Sita. | ไปลวงเทวีนางสีดา |
The two would go after the deer. | สององค์เสด็จไปตามกวาง |
Totsakan would steal the lady and go of into the air. | มันลักนางไปโดยเวหา |
Sadayu came and confronted the demon. | สดายุมาพบอสุรา |
He fought against the power of the demon. | เข้าต่อฤทธากุมภัณฑ์ |
Totsapak didn't have any troops left. | ทศพักตรสุดสิ้นพวกพล |
The bird began to show of, deluding himself as to his power. | ปักษีอวดตนด้วยโมหันธ์ |
The Giant feared it was the end of his life. | ขุนยักษ์กลัวสิ้นชีวัน |
He removed the lady's ring | ถอดแหวนนางกัลยาณี |
Which belonged to Naray. | ซึ่งเป็นเครื่องทรงพระนารายณ์ |
Hw threw it and hit the body of the bird. | ขว้างมาต้องกายปํกษี |
His wings broke and he fell down to earth. | ปีกหักตกลงปัถพี |
He wasn't dead yet. | ชีวียังไม่มรณา |
Only after he met Naray | ต่อได้พบองค์พระทรงศิลป์ |
He gave back the ring and died. | ถวายแหวนแล้วสิ้นสังขาร์ |
Rama has employed me to come now | บัดนี้ตรัสใช้ให้เรามา |
To find out news of Sita in the city of the devils." | สืบข่าวกัลยายังเมืองมาร ฯ |
ฯ ๑๔ คํา ฯ เจรจา | |
Click here for the picture | |
76. Then | ๗๖. บัดนั้น |
Sampati the Brave Hearted | จึ่งสัมพาทีใจหาญ |
Listened to the on of the Wind explain the situation | ฟังวายุบุตรแจ้งการ |
About his brother's death, and he was sad. | ว่าน้องวายปราณก็โศกี |
"Oh Sadayu, | โอ้ว่าสดายุเอ๋ย |
You were a friend to your brother in time of troble. | เจ้าเคยเป็นเพื่อนยากพี่ |
Your strength was of no use. | เสียแรงซึ่งมีฤทธี |
You were careless in fighting your opponent. | ต่อตีข้าศึกประมาทใจ |
You let the demons fool you | ให้อ้ายอสุรโมหันธ์ |
And kill you. | สังหารชีวันเสียได้ |
Alas, Center of My Life, | นิจจาเอ๋ยเจ้าดวงชีวาลัย |
You shouldn't have fled to the heavens. | ควรฤาหนีไปเมืองฟ้า |
It is not fitting that I should live. | ตัวพี่จะอยู่ไม่ต้องการ |
It would be better for me to die too." | จะวายปราณตามไปดีกว่า |
He moaned and was very sad | รํ่าพลางแสนโศกโศกา |
As if he were going to die. | สกุณาเพียงสิ้นชีวัน ฯ |
ฯ ๘ คํา ฯ | |
77. Then | ๗๗. บัดนั้น |
Powerful Hanuman | หนุมานฤทธิแรงแข็งขัน |
Saw the bird crying, | เห็นปักษาโศกาจาบัลย์ |
Grieving as if he were losing consciousness. | รําพันเพียงสิ้นสมประดี |
He felt pity and compassion. | ให้คิดเมตตาอาวรณ์ |
So, he said, "Listen, bird, | จึ่งว่าดูก่อนปักษี |
That's the way it happens in this world. | ธรรมดาเกิดมาในโลกีย์ |
No one escapes death. | ไม่มีใครพ้นความตาย |
Even though Mount Meru | ถึงมาตรพระเมรุภูผา |
Is the foundation of all the worlds | เป็นหลักโลกาทั้งหลาย |
It also faces dissolution | ก็ย่อมรู้วินาศวอดวาย |
And danger through the Cataclysmic Fire. | อันตรายด้วยไฟบรรลัยกัลป์ |
Even if you grieve so much | แม้นท่านจะแสนโศกี |
That you die, | ไปกว่าชีวีจะอาสัญ |
