27. Then |
๒๗.บัดนั้น |
The two officers who had ranks |
สองนายผู้มียศถา |
And the entire group of monkey soldiers |
ทั้งหมู่วานรโยธา |
Heard the son of Pali. |
ฟังลูกพระยาพาลี |
They saw the merit, magic, and power |
เห็นบุญเห็นฤทธิ์เห็นอำนาจ |
Of Naray the Glorious. |
พระนารายณ์ธิราชเรืองศรี |
They praised the mighty Onkot. |
แล้วชมองคตผู้มีฤทธี |
"You are excellent, the best of men." |
ท่านนี้ประเสริฐเลิศชาย |
Each one talked among thenselves |
ต่างตนต่างสนทนากัน |
Until the sun nearly rose. |
จนสุริยันจวนแจ้งแสงฉาย |
He mobilized his group of soldiers |
ก็ยกพวกพลนิกาย |
And they went on their way. |
บ่ายหน้าไปตามมรคา ฯ |
|
ฯ ๖ คำ ฯ รุกร้น |
|
|
28. They led the troops over meadows and mountains.
|
๒๘. นำพลผ่านทุ่งวุ้งเขา
|
They followed the rows in the forest. |
ตามลำเนาทิวแถวแนวป่า |
They counted five leagues. |
หนทางห้าโยชน์คณนา |
It was almost evening |
พอจวนเวลาสายัณห์ |
They came to the city in the middle of the forest. |
ก็ถึงเมืองหนึ่งอยู่กลางไพร |
They were as happy as if they were in the thirty-third heaven. |
แสนสนุกดั่งตรัยตรึงส์สวรรค์ |
There was a wall with a row of watch towers |
ปราการหอรบเรียงรัน |
And a moat and a curious arch. |
คูคั่นเขื่อนซุ้มชอบกล |
There was also a great castle. |
มีทั้งมหาปราสาท |
Rays of light came down from heaven. |
โอภาสแลลอยโพยมหน |
They didn't see any troops |
ไม่เห็นโยธีรี้พล |
Coming in and out. |
เข้าออกสับสนนอกใน |
The three officers stared. |
สามนายแลเล็งเพ่งพิศ |
Each one was suspicious. |
ต่างตนต่างคิดสงสัย |
They halted the soldiers |
ให้หยุดพหลพลไกร |
And they consulted with each other. |
ลงไว้แล้วปรึกษากัน ฯ |
|
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา |
|
|
29. Then |
๒๙. บัดนั้น |
The son of the Wind, the Powerful One, |
ลูกพระพายฤทธิแรงแข็งขัน |
Spoke with the two officers. |
จึ่งว่าแก่สองนายนั้น |
"This city if quite strange. |
เมืองนี้อัศจรรย์ใจนัก |
I shall enter and look around |
ตัวเราจะเข้าไปดู |
To find out the circumstances, whether serious or not. |
ให้รู้เหตุการณ์เบาหนัก |
You good generals |
ฝ่ายท่านผู้จำเริญพักตร์ |
Keep the troops safe." |
รักษารี้พลให้จงดี |
Having ordered this, he walked out |
สั่งแล้วก็เดินออกมา |
From the group of glorious monkey soldiers. |
จากหมู่โยธากระบี่ศรี |
He turned his head toward the royal city |
บ่ายหน้าต่อราชธานี |
And walked into the palace. |
จรลีเข้ายังวังใน ฯ |
|
ฯ ๖ คำ ฯ ปถม |
|
|
30. (Chom talaat) He looked at the road
paved with stone. |
๓๐.(ชมตลาด) พิศดูมรรคาศีลาลาด
|
Trees were abundantly close together. |
รุกขชาติเรียบเรียงเคียงไสว |
