DIVISION #1 | DIVISION #2 | DIVISION #3 | DIVISION #4 | DIVISION #5 | DIVISION #6 | DIVISION #7 |
DIVISION #8 | DIVISION #9 | DIVISION #10 | DIVISION #11 | DIVISION #12 | DIVISION #13 | HOME |
DIVISION 14: SITA ATTEMPTS SUICIDE AND HANUMAN SAVES HER |
190. Then | ๑๙๐. บัดนั้น |
The giant women | ฝ่ายนางอสุรีสาวสวรรค์ |
were annoyed with beautiful Sita. | ขัดแค้นสีดาวิลาวัณย์ |
So they invited themselves into the pavilion. | ก็ชวนกันเข้าไปในพลับพลา ฯ |
ฯ ๒ คํา ฯ ชุบ | |
191. They sat down opposite the woman. | ๑๙๑. นั่งลงตรงพักตร์บังอร |
They looked at her out of the corner of their eyes and said, | ควักค้อนแล้วรํ่ารําพันว่า |
"Why is it, Lady Sita, | เป็นไฉนฉะนี้นางสีดา |
The Lord Giant loves you as his heart. | พระยายักษ์รักเจ้าดั่งดวงใจ |
Why can't you give in? | ควรฤาช่างไม่ผ่อนผัน |
How can you curse him? | รําพันด่าเล่นก็เป็นได้ |
You will have us killed. | จะให้เรานี้พลอยบรรลัย |
Will you be satisfied then, Lady? | ดีแล้วฤาไรนางเทวี |
Next time, if you don't go along with him and everything he says, | ทีหลังแม้นไม่ปลงจิต |
If you aren't close to the giant, | แสนสนิทด้วยท้าวยักษี |
He will tear apart your flesh, and slice the hide all over your body, | จะฉีกเนื้อเถือหนังทั้งอินทรีย์ |
And it will serve you right." | ให้สาที่นํ้าใจกัลยา ฯ |
ฯ ๖ คํา ฯ เจรจา | |
192. Then | ๑๙๒. เมื่อนั้น |
Lovely Lady Sita | สีดาเยาวยอดเสน่หา |
Was angry at Totsakan the Giant. | คิดแค้นทศกัณฐ์อสุรา |
And she was hurt from the words of the ladies-in-waiting. | ทั้งเจ็บวาจากํานัล |
It was the end of her endurance and pain and thoughts. | สุดทนสุดทุกข์สุดคิด |
She was so hurt she couldn't suppress it any longer. | ชํ้าจิตสุดที่จะอดกลั้น |
She sighed and cried. | สะท้อนถอนใจจาบัลย์ |
She moaned for the Discus-bearer. | รําพันถึงองค์พระจักรี |
"Why hadn't he come after her? | ไฉนพระไม่ติดตามมา |
And killed the evil giants! | ล้างเหล่าพาลายักษี |
To let him speak so crudely | ให้มันหยาบช้าพาที |
And scold his wife here in every way! | ว่ากล่าวเมียนี้ทุกสิ่งไป |
I'm at my wit's end and I don't want to live | สุดคิดที่จะครองชีวาตม์ |
To wait for him. | ไว้ท่าเบื้องบาทพระองค์ได้ |
The longer I live the more grief I feel. | อยู่ช้ายิ่งชํ้าระกําใจ |
I will kill myself and go to wait in heaven." | จะบรรลัยไปคอยยังเมืองฟ้า |
While thinking this she acted as if she were going to bed. | คิดพลางทางทําเป็นเข้าที่ |
When she saw the giantesses who surrounded her left and right | ครั้นเห็นนางอสุรีซ้ายขวา |
They were all asleep and unconscious. | หลับไหลไม่ฟื้นกายา |
She descended from the pavilion and went off. | ก็ลงจากพลับพลาเสด็จจร ฯ |
ฯ ๑๐ คํา ฯ | |
193. When she came to a big sok tree | ๑๙๓. ครั้นมาถึงต้นโศกใหญ่ |
Near a fragrant lotus pond | ใกล้สระปทุมเกสร |
Out of sight of the group of giantesses | พ้นฝูงอสุรีนิกร |
She fell to the ground and cried. | บังอรทรุดองค์ลงโศกี ฯ |
ฯ ๒ คํา ฯ โอด | |
194. She lamented, "O King, | ๑๙๔. โอ้ว่าสมเด็จพระลูกเจ้า |