Sadayu | ใช่ว่าสดายุนั้น |
Will not be restored to life. | จะคืนชีวันเป็นมา |
Please control your unhappiness. | จงระงับดับเสียซึ่งวิโยค |
Don't be so unhappy, O bird. | อย่าแสนโศกนักเลยนะปักษา |
I want to know something. | เราสงสัยใคร่แจ้งกิจจา |
What is your name, bird? | สกุณามีนามกรใด |
Why are your features missing from your whole body? | จึ่งขนหลุดสิ้นทั้งอินทรีย์ |
Why is it like that? | เหตุผลนั้นมีเป็นไฉน |
It makes me curious | ให้คิดฉงนสนเท่ห์ใจ |
Because I've never seen anything like it before." | ด้วยไม่เคยเห็นแต่ปางบรรพ์ ฯ |
ฯ ๑๒ คํา ฯ | |
78. Then | ๗๘. บัดนั้น |
Sampati the powerful | สัมพาทีฤทธิแรงแข็งขัน |
Listened to the Son of the Wind | ฟังลูกพระพายเทวัญ |
Speaking mercifully to him. | รําพันว่ากล่าวด้วยเมตตา |
He regained his senses, and extinguished his sorrow | ก็คืนได้สมประดีดับโศก |
And his Grief. | ซึ่งวิโยคเศร้าโทมนัสสา |
So he spoke beautiful words. | จึ่งกล่าวสุนทรวาจา |
"My name is Sampati. | ตัวเราชื่อว่าสัมพาที |
I was the loving elder brother | ได้เป็นพี่ชายสายสวาท |
Of Sadayu, the royal bird | กับสดายุราชปักษี |
Who stood at the top of Mount Asakan. | อยู่ยอดเขาอัสสกัณณ์คีรี |
This bird was young and naive. | สกุณียังเยาว์ไม่รู้ความ |
One day he saw the sun. | วันหนึ่งเห็นดวงทินกร |
It's rays illuminated the three worlds. | เขจรส่องทวีปทั้งสาม |
At dawn it was beautiful and red. | แรกอุทัยไขแสงแดงงาม |
He thought it was a ripe fruit and wanted to eat it. | ว่าลูกไม้สุกห่ามจะใคร่กิน |
He begged me. I forbade him, but he didn't listen. | วอนเราเราห้ามก็ไม่ฟัง |
He flew with the power of a bird. | บินด้วยกําลังปักษิน |
He wanted to grab the sun's chariot with his beak. | จะจับจิกรถแก้วโกมิน |
The sun was angry. | ทินกรกริ้วโกรธโกรธา |
Hot rays issued forth like the Cataclysmic Fire. | เปล่งแสงแรงร้อนดั่งเพลิงกาล |
I leaped up to protect the little one, | เราทะยานไปป้องกนิษฐา |
So my features fell off my entire body. | ขนจึ่งลุ่ยหลุดทั้งกายา |
And furthermore, the sun placed a curse on me | พระอาทิตย์ก็ซํ้าสาปไว้ |
To stay in Hemiran Cave. | ให้อยู่ถํ้าเหมติรัน |
My features were not to grow back | ขนนั้นอย่างอกขึ้นได้ |
Untill the soldier of glorious Naray | ต่อทหารพระนารายณ์เรืองชัย |
Leading the monkey troops | คุมกระบี่ไพร่พลากร |
Crosses to the Island of Lanka | จะข้ามไปทวีปลงกา |
And he gives the ring to Sita, the loved one. | ถวายแหวนสีดาดวงสมร |
He will stop to spend the night. | มาหยุดสํานักแรมร้อน |
Let the monkeys shout three times. | ให้วานรโห่ขึ้นสามที |
Then my features will sprout forth again." | ขนนั้นจึ่งกลับงอกงาม |
Then he explained about the city of giants. | แล้วแจ้งความบอกเมืองยักษี |
"Please be merciful. | ตัวท่านจงได้ปรานี |
I will show you the way to go." | เราจะชี้มรคาให้ไป ฯ |
ฯ ๑๘ คํา ฯ เจรจา | |