Flowers and fruits were scattered abundantly |
ดอกผลหล่นกลาดดาษไป |
No one was to be seen, coming or going. |
ไม่เห็นผู้คนไปมา |
As he walked around, he looked and felt doubts. |
เดินพลางทางพิศคิดฉงน |
"Is this a trick of the giants? |
ฤาจะเป็นเล่ห์กลยักษา |
Or is it the pleasure palace |
ฤาที่ประพาสภิรมยา |
Of the god of the Earth? |
องค์เจ้าโลกาธาตรี |
It is very nice, |
จึ่งแสนสนุกสำราญ |
As if it were Indra's city |
ดั่งสถานนัคเรศโกสีย์ |
Admiring it, he hurried on. |
ชมพลางก็รีบจรลี |
He ascended the ornate palace. |
ี ขึ้นที่ปราสาทอลงกรณ์ ฯ |
|
ฯ ๖ คำ ฯ |
|
|
31. He saw a lady with beautiful features. |
๓๑. เห็นนางทรงลักษณ์วิไลวรรณ
|
Her skin was like that of a heavenly nymph. |
ผิวพรรณเพียงเทพอัปสร |
Her face was clear like the moon |
พักตร์ผ่องดังดวงศศิธร |
Her whole body was slender and lovely |
แน่งน้อยอรชรทั้งอินทรีย์ |
Her eyebrows were curved as if painted. |
ขนงก่งค้อมดั่งวาด |
Her lips glistened, glorious, bright, and beautiful. |
โอษฐ์เอี่ยมดั่งชาดเฉลิมศรี |
Her eyes were like the eyes of a deer. |
นัยเนตรเพียงเนตรมฤคี |
Her cheeks were like dazzling jewels. |
ปรางเปรียบมณีพรายพรรณ |
Her neck was like the neck of a swan. |
ลำศอดั่งคอราชหงส์ |
Her waist was like that of a heavenly bird. |
เอวองค์ดั่งกินรีสวรรค์ |
Her two arms were like the trunk of Indra's elephant. |
สองกรดั่งงวงเอราวัณ |
Her breasts were like golden lotuses. |
ดวงถันดั่งดวงปทุมทอง |
She was beautiful all over. |
งามสรรพพร้อมสิ้นสารพางค์ |
There was no one in all the world whose beauty could compare. |
งามนางในโลกไม่มีสอง |
She was beautiful and soft, with velvety skin. |
งามพริ้มนิ่มเนื้อนวลละออง |
The more you looked, the more you were attracted to her. |
ยิ่งพิศยิ่งต้องติดตา ฯ |
|
ฯ ๘ คำ ฯ |
|
|
32. "Enough of this. I'll go in and ask, |
๓๒. อย่าเลยจะเข้าไปไถ่ถาม |
In order to end this suspicion." |
ให้สิ้นข้อความที่กังขา |
So thinking, the monkey chief, who had great knowledge, |
คิดแล้วขุนกระบี่ผู้ปรีชา |
Approached the lady. |
เดินเข้าไปหานางเทวี ฯ |
|
ฯ ๒ คํา ฯ |
|
|
33. (chaatrii) So he spoke eloquent words. |
๓๓. (ชาตรี) จึ่งกล่าววาจาอันสุนทร
|
"Look, glorious woman, |
ดูก่อนเยาวมาลย์เฉลิมศรี |
You are slender and beautiful all over. |
แน่งน้อยเสาวภาคย์ทั้งอินทรีย์ |
What is your name? |
เจ้านี้มีนามกรใด |
Why are you alone? |
มาอยู่ผู้เดียวเอกา |
Where is the lord of the city? |
ท่านเจ้าพารานั้นไปไหน |
Why are there no soldiers or servants? |
สิ้นทั้งโยธาข้าไทย |
What is the reason, beautiful lady?" |
เหตุผลสิ่งใดเยาวมาลย์ ฯ |
|
ฯ ๔ คำ ฯ |
|
|
34. Then |
๓๔. เมื่อนั้น |
Lady Busmali, worthy of pity, |