Your goodness protects my head. | พระคุณปกเกล้าเกศี |
Your wife is about to die. | เมียจะสุดสิ้นชีวี |
You will not see me die. | ภูมีไม่ได้เห็นใจ |
Alas! I tried to protect myself and wait for you. | เสียทีครองตัวไว้ท่า |
I didn't have a chance to say goodbye to you. | จะได้บังคมลาก็หาไม่ |
From now on, I'll be gone. | ตั้งแต่วันนี้จะลับไป |
I won't be with you again, at your feet." | มิได้ฉลองบทมาลย์ |
Saying this she lifted her hands to the top of her head. | รํ่าพลางยอกรขึ้นเหนือเกศ |
She paid obeisance to the gods everywhere. | ไหว้ฝูงเทเวศทุกสถาน |
She bowed down to the earth. | กราบลงกับพื้นสุธาธาร |
She moaned with longing. | นงคราญรํ่าว่าด้วยอาวรณ์ |
"Please protect the King | ขอฝากสมเด็จพระหริวงศ์ |
And Laksmana, who carries the arrows. | กับองค์พระลักษณ์ทรงศร |
Let no trouble or sorrow befall them. | อย่ามีทุกข์โศกโรคร้อน |
If the Lord with Four Hands follows me here, | แม้นพระสี่กรตามมา |
Please tell him I've been hurt | ช่วยทูลว่าข้านี้เจ็บชํ้า |
By the words of the evil giant. | ด้วยคําพวกพาลยักษา |
Now I shall pay my obeisance and take my leave | บัดนี้ถวายบังคมลา |
To go to heaven." | ไปยังฟากฟ้าดุษฎี ฯ |
ฯ ๑๐ คํา ฯ โอด | |
195. When she finished entrusting herself to the gods | ๑๙๕. ครั้นเสด็จฝากฝูงเทเวศ |
This glorious woman | เยาวเรศผู้มิ่งมารศรี |
Pulled down a branch of the sok tree to hang herself. | น้าวกิ่งโศกห้อยอินทรีย์ |
She lifted herself up. | เทวีก็หน่วงขึ้นไป ฯ |
ฯ ๒ คํา ฯ เพลง | |
196. She took her garment and tied her neck firmly. | ๑๙๖. เอาภูษาผูกศอให้มั่น |
Then she bound it around the branch of the big sok tree. | แล้วพันกับกิ่งโศกใหญ่ |
She closed her eyes and made her decision. | หลับเนตรดํารงปลงใจ |
Then the woman jumped down. | อรไทก็โจนลงมา ฯ |
ฯ ๒ คํา ฯ เชิดฉิ่ง | |
197. Then | ๑๙๗. บัดนั้น |
The Son of the Wind, the Brave One, | วายุบุตรวุฒิไกรใจกล้า |
When he saw the woman | ครั้นเห็นองค์อัครกัลยา |
Tie her neck and jump down, he was shocked. | ผูกศอโจนมาก็ตกใจ |
His body trembled as if he would die. | ตัวสั่นเพียงสิ้นชีวิต |
His heart was trobled. It was on fire. | ร้อนจิตดั่งหนึ่งเพลิงไหม้ |
He jumped down, | โลดโผนโจนตรงลงไป |
Immediately, with agility. | ด้วยกําลังว่องไวทันที ฯ |
ฯ ๔ คํา ฯ เชิด | |
198. When he reached her, he untied the royal garment | ๑๙๘. ครั้นถึงจึ่งแก้ภูษาทรง |
that bound her neck. | ที่ผูกศอองค์พระลักษมี |
He lowered her to the earth. | หย่อนลงยังพื้นปัถพี |
The Lord of the Monkeys jumped down. | ขุนกระบี่ก็โจนลงมา ฯ |
ฯ ๒ คํา ฯ | |
199. He saw that she wasn't dead. | ๑๙๙. เห็นนางไม่สิ้นชีวาลัย |
He was elated. | มีใจแสนโสมนัสา |
He ran to her and paid obeisance at her feet. | วิ่งเข้ากราบลงกับบาทา |
He prostrated himself in front of the lady. | หมอบอยู่ตรงหน้าบังอร ฯ |
ฯ ๒ คํา ฯ | |
200. Then | ๒๐๐. เมื่อนั้น |
Lovely Sita, Circle of Love, | นวลนางสีดาดวงสมร |
Saw the monkey come and pay obeisance to her. | เห็นกระบี่มาถวายชุลีกร |