79. Then | ๗๙. บัดนั้น |
Brave Hanuman, the great soldier, | คําแหงหนุมานทหารใหญ่ |
Listened to the bird and was happy. | ได้ฟังปักษีก็ดีใจ |
Then he spoke courteously. | จึ่งปราศรัยด้วยรสวาจา |
"I am a soldier of the Four-handed One. | เราเป็นทหารพระสี่กร |
I will relieve your troubles, bird." | จะช่วยร้อนพระยาปักษา |
Having said this, he called the troops. | ว่าแล้วก็เรียกโยธา |
There was an uproar all over the mountain. | เสียงก้องโกลาทั้งคีรี ฯ |
ฯ ๔ คํา ฯ | |
80. Then | ๘๐.บัดนั้น |
The leaders of the monkey troops, | นายหมวดนายกองกระบี่ศรี |
As well as the soldiers, | ทั้งพวกพหลโยธี |
Heard Hanuman the monkey | ได้ยินกระบี่หนุมาน |
Shout out. | ร้องเรียกอื้ออึงกุลาหล |
Each one responded to the call. | ต่างตนต่างรับต่างขาน |
So they came out from the alleys and valleys and streams. | ก็ออกจากซอกห้วยเหวธาร |
They came running back in confusion. | วิ่งวุ่นอลหม่านกลับมา ฯ |
ฯ ๔ คํา ฯ เชิด | |
81. When they came to the mouth of the mountain cave | ๘๑. ครั้นถึงปากถํ้าคีรี |
They saw the bird Sampati. | เห็นสัมพาทีปักษา |
He had no features on his body. | ขนหลุดสิ้นทั้งกายา |
The monkeys questioned each other in confusion. | วานรถามกันวุ่นไป ฯ |
ฯ ๒ คํา ฯ เจรจา | |
82. Then | ๘๒. บัดนั้น |
Hanuman the Courteous | หนุมานผู้มีอัชฌาสัย |
Said to all the brave soldiers, | จึ่งบอกไพร่พลสกลไกร |
"According to the bird's story | ตามในเหตุผลสกุณี |
All of you must help | ตัวท่านทั้งหลายจงช่วยกัน |
All of the monkey soldiers | ทั้งพวกพลขันธ์กระบี่ศรี |
Must shout out three times. | โห่ขึ้นให้ได้สามที |
Then the bird will be released from his suffering." | นกนี้จะพ้นเวทนา ฯ |
ฯ ๔ คํา ฯ | |
83. Then | ๘๓. บัดนั้น |
All the monkey soldiers | โยธาวานรทั่วหน้า |
Listened and were glad. | ได้ฟังยินดีปรีดา |
They shouted out till it reached heaven. | ก็โห่สนั่นลั่นฟ้าสุธาธาร ฯ |
ฯ ๒ คํา ฯ | |
84. Then | ๘๔. บัดนั้น |
Sampati, of brave heart, | พระยาสัมพาทีใจหาญ |
When he heard the noise of the Avatar's troops, | ได้ยินเสียงพลพระอวตาร |
So loud that it shook the forest, | โห่สะท้านสะเทือนพนาดร |
His features sprouted forth abundantly. | ขนนั้นงอกงามขึ้นมา |
They covered his body as before. | เต็มทั่วกายาดั่งก่อน |
They alternated in different colors, shiny and beautiful. | สลับสีเลื่อมลายอรชร |
It was the end of the sun's curse. He was happy. | สิ้นสาปทินกรก็ยินดี |
He moved his tail, spread his wings, and moved around. | กระหยับหางกางปีกกวัดแกว่ง |
He meant to try out his bird-like powers. | หมายจะลองแรงปักษี |
He pushed off, and hovered with his magical powers | ถีบถาราร่อนด้วยฤทธี |
Up to the sky. | ยังที่พ่างพื้นโพยมบน ฯ |
ฯ ๖ คํา ฯ คุกพาทย์ | |
85. The noise of his wings was like a cataclysmic wind. | ๘๕. เสียงปีกปานลมบรรลัยกัลป์ |