นางบุษมาลียอดสงสาร |
Saw the monkey come asking about her situation. |
เห็นวานรมาถามเหตุการณ์ |
The girl was alarmed. |
นงคราญตระหนกตกใจ |
So, she thought about it. |
จึ่งคิดถวิลจินดา |
"Where does this monkey chief come from? |
ขุนกระบี่นี้มาแต่ไหน |
I was cursed by Indra |
ตัวกูต้องสาปหัสนัยน์ |
Thirty thousand years ago |
นานได้ถึงสามหมื่นปี |
Not to see man or woman. |
ไม่เห็นผู้คนหญิงชาย |
No one has come here to intrude. |
ใครจะมากลำ้กลายถึงนี่ |
If I am silent now |
ครั้นจะนิ่งเสียบัดนี้ |
I probably won't know what's going on." |
น่าที่ไม่แจ้งกิจจา |
Having thought this, she answered him back. |
คิดแล้วจึ่งเอื้อนตอบไป |
"Why is it, brave monkey, |
เป็นไฉนกระบี่ใจกล้า |
And from whence have you come |
อยู่ถิ่นฐานใดจึ่งขึ้นมา |
To the elaborate palace? |
ถึงมหาปราสาทอลงกรณ์ |
You ask my name rudely, without respect for |
ลวงถามนามเราไม่เกรงบาท |
The god of Mount Meru. |
พระจอมเมรุมาศสิงขร |
Hurry from the city. |
เร่งไปเสียจากพระนคร |
It is not fitting for a monkey to know." |
ไม่ควรวานรจะแจ้งการ ฯ |
|
ฯ ๑๐ คำ ฯ |
|
|
35. (raay) Then |
๓๕. (ร่าย) เมื่อนั้น
|
The Son of the Wind, who had great knowledge, |
วายุบุตรผู้ปรีชาหาญ |
Listened to the words of the woman. |
ได้ฟังสุรเสียงเยาวมาลย์ |
It was like heavenly medicine refreshing his heart. |
ปานอมฤตฟ้ายาใจ |
Therefore, he spoke eloquently. |
จึ่งมีสุนทรวาจา |
"Jewel of the eye, ultimate in love. |
แก้วตาผู้ยอดพิสมัย |
I don't understand what is going on, so I'm asking you. |
ไม่แจ้งความจึ่งถามอรไท |
Why should you be so cruel? |
ควรฤาช่างไม่ปรานี |
What are you angry about |
ขุ่นหมองข้องขัดสิ่งใดเจ้า |
That you chase me away, O young one! |
ยุพเยาว์จึ่งมาขับพี่ |
I am curious about your words. |
สงสัยในคำซึ่งพาที |
Why do you utter Indra's name?" |
ออกนามโกสีย์ด้วยอันใด |
While saying this, he approached her. |
ว่าพลางก็เดินเข้ามา |
"You should not deceive me. |
อนิจจาหาควรจะพรางไม่ |
I beg you |
ขอเชิญเยาวยอดดวงใจ |
To explain the situation to me. |
บอกไปให้แจ้งเหตุการณ์ |
If there is a problem, I will help you. |
แม้นมีทุกข์ร้อนจะได้ช่วย |
Even if it means death. |
กว่าจะม้วยชีวังสังขาร |
I am a soldier of the Avatar. |
พี่เป็นทหารพระอวตาร |
We were destined to meet." |
บุญนำมาพานพบกัน ฯ |
|
ฯ ๑๐ คำ ฯ |
|
|
36. (raay) Then |
๓๖.(ร่าย) เมื่อนั้น
|
Lady Busmali, the heavenly maiden, |
นางบุษมาลีสาวสวรรค์ |
Saw the monkey speaking and trying to entice her. |
เห็นวานรพูดเลี้ยวเกี้ยวพัน |
He approached her. |
แล้วเดินกระชั้นเข้ามา |
It made her feel very shy. |
ให้คิดขวยเขินสะเทิ้นนัก |
She turned her face away. |