The maiden's anger was like the Cataclysmic Fire. | บังอรกริ้วโกรธดั่งเพลิงกาล |
So, she said, | จึ่งมีเสาวนีย์ตรัสไป |
"O, you beastly forest monkey! | เหวยอ้ายลิงไพรเดียรฉาน |
Why did you do this evil thing? | เหตุใดมึงทําสาธารณ์ |
I am suffering. | กูผู้ทรมานเวทนา |
Totsapak kidnapped me and fled | ทศพักตรมันลักเราหนี |
From the Discus-bearer, the Refuge. | จากพระจักรีนาถา |
It grieves me. | เจ็บชํ้าระกําอุรา |
I drink only tears every single day. | กินแต่นํ้าตาไม่วายวัน |
At the end of my endurance, I hanged myself to die. | สุดทนจึ่งผูกคอตาย |
O, Monkey, full of evil and illusion, | อ้ายลิงแสนร้ายโมหันธ์ |
Why did you come and interfere | เป็นไฉนจึ่งมาก้างกัน |
So that I did not die?" | มิให้ม้วยชีวันด้วยอันใด ฯ |
ฯ ๘ คํา ฯ | |
201. Then | ๒๐๑. บัดนั้น |
The Son of the Wind, the Courteous, | ลูกพระพายผู้มีอัชฌาสัย |
Bowed down and said, | บังคมก้มเกล้าแล้วทูลไป |
"Your Majesty, please have mercy. | พระองค์จงได้เมตตา |
My name is Hanuman. | ตัวข้านี้ชื่อหนุมาน |
I am a soldier of Naray the Refuge. | เป็นทหารพระนารายณ์นาถา |
Now the King has come | บัดนี้ผ่านเกล้าเสด็จมา |
With an army of monkeys. | ประชุมโยธาวานร |
To the base of Kantamat Mountain | อยู่ยังเชิงเขาคันธมาทน์ |
With his younger brother. | กับพระนุชนาถทรงศร |
When he wills it, he will raise his troops | เสร็จแล้วจะยกพลากร |
And come after the giants and fight them. | ตามมารานรอนอสุรี |
He told me to come and tell you this, | ตรัสใช้ข้าบาทมาทูลสาร |
So that you will know. | แจ้งการให้ทราบบทศรี |
Laksmana and the Discus-bearer | อันองค์พระลักษณ์พระจักรี |
Are sad all the time." | แสนโศกโศกีทุกเวลา ฯ |
ฯ ๘ คํา ฯ | |
202. Then | ๒๐๒. บัดนั้น |
Lovely Lady Sita | นวลนางสีดาเสน่หา |
Understood when he uttered the name of the Discus-bearer. | แจ้งความออกนามพระจักรา |
It was like nectar healing her heart. | ดั่งอมฤตฟ้ายาใจ |
It made her feel affection and longing. | ให้คิดเสน่หาอาวรณ์ |
She couldn't control her sorrow. | บังอรไม่กลั้นโศกได้ |
Tears of love filled her eyes. | ชลเนตรคลอเนตรด้วยอาลัย |
She sighed and said, | ถอนใจแล้วมีเสาวนีย์ |
"You say you are a soldier | ตัวท่านว่าเป็นทหาร |
Of the glorious Avatar Naray. | พระนารายณ์อวตารเรืองศรี |
Then why is it that I | เป็นไฉนจึ่งตัวเรานี้ |
Didn't recognize you, O monkey?" | มิได้รู้จักวานร ฯ |
ฯ ๖ คํา ฯ | |
203. Then | ๒๐๓. บัดนั้น |
Hanuman, strong and skillful, | คําแหงหนุมานชาญสมร |
Listened to the First Queen. | ได้ฟังอัครราชบังอร |
He made a gesture of obeisance, then answered her. | ประนมกรแล้วทูลสนองไป |
"When you were living with the Conch-bearer | เมื่อพระองค์อยู่ด้วยพระทรงสังข์ |
I had not yet come to be his servant." | ข้ายังหามาเป็นข้าไม่ |
While saying this, he gave her the ring and the breast cloth | ทูลพลางถวายแหวนกับสไบ |
"These things the King gave me. | ของนี้ภูวไนยให้มา |
He told me that it was the ring of the Queen | สั่งว่าธํามรงค์พระเทวี |