There was an uproar of shaking, sliding, and bursting. | สะเทือนเลื่อนลั่นกุลาหล |
The rays of the sun were blocked out. | เป็นพยับอับแสงสุริยน |
Then he returned to the monkey soldiers. | แล้วกลับมายังพลวานร ฯ |
ฯ ๒ คํา ฯ แผละ | |
86. Then | ๘๖. บัดนั้น |
Skillful Hanuman | คําแหงหนุมานชาญสมร |
Spoke eloquently. | จึ่งกล่าววาจาอันสุนทร |
"Look bird, | ดูก่อนพระยาสกุณี |
Your curse is finished and so is your suffering. | ตัวท่านสิ้นสาปสิ้นทุกข์ |
You'll have only happiness from now on. | จะมีแต่สิ่งสุขเกษมศรี |
Your features have sprouted beautifully, all over your body. | ขนนั้นงอกงามทั้งอินทรีย์ |
Now, point out the way to Lanka." | จงชี้หนทางลงกา ฯ |
ฯ ๔ คํา ฯ | |
87. Then | ๘๗. บัดนั้น |
Sampati the Bird | พระยาสัมพาทีปักษา |
Listened and said, | ได้ฟังจึ่งกล่าววาจา |
"Look monkey chief, | ดูก่อนพระยาพานริน |
This City of Lanka | อันทวีปลงการาชฐาน |
Is in the middle of the water. | อยู่กลางชลธารกระแสสินธุ์ |
Only someone who knows how to fly | ต่อใครรู้เหาะรู้บิน |
Can go to the land of the demons. | จึ่งไปถึงแดนดินอสุรี |
It is beyond the power of the eye | แลดูสุดสายนัยเนตร |
To see the path. | สังเกตุไม่ได้วิถี |
So get on my back. | จงขึ้นบนหลังของเรานี้ |
I will fly over and point out the city of the giants." | จะพาบินไปชี้เมืองมาร ฯ |
ฯ ๖ คํา ฯ | |
88. Then | ๘๘. บัดนั้น |
The Son of the Wind, of brave heart, | วายุบุตรวุฒิไกรใจหาญ |
With Chompupan | ทั้งกระบี่ศรีชมพูพาน |
And Onkot, who was the granson of Indra, | องคตผู้หลานอัมรินทร์ |
Were happy. They invited each other | ยินดีก็ชวนกันขึ้นนั่ง |
To sit on the bird's back. | บนหลังพระยาปักษิน |
They mounted the bird, like Siva riding his owl. | ดั่งพระกาลทรงนกแสกบิน |
They were off to kill the demons. | จะไปกินชีวิตอสุรา ฯ |
ฯ ๔ คํา ฯ | |
89. Then | ๘๙. บัดนั้น |
Sampati the Brave | พระยาสัมพาทีตัวกล้า |
Was happy when the monkeys got on his back. | ครั้นวานรขึ้นหลังก็ปรีดา |
He shoved off from the top of the mountain. | บาทาถีบยอดคีรี |
The mountain was destroyed | เขานั้นก็แตกแยกพัง |
By the bird's power. | ด้วยกําลังฤทธิ์ราชปักษี |
There was a great noise throughout the world. | ครื้นครั่นสนั่นทั้งธาตรี |
The bird flew off into the sky. | สกุณีบินขึ้นคัคนานต์ ฯ |
ฯ ๔ คํา ฯ | |
90. When they came to Mount Kanta | ๙๐. ครั้นถึงเขาคันธสิงขร |
He hovered and pointed out the city. | ก็ราร่อนชี้บอกราชฐาน |
"Over there is Lanka, city of the demons. | โน่นแน่ลงกากรุงมาร |
It sticks out from the middle of the ocean | เป็นประธานในกลางสมุทรไท |
Like a little floating plant. | ดั่งหนึ่งจอกน้อยลอยอยู่ |
One can hardly see it. | แลดูหาใคร่เห็นไม่ |
In the center of the city | ท่ามกลางนิเวศน์เวียงชัย |
There is a large mountain | มีเขาหนึ่งใหญ่มหึมา |
It is the foundation of Lanka, island of the demons. | เป็นหลักลงกาทวีปอสุริน |