นงลักษณ์ผินผันหันหน้า |
She got up and fled from her ornate dais. |
ลุกหนีจากแท่นอลงการ์ |
Then she answered him. |
แล้วมีวาจาตอบไป |
"Why are you chasing me? |
ทำไมไล่รุกบุกบัน |
You have no respect for my feelings. |
จะเกรงใจกันก็หาไม่ |
You speak elegantly to soften me up. |
ช่างกล่าวสุนทรให้อ่อนใจ |
You're just sweet talking me about helping me. |
ใส่ไคล้จะช่วยทุกข์เรา |
Phooey on you, soldier of Naray. |
ชิชะทหารพระนาราย์ |
Your tricks are worse than anyone's |
แยบคายดั่งใครไม่รู้เท่า |
I'm not easily impressed. |
ตัวข้ามิใช่ใจเบา |
I don't believe what you say. |
จะเชื่อคำเจ้าพาที |
You say you are a soldier of the Arrow-bearer. |
ซึ่งว่าเป็นทหารพระทรงศร |
What is your name, monkey? |
นามกรชื่อไรกระบี่ศรี |
If you tell me, I'll tell you nicely. |
แม้นบอกก็จะบอกกันโดยดี |
Don't come teasing me to make me angry." |
อย่ามาเซ้าซี้ให้ขัดใจ ฯ |
|
ฯ ๑๐ คำ ฯ |
|
|
37. (raay) "O, great beauty, |
๓๗. (ร่าย) โฉมเอยโฉมโฉมเฉลา
|
O, youthful one, most lovable, |
ยุพเยาว์ผู้ยอดพิสมัย |
I love you as much as my life. |
รักเจ้าเท่าดวงชีวาลัย |
I wasn't just sweet-talking you. |
ใช่จะใส่ไคล้เจรจา |
My name is Hanuman. |
ตัวพี่นี้ชื่อหนุมาน |
I am a soldier of Naray the Great. |
เป็นทหารพระนารายณ์นาถา |
Totsakan has stolen lady Sita |
ทศพักตรมันลักนางสีดา |
And gone to the City of Lanka. |
ไปยังลงกาธานี |
I have been ordered to visit her and bring news |
โองการใช้ให้มาเยือนข่าว |
About the Queen. |
เรื่องราวองค์พระมเหสี |
That's how I came to meet you. |
จึ่งพบเยาวยอดนารี |
Fate has brought us together." |
บุญเจ้ากับพี่ร่วมกัน |
Saying this, he walked closer. |
ว่าพลางก็เดินเข้าไปใกล้ |
He scrambled around and took the hands of the heavenly maiden. |
คว้าไขว่ฉวยกรสาวสวรรค์ |
He asked the beautiful girl, |
เชิญองค์วนิดาวิลาวัณย์ |
"Jewel of the city, come and sit with me." |
ขวัญเมืองมานั่งกับพี่ชาย ฯ |
|
ฯ ๘ คำ ฯ |
|
|
38. Then |
๓๘. เมื่อนั้น |
Beautiful Busmali |
นางบุษมาลีโฉมฉาย |
Brushed away his hand shyly. |
สลัดปัดกรดัวยความอาย |
She turned away and then replied, |
ชายหนีแล้วตอบวาจา |
"The more I scold you, the more you try to take advantage, |
ดูดู๋ยิ่งว่ายิ่งลวนลาม |
Rudely, showing no respect. |
หยาบหยามไม่คิดเกรงหน้า |
So this is the great Hanuman, |
นี่ฤาหนุมานผู้ศักดา |
The soldier of the four-handed Discus-bearer! |
ทหารพระจักราสี่กร |
Why don't you yawn and expel stars, |
เหตุใดไม่หาวเป็นดาวดวง |
Or a shining ray of the sun, |
เดือนตะวันโชติช่วงประภัสสร |
To show the power of the monkey? |
ให้เห็นสำคัญของวานร |
You deceive and lie. |
ลวงหลอนมุสาพาที |