Which the giant took off and threw at the bird | อสุรีถอดขว้างปักษา |
Sadayu, when he was near death. | สดายุเมื่อใกล้มรณา |
He gave it to the great Discus-bearer. | ถวายพระจักราฤทธิรอน |
This breast cloth | อันพระภูษาสไบทรง |
Belongs to the Queen. | ขององค์อัคเรศสายสมร |
These things he entrusted to the monkey. | ซึ่งฝากไว้กับวานร |
He gave them to me for you to recognize." | ภูธรให้เป็นสําคัญมา ฯ |
ฯ ๘ คํา ฯ | |
204. Then | ๒๐๔. เมื่อนั้น |
Beautiful Lady Sita | โฉมนางสีดาเสน่หา |
Saw the Jewelled ring | เห็นพระธํามรงค์อลงการ์ |
And her breast cloth | กับผ้าสไบของเทวี |
It was as if she had seen the King himself. | ดั่งได้พบองค์พระทรงฤทธิ์ |
Then she began to be suspicious of the monkey. | แล้วคิดสงสัยกระบี่ศรี |
So, she said, very sweetly, | จึ่งมีมธุรสวาที |
"These things were dropped in the midle of the forest. | ของนี้สิตกอยู่กลางไพร |
You are one of the devil's men. | ตัวท่านเป็นพวกกุมภัณฑ์ |
You were out walking in the forest and found them. | เที่ยวไปอารัญเก็บได้ |
The mean Totsasian | อ้ายทศเศียรจัญไร |
Had you act falsely and bring these things to me. | แกล้งใช้ให้เอ็งนํามา |
You tricked me into not dying | ทํากลลวงกูมิให้ตาย |
With tricks and lies. | ด้วยแยบคายถ้อยคํามารษา |
I don't believe you. | ตัวเราไม่เชื่อวาจา |
You belong to the wicked group." | พวกอ้ายพาลาสาธารณ์ ฯ |
ฯ ๘ คํา ฯ | |
205. Then | ๒๐๕. บัดนั้น |
The Son of the Wind, Man of Wisdom, | วายุบุตรผู้ปรีชาหาญ |
Heard the lady's words. | ฟังพระเสาวนีย์นงคราญ |
He prostrated himself at her feet and then he said, | กราบกับบทมาลย์แล้วทูลไป |
"Mother of the World, don't be suspicious of me. | พระมารดาโลกอย่ากินแหนง |
I was not sent to deceive you. | จะแต่งมาล่อลวงนั้นหาไม่ |
His Majesty gave me these secret signals | พระองค์สั่งข้าเป็นความใน |
To end your suspicions. | ให้สิ้นสงสัยของเทวี |
He said your royal father | ว่าสมเด็จพระบิตุรงค์ |
Arranged your wedding ceremony. | ตั้งมงคลการภิเษกศรี |
He lifted the great bow | ยกมหาธนูโมลี |
In Mitila City. | ที่ในบุรีมิถิลา |
You hid in a window. | พระแม่เจ้าแอบอยู่ยังบัญชร |
When the Four-handed King | พอพระสี่กรนาถา |
Entered | เสด็จดําเนินเข้ามา |
Your eyes met and stared at each other. | นัยน์ตาต่อเนตรเล็งกัน |
Each one felt attachment | ต่างองค์ต่างเกิดปฎิพัทธ์ |
And desire. You were very happy. | กําหนัดในรสเกษมสันต์ |
This secret is a sign. | ความลับเป็นที่สําคัญ |
Only you know about it." | รู้กันแต่องค์พระเทวี ฯ |
ฯ ๘ คํา ฯ | |
206. Then | ๒๐๖. เมื่อนั้น |
Lady Sita | นวลนางสีดามารศรี |
Listened to Hanuman's words. | ได้ฟังหนุมานพาที |
She stopped being suspicious. | สิ้นที่กินแหนงแคลงใจ |
So she took the ring and cloth. | จึ่งรับภูษาธํามรงค์ |
She laced them on her head and cried. | ทูนเศียรแล้วทรงกันแสงไห้ |
Tears slowly flooded her eyes. | ชลเนตรนองเนตรรํ๋าไร |
She signed and sobbed out of longing. | ถอนใจสะอื้นอาวรณ์ ฯ |
ฯ ๔ คํา ฯ | |
207. "O PowerfulKing, | ๒๐๗. โอ้ว่าพระองค์ทรงฤทธิ์ |