It is called Nila Kala Mountain. | ชื่อนิลกาลาภูผา |
Keep this image firmly in your eye. Memorize it. | ท่านจงสําคัญให้มั่นตา |
That's Lanka." | นั้นคือลงกาธานี ฯ |
ฯ ๖ คํา ฯ | |
91. Then | ๙๑. บัดนั้น |
The Son of the Wind, the brave one, | วายุบุตรวุฒิไกรชัยศรี |
Onkot, the Son of Pali, | องคตลูกพระยาพาลี |
And Chompupan, the monkey officer, | ทั้งขุนกระบี่ชมพูพาน |
Each one looked without blinking. | ต่างพินิจพิศดูไม่พริบเนตร |
They looked at the City of Lanka. | สังเกตลงการาชฐาน |
They saw it all clearly. | เห็นแจ้งประจักษ์ทุกประการ |
The three soldiers memorized it. | สามทหารสําคัญมั่นใจ |
So they said, "Look bird. | จึ่งว่าดูก่อนสกุณา |
We will remember the City of Lanka. | อันกรุงลงกาเราจําได้ |
You have so much magical power. | ตัวท่านผู้มีฤทธิไกร |
Return to the mountain." | จงกลับคืนไปคีรี ฯ |
ฯ ๖ คํา ฯ | |
92. Then | ๙๒. บัดนั้น |
Sampati the royal bird, | สัมพาทีราชปักษี |
Listened and was happy. | ได้ฟังชื่นชมยินดี |
He took the monkeys back. | ก็พากระบี่กลับมา ฯ |
ฯ ๒ คํา ฯ | |
93. When he was near Mount Hemtiran | ๙๓. ครั้นใกล้เขาเหมติรัน |
He aimed for the mount of the cave. | ก็สําคัญหมายปากคูหา |
He hovered and descended from a cloud | ร่อนลงจากพื้นเมฆา |
Into the midst of the monkey soldiers. | ท่ามกลางโยธาวานร ฯ |
ฯ ๒ คํา ฯ เชิด | |
94. Then | ๙๔. บัดนั้น |
Thw three brave soldiers | จึ่งสามทหารชาญสมร |
When they came to the place where the soldiers were assembled | ครั้นถึงที่ประชุมพลากร |
Got off from the bird's back. | บทจรจากหลังสกุณี ฯ |
ฯ ๒ คํา ฯ | |
95. The Son of the Wind, wise and brave, | ๙๕. วายุบุตรวุฒิไกรผู้ปรีชา |
Spoke with the two monkeys | จึ่งว่าแก่สองกระบี่ศรี |
"Only the three of us | แต่เราสามนายเท่านี้ |
Have enough magical powers to cross the ocean. | ฤทธีพอข้ามสมุทรไท |
All the rest of the monkey soldier, | อันโยธาวานรทั้งนั้น |
They can't all go. | จะไปสิ้นด้วยกันก็ไม้ได้ |
I alone will go stealthily | ตัวเราผู้เดียวจะลอบไป |
And attend on the woman in Lanka. | เฝ้าองค์อรไทถึงลงกา |
Chompupan and the grandson of Indra. | ชมพูพานกับหลานอัมรินทร์ |
You two monkeys stay and guard | สองกระบินทร์จงอยู่รักษา |
The monkey soldiers | พวกพลวานรโยธา |
At the mount of Surakan Cave." | ที่ปากคูหาสุรกานต์ |
So saying, he ordered the bird, | ว่าพลางสั่งสกุณี |
"You who are powerful and brave | ท่านผู้ฤทธีกล้าหาญ |
Please care for Onkot and Chompupan | ขอฝากองคตชมพูพาน |
With the group of monkeys." | กับหมู่บริวารวานร |
Having ordered this, the Son of the Wind | สั่งแล้วจึ่งลูกพระพาย |
Stepped with his left foot on the peak of the mountain. | เท้าซ้ายเหยียบยอดสิงขร |
Earth, heaven, and ocean shook. | สะเทือนดินฟ้าสาคร |
He flew off into the sky with his magical powers. | เหาะขึ้นอัมพรด้วยฤทธี ฯ |
ฯ ๑๐ คํา ฯ เชิด |