As four the question about my name, |
แต่ซึ่งมาถามนามเรา |
I'll tell you that, monkey |
ข้อนั้นจะเล่ากระบี่ศรี |
My name is Busmali. |
ตัวข้อชื่อบุษมาลี |
This is Mayan City. |
เมืองนี้ชื่อเมืองมายัน |
Formerly, King Tawan went to have audience with |
เดิมท้าวตาวันไปเฝ้า |
The god of the thirty-three heavens. |
องค์เจ้าตรัยตรึงสาสวรรค์ |
He saw Lady Rampa the Beautiful. |
เห็นนางรำพาวิลาวัณย์ |
He was attracted to the Lady. |
ผูกพันพิศวาสอรไท |
Whenever he went to see the god he would plead. |
ขึ้นเฝ้าครั้งไรก็วอนว่า |
I acted as a go-between to bring the lady to him. |
ตัวข้าสื่อชักนางให้ |
The god came and killed them |
พระองค์ตามมล้างชีวาลัย |
And all the citizenry. |
บันดาลให้ไพร่พลสาธารณ์ |
And he also cast a curse on me to come down |
จึ่งซํ้าสาปข้าลงมาอยู่ |
To live alone in this city, |
ผู้เดียวที่ในราชฐาน |
To suffer for a long time, |
ทนทุกข์ทรมาช้านาน |
For about thirty thousand years, |
ประมาณได้สามหมื่นปี |
Until I should meet a skilled soldier |
ต่อพบทหารชาญณรงค์ |
Of the Glorious Naray. |
ขององค์พระนารายณ์เรืองศรี |
I would be freed from guilt |
จึ่งจะพ้นโทษาราคี |
By divine order." |
ตามมีเทวราชบัญชา ฯ |
|
ฯ ๑๖ คำ ฯ |
|
|
39. Then |
๓๙. เมื่อนั้น |
Brave Hanuman |
คำแหงหนุมานหาญกล้า |
Smiled and answered, |
ยิ้มแล้วจึ่งตอบพจนา |
"It's too bad you couldn't have told me this in the first place. |
อนิจจามิใคร่จะบอกกัน |
If you could have, you would have been freed from your suffering |
หาไม่ป่านนี้จะพ้นทุกข์ |
And you would have been joyful. |
เสวยสุขภิรมย์เกษมสันต์ |
I will help you, beautiful lady. |
จะช่วยวนิดาวิลาวัณย์ |
But how will you reward me?" |
แต่จะถึงใจกันด้วยอันใด |
So saying, he teased her |
ว่างพลางทางทำสัพยอก |
And kissed her. |
เย้าหยอกจุมพิตพิสมัย |
"You wait and see, lovely woman." |
เจ้าคอยดูเถิดอรไท |
Saying this, he jumped up with his magical power. |
ว่าแล้วโผนไปด้วยฤทธา ฯ |
|
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด |
|
|
40. Hovering by an opening in the window |
ููู๔๐. ลอยอยู่ตรงช่องบัญชร
|
He changed his body so that it had eight hands and four faces. |
กลับเป็นแปดกรสี่หน้า |
The sun, stars, and moon |
อันเดือนดาวดวงสุริยา |
Came from his shining lips. |
ออกมาจากโอษฐ์ชัชวาล ฯ |
|
ฯ ๒ คำ ฯ คุกพาทย์ |
|
|
41. Then |
๔๑. เมื่อนั้น |
Lady Busmali, most pitiful, |
นางบุษมาลียอดสงสาร |
Saw the monkey displaying all his powers, |
เห็นกระบี่แผลงฤทธิ์ชัยชาญ |
And the woman was in awe. |
เยาวมาลย์ตระหนกตกใจ |
Her two hands hid her two eyes. |
สองกรปิดสองนัยนา |
She lowered her head, not daring to look. |
ก้มหน้ามิอาจดูได้ |