Your wife thought she was going to take her leave and die. | เมียคิดว่าจะลาตายก่อน |
You still worry about me | ยังอาลัยในข้าบังอร |
And went to the trouble of coming after me. | อุตส่าห์บทจรตามมา |
You didn't think of the difficulty involved. | ไม่คิดแก่ยากลําบากองค์ |
You made your way through the dense forest | บุกชัฎลัดดงพงป่า |
With a lot of suffering and sorrow | แสนทุกข์แสนเพทเวทนา |
Along with your beautiful younger brother. | กับพระอนุชาวิลาวัณย์ |
All this is because you love your wife. | ทั้งนี้เป็นเหตุเพราะรักเมีย |
That's why you were deluded by the giant. | จึ่งเสียรู้อสุรโมหันธ์ |
Or else, how could Totsakan | หาไม่ที่ไหนทศกัณฐ์ |
Have stolen me and taken me here? | มันจักได้ลักน้องมา |
It made Your Majesty unhappy in his love | ให้พระองค์โศกาอาวรณ์ |
To suffer and be sad and grieve." | ทุกข์ร้อนเศร้าโทมนัสสา |
While saying this, the woman pounded her breast | รํ่าพลางนางข้อนอุรา |
As if she would lose conciousness. | ดั่งว่าจะสิ้นสมประดี ฯ |
ฯ ๘ คํา ฯ โอด | |
208. Then | ๒๐๘. บัดนั้น |
Hanuman the Victorious | หนุมานผู้ชาญชัยศรี |
Saw the chief Queen. | เห็นองค์อัครราชเทวี |
She was sad and moaning. | โศกีครวญครํ่ารําพัน |
He said, "Your Majesty, please don't be unhappy, | ทูลว่าปิ่นเกล้าอย่าทุกข์ร้อน |
Yearning, and at a loss with sorrow. | อาวรณ์วิโยคโศกศัลย์ |
The fact that Totsakan | อันเหตุซึ่งอ้ายทศกัณฐ์ |
Kidnapped you and brought you here, | มันไปลอบลักพระองค์มา |
As punishment for his deeds, he will die. | ผลกรรมนําที่จะถึงตาย |
It will be the end of the race of giants. | วอดวายสิ้นโคตรยักษา |
It will be the end of his royal race in Lanka | สาบสูญสุริย์วงศ์ในลงกา |
By the holy arrows of the Four-handed One. | ด้วยศรศักดาพระสี่กร |
Because you are unhappy | ซึ่งได้อาดูรพูนเทวษ |
I would like to invite you | ขอเชิญอัคเรศดวงสมร |
To come sit on my hand. | ขึ้นนั่งยังมือวานร |
I will carry you | จะพาบังอรจรจรัล |
And give you back to King Naray | ไปถวายสมเด็จพระนารายณ์ |
So that the sorrow will end. | ให้หายทุกข์ร้อนโศกศัลย์ |
If the giant follows us, | มาตรแม้นยักษามาตามทัน |
I'll kill him." | จะฆ่ามันให้ม้วยชีวี ฯ |
ฯ ๑๐ คํา ฯ | |
209. Then | ๒๐๙. เมื่อนั้น |
Lovely Lady Sita | โฉมนางสีดามารศรี |
Heard the words of the Son of the Wind. | ฟังลูกพระพายพาที |
So she replied, | จึ่งมีเสาวนีย์ตอบไป |
"Look, brave Hanuman, | ดูก่อนคําแหงหนุมาน |
Your words aren't right. | อันคําของท่านหาชอบไม่ |
Why do you think things are so easy? | ไฉนจึ่งคิดเบาใจ |
You didn't think with wisdom. | มิได้ตริตรองด้วยปรีชา |
Totsapak kidnapped me and fled. | ทศพักตรมันลักเราหนี |
This fact is a source of suspicion. | ข้อนี้ก็ที่กังขา |
In addition, you came | มิหนําซํ้าตัวท่านมา |
To take me from the city of the devil. | พาเราไปจากเมืองมาร |
It would add to my guilt. | ยิ่งจะเป็นที่ราคิน |
My guilt would spread in all directions. | ทั่วสิ้นในทศทิศานต์ |
Even the Avatar King | ถึงองค์สมเด็จพระอวตาร |