She shuddered and let out a cry. |
ร้องกรีดหวีดหวาดวุ่นไป |
She was so stunned she fainted. |
ไม่เป็นสติสมประดี ฯ |
|
ฯ ๔ คำ ฯ |
|
|
42. Then |
๔๒. เมื่อนั้น |
Skillful Hanuman, |
หนุมานผู้ชาญชัยศรี |
When he saw Lady Busmali |
คร้้ันเห็นนางบุษมาลี |
Fearful, and shouting in agitation, |
ตกใจร้องมี่วุ่นวาย |
He nearly died he was so enamored. |
ยิ่งแสนพิศวาสจะขาดจิต |
He changed his body back to its former shape. |
ก็กลับรูปนิมิตให้สูญหาย |
He at down next to her. |
ลงมานั่งแนบแอบกาย |
He smiled brightly and consoled the woman. |
ยิ้มพรายรับขวัญกัลยา ฯ |
|
ฯ ๔ คำ ฯ |
|
|
43. Then he spoke eloquently, |
๔๓. แล้วมีวาจาอันสุนทร |
"O beautiful lady, most lovable, |
สายสมรเยาวยอดเสน่หา |
I love you as much as I love my live. |
รักเจ้าเท่าดวงชีวา |
Jewel of my eyes, don't be frightened." |
แก้วตาของพี่อย่าตกใจ |
Saying this, he picked her up in his arms. |
ว่าพลางอุ้มองค์นงลักษณ์ |
He was happy looking at her |
ภิรมย์ชมพักตร์พิศมัย |
He fondled her and chunked her under the chin. |
เชยแก้มแนมเนื้ออรไท |
He touched her lotus breasts. |
คว้าไขว่ต้องเต้าสุมามาลย์ |
The rains of heaven fell and the sky thundered. |
ฝนสวรรค์ครั่นครื้นโพยมหน |
Flowers opened to receive the sun. |
โกมลบานรับสุริยฉาน |
The smell of perfume floated on the waters. |
กลิ่นตลบอบฟุ้งชลธาร |
The two were very happy. |
สองสําราญสุขเกษมเปรมปรีดิ์ ฯ |
|
ฯ ๖ คํา ฯ กล่อม |
|
|
44. Then |
๔๔. เมื่อนั้น |
Lovely Busmali, |
นางบุษมาลีโฉมศรี |
After she had been united in sex |
ครั้นได้ร่วมรสฤาดี |
With the monkey chief of high rank |
กับขุนกระบี่ผู้ศักดา |
Was terribly happy. |
แสนสนิทพิศมัยใหลหลง |
She was infatuated in her love. |
งวยงงด้วยความเสน่หา |
She forgot the pain she had suffered |
ลืมทุกข์ที่ทนเวทนา |
When she was alone in Mayan City. |
ซึ่งอยู่เอกาในมายัน |
She forgot her heavenly abode. |
ลืมทิพสถานพิมานแมน |
She forgot the many possessions of the heavenly city. |
ลืมแสนสมบัติเมืองสวรรค์ |
She forgot her shyness and her annoyance. |
ลืมอายลืมความรังเกียจกัน |
She was happy and embraced the monkey. |
เกษมสันต์อิงแอบวานร ฯ |
|
ฯ ๖ คํา ฯ |
|
|
45. Then |
๔๕. เมื่อนั้น |
Powerful Hanuman, skilled in love, |
คําแหงหนุมานชาญสมร |
Lay close beside her. |
เชยชิดพิศวาสบังอร |
Then he spoke eloquent words to her. |
แล้วกล่าวสุนทรวาที |
"O beautiful one, youthful one, |
เจ้าผู้โฉมเฉลาเยาวเรศ |
Apple of my eye, best of woman, |
ดวงเนตรผู้มิ่งมารศรี |
Now the Discus-bearing King |
บัดนี้สมเด็จพระจักรี |
Is using me to go and pay audience to Lady Sita. |
ใช้พี่ไปเฝ้านางสีดา |
If I linger a long time in sexual enjoyment |
ครั้นจะอยู่สู่สมภิรมย์รัก |
I fear punishment. |
ช้านักก็เกรงโทษา |
I must ask to take my leave. |
ตัวพี่นี้จักขอลา |
O jewel of my eyes, do not mourn. |
แก้วตาอย่าได้อาวรณ์ |
As for my going to the powerful City of Lanka. |
ซึ่งจะไปลงกากรุงไกร |
Tell me if it is near or far, my love. |
ยังใกล้ฤาไกลดวงสมร |
Please tell me the way to go. |
ช่วยบอกหนทางให้พี่จร |
Please have pity on me, woman." |
บังอรจงได้ปรานี ฯ |
|
ฯ ๘ คํา ฯ |
|
|
46. Then |
๔๖. เมื่อนั้น |
Beautiful Lady Busmali |
นางบุษมาลีโฉมศรี |
Listened to Hanuman's words. |
ได้ฟังหนุมานพาที |
It was as if her life were being destroyed. |
ดั่งหนึ่งชีวีจะบรรลัย |
She bent her head and bowed at his feet. |
น้อมเศียรกราบกับบทเรศ |
Tears flowed swiftly from her eyes. |
ชลเนตรแถวถั่งหลั่งไหล |
She felt burdened, confused, and afraid |
ให้อัดอั้นตันอกตกใจ |
Because she was going to be separated from the monkey chief. |
ด้วยจะไกลพระยาพานร |
She was unable to stop him. |
สุดที่จะขัดทัดทาน |
She felt terrible, suffering as if she had been hit by arrows. |
แสนทุกข์ทรมานดั่งต้องศร |
She tried to control herself. |
ขืนใจดับความอาวรณ์ |
She raised her hand and pointed out the path |
ยอกรชี้บอกมรรคา |
To Lanka, the powerful city. |
อันทางลงกากรุงไกร |
"Go in the southwest direction. |
ไปโดยหรดีทิศา |
From here it is nine leagues. |
แต่นี้เก้าโยชน์คณนา |
There you will encounter a great river |
จึ่งจะพบมหานที |
Swift, very big, deep, and wide. |
เชี่ยวฉานใหญหลวงลึกกว้าง |
There is a beautiful nymph. |
มีนางอับสรโฉมศรี |
She guards the river. |
สําหรับรักษาวารี |
Ask the goddess. |
จงถามเทวีต่อไป |
I am finished with my punishment. |
น้องนี้ก็สิ้นมลทินโทษ |
Please see me off |
ได้โปรดจงช่วยส่งให้ |
To return to heaven |
คืนยังฟากฟ้าสุราลัย |
As Indra commanded." |
ตามคําหัสนัยน์บัญชา ฯ |
|
ฯ ๑๒ คํา ฯ |
|
|
47. Then |
๔๗. เมื่อนั้น |
The Son of the Wind, of high rank, |
ลูกพระพายผู้มียศถา |
Picked the woman up. |
จึ่งเข้าอุ้มองค์กัลยา |
His glance at her face lingered. |
พิศดูพักตราก็อาลัย |
He looked at her hair and eyes and breasts. |
พิศเกศเนตรนมชมนาง |
He looked at her cheeks and sighed heavily. |
พิศปรางทางถอนใจใหญ่ |
He ahd no choice, and so he hurled her upward |
จําเป็นก็โยนขึ้นไป |
Into the sky, with his magical powers. |
ยังในอากาศด้วยฤทธี ฯ |
|
ฯ ๔ คํา ฯ |
|
|
48. When he finished sending the lady off to Indra's
city |
๔๘. ครั้นเสร็จส่งนางไปเมืองอินทร์
|
The lord of the monkeys was very happy. |
ขุนกระบินทร์ชื่นชมเกษมศรี |
He left the splendid palace. |
ลงจากปราสาทรูจี |
He hurried out. |
ก็รีบจรลีออกมา ฯ |
|
ฯ ๒ คํา ฯ เสมอ |