Would hear and be suspicious. | ผ่านฟ้าจะแหนงแคลงใจ |
As for what you suggest, in all rightness, | ซึ่งท่านว่านี้ก็โดยธรรม์ |
I can't go with you. | เราจะไปด้วยนั้นไม่ได้ |
So, monkey, hurry back, | ขุนกระบี่จงเร่งกลับไป |
And tell His Majesty to hurry here | ทูลพระภูวไนยให้รีบมา |
And kill Totsapak | สังหารผลาญอ้ายทศพักตร์ |
And end his royal race. | ให้สิ้นศักดิ์สุริย์วงศ์พงศา |
Then I will leave Lanka | เราจึ่งจะจากลงกา |
And attend court at the feet of the Four-handed One." | ไปเฝ้าบาทาพระสี่กร ฯ |
ฯ ๑๒ คํา ฯ | |
210. Then | ๒๑๐. บัดนั้น |
Strong Hanuman the Victorious | คําแหงหนุมานชาญสมร |
Listened to the Queen. | ได้ฟังอัครราชบังอร |
And the monkey thought, | วานรดําริตริไป |
"The woman is Laksmi herself. | นางนี้คือองค์พระลักษมี |
Throughout the Three Worlds there is no comparison, | สามภพธาตรีไม่หาได้ |
Together with her wisdom | พร้อมทั้งปรีชาปัญญาไว |
And knowledge of the past and present. | รู้ในอดีตปัจจุบัน |
She's loyal to her husband. | ซื่อตรงต่อองค์พระภัสดา |
She would rather lay down her life. | สู้เสียชีวาอาสัญ |
She's fit to be the mother of the gods, | ควรเป็นมารดาเทวัญ |
Of the entire heaven." | ทั่วสวรรค์ชั้นฟ้าธาตรี |
Thinking this, he raised his hands above his head, | คิดแล้วยอกรเหนือเกศ |
And said to the Queen, | ทูลอัคเรศมเหสี |
"As for your words, | อันคําพระองค์พาที |
I didn't think of the results. | ข้านี้ไม่คิดถึงการ |
Please suppress your sorrow. | จงระงับดับใจไว้ก่อน |
Don't kill yourself yet. | อย่าข้อนรอนชีพสังขาร |
If you were to die, | แม้นพระแม่เดียวบรรลัยลาญ |
The avatar and Laksmana, the younger brother, | พระอวตารพระลักษณ์อนุชา |
There would be three persons who would die. | จะพากันมอดม้วยเป็นสาม |
And how would there be a war with the giants? | ไหนจะได้สงครามยักษา |
It would be all in vain for the army. | ป่วยการพวกพลโยธา |
So save yourself, and wait for the King. | จงครององค์ไว้ท่าภูมี |
I beg to take leave of you, | ตัวข้าขอลาพระเยาวเรศ |
To go explain this matter to Naray." | ไปแจ้งเหตุพระนารายณ์เรืองศรี |
having said this, he made a gesture of obeisance. | ทูลแล้วนบนิ้วอัญชุลี |
The the monkey walked away. | ขุนกระบี่ก็เดินออกไป ฯ |
ฯ ๑๔ คํา เสมอ | |
Click here for the picture | |
211. Then | ๒๑๑. เมื่อนั้น |
As for Lady Sita, the Epitome of Love, | นางสีดาเยาวยอดพิสมัย |
When the Son of the Wind | ครั้นวายุบุตรวุฒิไกร |
Was out of sight | ไปพอลับคลองนัยนา |
Slowly her distress diminished. | ค่อยระงับอาดูรพูนเทวษ |
The Queen looked left and right. | อัคเรศเหลือบแลซ้ายขวา |
She didn't see anyone coming or going. | ไม่เห็นผู้ใดไปมา |
She hurried up into the pavilion. | ก็รีบขึ้นพลับพลาทันที ฯ |
ฯ ๔ คํา ฯ เพลง | |
212. She leaned on a cushion. | ๒๑๒. เอนองค์ลงเหนือบรรจถรณ์ |
She raised her hands in a gesture of obeisance. | ยอกรประณตบทศรี |
She thought of the goodness of the Discus-bearer. | คิดคุณสมเด็จพระจักรี |
And the Queen fell asleep. | เทวีก็เคลิ้มหลับไป ฯ |
ฯ ๒ คํา ฯ กล่อม |